พบผลลัพธ์ทั้งหมด 226 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1687/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฟ้องขับไล่บุคคลที่อาศัยโดยไม่ปรากฏสัญญาเช่าหรือสิทธิอาศัยตามกฎหมาย เจ้าของบ้านมีสิทธิบอกเลิกได้ทันที
การที่จำเลยอาศัยอยู่ในบ้านพิพาทเป็นการอยู่โดยโจทก์อนุญาตให้อยู่เป็นบุคคลสิทธิ มิใช่อยู่โดยมีสิทธิอาศัยตามกฎหมาย เมื่อไม่กำหนดเวลาให้อาศัยไว้แล้ว เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ในบ้านเมื่อใด จำเลยจะต้องออกจากบ้านพิพาทไปทันที โดยโจทก์ไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้า โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทก่อนกำหนดเวลาที่แจ้งให้ออกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1521/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คสั่งจ่าย: ผู้ทรงคนหลังมีสิทธิเรียกร้อง แม้ผู้สั่งจ่ายจะโต้แย้งการโอนเช็ค และการลงวันออกเช็คไม่สมบูรณ์ไม่ทำให้ฟ้องขาดอายุความ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา910 วรรคสุดท้าย บัญญัติไว้ความว่า ถ้าตั๋วเงินมิได้ลงวันออกตั๋วผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดทำการโดยสุจริตจะจดวันตามที่ถูกต้องแท้จริงลงก็ได้ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นจำเลยผู้สั่งจ่าย หรือผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดเป็นผู้ลงวันออกเช็คพิพาทก็ไม่ทำให้ความสมบูรณ์ของเช็คเสียไปคดีไม่จำต้องวินิจฉัยว่า จำเลยได้ลงวันออกเช็คด้วยตนเองหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1421/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ต้องคำนึงถึงอายุจำเลยก่อนวางโทษ และความร่วมมือในการให้การ
การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 โดยวางโทษก่อนแล้วลดมาตราส่วนเป็นการไม่ถูกต้อง ศาลลดมาตราส่วนโดยคำนวณจากอัตราโทษที่กฎหมายกำหนดไว้ แล้วจึงวางโทษแก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนการพิจารณาคดีเช็คเนื่องจากโจทก์ไม่มาศาลและเดินทางไปต่างประเทศ
คดีความผิดต่อ พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนัดแรกตัวโจทก์ไม่มาศาลโดยไม่ทราบเหตุขัดข้องนัดที่ 2 โจทก์ไปสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยคำเชิญเกี่ยวกับธุรกิจยังไม่กลับเป็นเหตุควรต้องเลื่อนการพิจารณาไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าและการมีอำนาจฟ้องคดี กรณีจำเลยค้างชำระค่าเช่า และโจทก์แจ้งบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนดชำระค่าเช่า
ตามสัญญาเช่า จำเลยต้องชำระค่าเช่าให้โจทก์ภายในวันที่ 5 ของเดือน ทุกเดือนที่เช่า โจทก์บอกเลิกการเช่าโดยจำเลยได้รับหนังสือบอกเลิกการเช่า วันที่ 3 ตุลาคม 2521ซึ่งเป็นเวลาก่อนกำหนดที่จำเลยต้องชำระค่าเช่าเดือนที่ล่วงแล้วแก่โจทก์ โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2521 ซึ่งเป็นเวลาหลังที่จำเลยต้องชำระค่าเช่าเดือนที่โจทก์ฟ้องคดี ถือว่าโจทก์บอกเลิกการเช่าโดยบอกกล่าวให้จำเลยรู้ตัวก่อน กำหนดเวลาชำระค่าเช่าระยะหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินงอกริมตลิ่ง: ที่ดินงอกย่อมเป็นของเจ้าของที่ดินเดิม แม้มีการอุทิศที่ดินเป็นถนนสาธารณะในภายหลัง
เดิมที่พิพาทเป็นที่ชายตลิ่งน้ำท่วมถึงได้เปลี่ยนสภาพเป็นที่น้ำท่วมไม่ถึงมาได้ 4-5 ปีที่พิพาทอยู่หน้าที่ดินโจทก์ด้านริมแม่น้ำและมีทางเดินเล็ก ๆ เรียบริมแม่น้ำอันเป็นทางเดินในที่ดินโฉนดของโจทก์หรืองอกจากที่ดินของโจทก์ ทางเดินนี้แม้ชาวบ้านจะอาศัยใช้เป็นทางสัญจรไปมา.ก็หาใช่ทางสาธารณะไม่ หากจะเป็นก็เพียงทางภารจำยอม ต้องถือว่าทางเดินดังกล่าวเป็นที่ดินของโจทก์ ที่พิพาทติดกับทางเดินจึงเป็นที่งอกจากที่ดินมีโฉนดของโจทก์และเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์เจ้าของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1308 ถึงแม้ต่อมาโจทก์จะอุทิศที่ดินที่เป็นทางเดินให้เป็นถนนสาธารณะก็หาทำให้ที่พิพาทที่เป็นที่งอกซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้ว เปลี่ยนแปลงไปไม่ และจะถือว่าเป็นที่งอกจากที่สาธารณะมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินงอกริมตลิ่ง: ที่ดินงอกย่อมเป็นของเจ้าของที่ดินเดิม แม้จะมีการอุทิศเป็นถนนสาธารณะ
