คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ภักดิ์ บุณย์ภักดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 226 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1791/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีเกี่ยวกับสัญญาเช่าสร้างอาคารหลังเจ้ามรดกเสียชีวิต สิทธิและหน้าที่ตกเป็นของกองมรดก
สัญญาเช่าที่ดินเพื่อสร้างอาคารที่โจทก์ทำไว้กับเจ้ามรดกนั้น เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรม สิทธิและหน้าที่ตามสัญญาย่อมตกเป็นกองมรดกของเจ้ามรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1600 โจทก์ต้องฟ้องคดีเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าสร้างอาคารดังกล่าวภายใน 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกถึงแก่กรรม ตามมาตรา 1754
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกเคยฟ้อง บ. ผู้เช่าสร้างอาคารอีกรายหนึ่ง ไม่ให้เข้าไปทำการก่อสร้างในที่พิพาท และเคยเรียกโจทก์กับ บ. มาไกล่เกลี่ยเพื่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้สร้างอาคารในที่พิพาท ถือไม่ได้ว่า จำเลยหรือกองมรดกยอมรับรู้สิทธิของโจทก์ ตามสัญญาเช่าสร้างอาคาร อันจะเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1763-1764/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ค่าสินไหมทดแทนประกันภัยต่อบุคคลภายนอก และการรับผิดของผู้รับประกันภัยต่อค่าเสียหายจากการขาดความสามารถประกอบการงาน
ข้อความตามกรมธรรม์ประกันภัยเกี่ยวกับความรับผิดต่อบุคคลภายนอกที่ว่า ผู้รับประกันภัยจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดตามกฎหมายเมื่อความบาดเจ็บหรือมรณะของบุคคลภายนอกเนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัยนั้นมีความหมายว่า ในกรณีที่บุคคลภายนอกได้รับบาดเจ็บหรือถึงแก่ความตายผู้เอาประกันภัยจำต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกตามกฎหมายในค่าเสียหายอย่างไรแล้วผู้รับประกันภัยจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอกในนามของผู้เอาประกันภัยดังนั้นเมื่อบุคคลภายนอกซึ่งได้รับบาดเจ็บชอบที่จะเรียกร้องให้ผู้เอาประกันภัยใช้ค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 ผู้รับประกันภัยก็ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้ด้วย
โจทก์อ้างสำนวนการสอบสวนและเรียกสำนวนการสอบสวนนั้นมาเป็นพยานโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วแต่พนักงานอัยการส่งสำนวนการสอบสวนมาหลังจากโจทก์จำเลยสืบพยานเสร็จแล้วหากจำเลยเห็นว่าสำนวนการสอบสวนนั้นไม่ถูกต้องทำให้จำเลยเสียเปรียบจำเลยก็ชอบที่จะอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามสิทธิที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มิได้ห้ามรับฟังพยานเอกสารที่มิได้มีการนำสืบพยานบุคคลประกอบศาลย่อมมีอำนาจรับฟังและใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานเอกสารดังกล่าวประกอบพยานหลักฐานอื่นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทวงหนี้โดยการโฆษณาหนังสือพิมพ์ ไม่เป็นการหมิ่นประมาท หากเป็นการเตือนหนี้ตามสิทธิเจ้าหนี้
เดิมห้างโจทก์กับบริษัทจำเลยที่ 1 ติดต่อค้าขายกันมาหลายปีโดยโจทก์ซื้อสินค้าจากจำเลยที่ 1 ต่อมาโจทก์เลิกซื้อสินค้าจากจำเลยที่ 1 และยังค้างชำระค่าสินค้าจำเลยที่ 1 อยู่ จำเลยที่ 1 ได้ทวงถามโจทก์ให้ชำระหนี้หลายครั้งแล้ว โจทก์ไม่ชำระ จึงได้มีประกาศโฆษณาลงในหนังสือพิมพ์ข้อความว่า ให้โจทก์จัดการชำระหนี้ที่ค้างจำเลยที่ 1 ภายใน7 วันมิฉะนั้นจะดำเนินการตามกฎหมาย ดังนี้ แม้จะฟังว่าจำเลยที่ 1และที่ 2 ในฐานะกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 และส่วนตัว เป็นผู้จัดให้มีการประกาศข้อความดังกล่าวก็ตามข้อความที่ประกาศนั้นก็เป็นเรื่องคำเตือนให้ลูกหนี้ชำระหนี้ ซึ่งจำเลยที่ 1 มีสิทธิที่จะกระทำได้ตามกฎหมาย ทั้งข้อความที่ประกาศก็ไม่มีข้อความใดที่เป็นการใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่น การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทวงหนี้และการหมิ่นประมาท: การประกาศทวงหนี้ในหนังสือพิมพ์ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
เดิมห้างโจทก์กับบริษัทจำเลยที่ 1 ติดต่อค้าขายกันมาหลายปี โดยโจทก์ซื้อสินค้าจากจำเลยที่ 1 ต่อมาโจทก์เลิกซื้อสินค้าจากจำเลยที่ 1 และยังค้างชำระค่าสินค้าจำเลยที่ 1 อยู่ จำเลยที่ 1 ได้ทวงถามโจทก์ให้ชำระหนี้หลายครั้งแล้ว โจทก์ไม่ชำระ จึงได้มีประกาศโฆษณาลงในหนังสือพิมพ์ข้อความว่า ให้โจทก์จัดากรชำระหนี้ที่ค้างจำเลยที่ 1 ภายใน 7 วัน มิฉะนั้น จะดำเนินการตามกฎหมาย ดังนี้ แม้จะฟังว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในฐานะกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 และส่วนตัว เป็นผู้จัดให้มีการประกาศข้อความดังกล่าวก็ตาม ข้อความที่ประกาศนั้นก็เป็นเรื่องคำเตือนให้ลูกหนี้ชำระหนี้ ซึ่งจำเลยที่ 1 มีสิทธิที่จะกระทำได้ตามกฎหมาย ทั้งข้อความที่ประกาศก็ไม่มีข้อความใดที่เป็นการใส่ความโจทก์ โดยประการที่น่าทำให้เสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่น การกระทำของจำเลยทั้งสอง จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1725/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพราง: การกู้ยืมเงินที่ทำสัญญาขายฝากเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางกฎหมาย
เดิมโจทก์มีเจตนาเพียงกู้เงินจากจำเลยไม่ประสงค์จะขายฝากที่พิพาท แต่เมื่อจำเลยให้โจทก์ทำสัญญาขายฝากที่พิพาทซึ่งถ้าโจทก์ไม่ยอมทำขายฝากจำเลยก็จะไม่ให้เงินในที่สุดโจทก์ได้ตกลงทำสัญญาขายฝากให้เช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์ทำสัญญาขายฝากที่พิพาทโดยความสมัครใจของโจทก์เองสัญญาขายฝากหาใช่เกิดจากเจตนาลวงด้วยการสมรู้ของโจทก์จำเลยที่ทำเพื่อจะอำพรางการกู้ยืมเงินไม่ สัญญาขายฝากดังกล่าวจึงมิใช่นิติกรรมอำพราง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1725/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพราง: สัญญาขายฝากที่แท้จริงคือการกู้ยืมเงินหรือไม่
เดิมโจทก์มีเจตนาเพียงกู้เงินจากจำเลยไม่ประสงค์จะขายฝากที่พิพาท แต่เมื่อจำเลยให้โจทก์ทำสัญญาขายฝากที่พิพาท ซึ่งถ้าโจทก์ไม่ยอมทำขายฝากจำเลยก็จะไม่ให้เงินในที่สุด โจทก์ได้ตกลงทำสัญญาขายฝากให้เช่นนี้ ถือได้ว่า โจทก์ทำสัญญาขายฝากที่พิพาทโดยความสมัครใจของโจทก์เอง สัญญาขายฝากใช่เกิดจากเจตนาลวงด้วยการสมรู้ของโจทก์ จำเลยที่ทำเพื่อจะอำพราง การกู้ยืมเงินไม่ สัญญาขายฝากดังกล่าวจึงมิใช่นิติกรรมอำพราง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินผิดแปลง การครอบครองที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย และเจตนาในการซื้อขาย