เดิมที่พิพาทเป็นที่ชายตลิ่งน้ำท่วมถึงได้เปลี่ยนสภาพเป็นที่น้ำท่วมไม่ถึงมาได้ 4 - 5 ปี ที่พิพาทอยู่หน้าที่ดินโจทก์ด้านริมแม่น้ำ และมีทางเดินเล็ก ๆ เรียบริมแม่น้ำอันเป็นทางเดินในที่ดินโฉนดของโจทก์ หรืองอกจากที่ดินของโจทก์ ทางเดินนี้แม้ชาวบ้านจะอาศัยใช้เป็นทางสัญจรไปมาก็หาใช่ทางสาธารณะไม่ หากจะเป็นก็เพียงทางภารจำยอม ต้องถือว่าทางเดินดังกล่าวเป็นที่ดินของโจทก์ ที่พิพาทติดกับทางเดิน จึงเป็นที่งอกจากที่ดินมีโฉนดของโจทก์และเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์เจ้าของที่ดินตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1308 ถึงแม้ต่อมาโจทก์จะอุทิศที่ดินที่เป็นทางเดินให้เป็นถนนสาธารณะก็หาทำให้ที่พิพาทเป็นที่งอกซึ่งเป็นกรรมสิทธิของโจท์แล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้ และจะถือว่าเป็นที่งอกจากที่สาธารณะมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย และอำนาจฟ้องของผู้ซื้อ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนขายบ้านให้โจทก์ โดยกล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสองทำสัญญาจะขายบ้านโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ ปรากฏว่าตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้น จำเลยที่ 2 พิมพ์ลายนิ้ว มือในสัญญาโดยมีพยานรับรองเพียงคนเดียว ซึ่งการพิมพ์ลายนิ้วมือจะต้องมีพยานลงลายมือชื่อรับรองสองคน จึงจะเสมอกับลงลายมือชื่อ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 วรรคสาม ที่โจทก์ลงชื่อในสัญญาไม่มีข้อความระบุว่า เป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยที่ 2 ต้องถือว่า โจทก์ลงชื่อในฐานะผู้ซื้อ จึงถือไม่ได้ว่า สัญญาดังกล่าวได้ลงลายมือชื่อจำเลยที่ 2 ฝ่ายที่ต้องรับผิดส่วนจำเลยที่ 1 มิได้ลงลายมือชื่อในสัญญาด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องบังคับแก่จำเลยทั้งสองตามสัญญาจะซื้อจะขายดังกล่าวได้
โจทก์มีอำนาจฟ้องตามสัญญาจะซื้อจะขายได้หรือไม่นั้น เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5)
โจทก์มีอำนาจฟ้องตามสัญญาจะซื้อจะขายได้หรือไม่นั้น เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย และอำนาจฟ้องบังคับคดี
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนขายบ้านให้โจทก์ โดยกล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสองทำสัญญาจะขายบ้านโดยมีหลักฐาน เป็นหนังสือปรากฏว่าตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้น จำเลยที่ 2 พิมพ์ ลายนิ้วมือในสัญญาโดยมีพยานรับรองเพียงคนเดียวซึ่งการพิมพ์ลายนิ้วมือจะต้องมีพยานลงลายมือชื่อรับรองสองคน จึงจะเสมอกับลงลายมือชื่อ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 วรรคสาม ที่โจทก์ลงชื่อในสัญญาไม่มีข้อความระบุว่าเป็นพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยที่ 2 ต้องถือว่าโจทก์ลงชื่อในฐานะผู้ซื้อ จึงถือไม่ได้ว่าสัญญาดังกล่าวได้ลงลายมือชื่อจำเลยที่ 2 ฝ่ายที่ต้องรับผิดส่วนจำเลยที่ 1 มิได้ลงลายมือชื่อในสัญญาด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องบังคับแก่จำเลยทั้งสองตามสัญญาจะซื้อจะขายดังกล่าวได้
โจทก์มีอำนาจฟ้องตามสัญญาจะซื้อจะขายได้หรือไม่นั้น เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา142(5)
โจทก์มีอำนาจฟ้องตามสัญญาจะซื้อจะขายได้หรือไม่นั้น เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา142(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1167/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเชิดตัวแทนรับผิดในสัญญาเหมาช่วง: ผู้รับเหมาช่วงทำสัญญาจ้างย่อย ผู้รับเหมาหลักเบิกเงินรับเหมาช่วงแล้วต้องรับผิดชอบหนี้
จำเลยที่ 1 ทำสัญญารับเหมาก่อสร้างอาคารหน่วยปฏิบัติการตามลำน้ำโขงให้กับกองทัพเรือ โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ทำการก่อสร้างอาคารนั้นให้ และในบริเวณที่ก่อสร้างนั้น มีการปักป้ายชื่อบริษัทจำเลยที่ 1 ไว้ ทำให้คนทั่วไปรวมทั้งโจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารสถานที่นั้น ระหว่างก่อสร้างจำเลยที่ 2 ได้ติดต่อจ้างโจทก์ให้ถมทรายและทำถนนลูกรังในบริเวณก่อสร้างจนเสร็จและจำเลยที่ 1 ก็ได้ส่งมอบงานถนนนั้นต่อกองทัพเรือแล้วรับเงินมาพฤติการณ์เช่นนี้ถือว่า จำเลยที่ 1 เชิดจำเลยที่ 2 ออกแสดงเป็นตัวแทน จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดใช้ค่าจ้างที่จำเลยที่ 2 ยังมิได้ชำระแก่โจทก์