การรับโอนโฉนดที่ดินสับสนกันมาช้านานด้วยความเข้าใจผิดจำเลยที่ 2 ครอบครองที่พิพาทตามโฉนดที่ 2924 ตลอดมา แต่จดทะเบียนการโอนในโฉนดที่ 2949 จำเลยที่ 1 ซื้อที่ดินโฉนดที่ 2946 แต่จดทะเบียนการโอนในโฉนดที่2924 หาได้เคยครอบครองที่พิพาทไม่จำเลยที่ 1 ประสงค์จะขายที่ดินโฉนดที่ 2946 ที่ตนซื้อมาให้โจทก์และพาโจทก์ไปดูที่ดินดังกล่าวก่อนตกลงซื้อขายฉะนั้น ถึงแม้โจทก์จะมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนในโฉนดที่ 2924 โจทก์ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทเพราะโจทก์ไม่มีเจตนาจะซื้อที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1697/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจประเมินภาษีโรงเรือน: การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และการปฏิบัติตามขั้นตอนไต่สวน
โจทก์มีคำสั่งแต่งตั้งให้ ส. พนักงานเทศบาลสามัญชั้นโทดำรงตำแหน่งพนักงานประเมินภาษีโทและต่อมาโจทก์มีคำสั่งอีกฉบับหนึ่งแต่งตั้งให้บุคคลผู้ดำรงตำแหน่งพนักงานประเมินภาษีโทเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่และพนักงานเก็บภาษี เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 ดังนี้ ย่อมฟังได้ว่า ส. เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่และพนักงานเก็บภาษีตามบทบัญญัติ มาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 ส. จึงมีอำนาจที่จะประเมินภาษีโรงเรือนและแจ้งการประเมินเรียกเก็บภาษีจากจำเลยได้และเมื่อ ส. ได้ไต่สวนตรวจตราก่อนทำการประเมินตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา24 โดยการไปตรวจดูบ้านทั้งสองหลังของจำเลยที่ทำเป็นหอพักและสอบถามจำนวนห้องกับอัตราค่าเช่าพร้อมทั้งมีหนังสือสอบถามไปทางกรมประชาสงเคราะห์ด้วยแล้วจึงทำการประเมินและส่งใบแจ้งการประเมินไปยังจำเลยการประเมินเรียกเก็บภาษีโรงเรือนดังกล่าวจึงเป็นการชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละเจตนาครอบครองและการครอบครองปรปักษ์: การรับรองแนวเขตที่ดินถือเป็นการสละสิทธิ
เมื่อโจทก์นำช่างแผนที่ไปทำการรังวัดแบ่งแยกที่ดินจำเลยมิได้โต้แย้งสิทธิในที่พิพาทว่าเป็นของจำเลยโดยได้ครอบครองมา ทั้งได้ลงชื่อรับรองแนวเขตที่ดินของโจทก์ว่าถูกต้อง ดังนี้ แม้จะฟังว่าจำเลยได้เคยครอบครองที่พิพาทมาก่อน ก็ถือได้ว่าจำเลยสละเจตนาครอบครองที่พิพาทแล้ว การครอบครองที่มีมาก่อนย่อมสิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 การครอบครองของจำเลยซึ่งเริ่มนับใหม่หลังจากวันที่จำเลยรับรองแนวเขตที่ดินของโจทก์ถึงวันฟ้องยังไม่ครบ 10 ปี จำเลยไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1687/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการฟ้องขับไล่บุคคลที่อาศัยโดยไม่ปรากฏสัญญาเช่าหรือสิทธิอาศัยตามกฎหมาย เจ้าของบ้านมีสิทธิบอกเลิกได้ทันที
การที่จำเลยอาศัยอยู่ในบ้านพิพาทเป็นการอยู่โดยโจทก์อนุญาตให้อยู่เป็นบุคคลสิทธิ มิใช่อยู่โดยมีสิทธิอาศัยตามกฎหมาย เมื่อไม่กำหนดเวลาให้อาศัยไว้แล้ว เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ในบ้านเมื่อใด จำเลยจะต้องออกจากบ้านพิพาทไปทันที โดยโจทก์ไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้า โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทก่อนกำหนดเวลาที่แจ้งให้ออกได้
of 23