คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ภักดิ์ บุณย์ภักดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 226 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขนส่งสินค้าสูญหาย/เสียหาย และการยกเหตุสุดวิสัยที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง
จำเลยให้การเพียงว่าเหตุที่รถพลิกคว่ำเป็นเพราะฝนตกหนักถนนลื่นมาก พนักงานของจำเลยไม่สามารถควบคุมรถได้ การที่จำเลยกล่าวอ้างในชั้นฎีกาว่าเหตุที่รถพลิกคว่ำเป็นเพราะมีรถคันอื่นแซงขึ้นหน้ารถจำเลยแล้วแล่นปาดหน้าเพื่อเข้าเส้นทางคนขับรถของจำเลยจึงห้ามล้อและหักพวงมาลัยรถหลบเข้าข้างทาง ทำให้รถพลิกคว่ำ เป็นเหตุสุดวิสัยนั้นเป็นการยกเหตุนอกประเด็นที่ให้การไว้ ข้อที่จำเลยอ้างว่าเป็นเหตุสุดวิสัยจึงรับฟังไม่ได้
ใบรับของมีหมายเหตุว่าสินค้าที่รับขนโดยไม่ได้ประเมินราคาผู้รับขนรับผิดไม่เกิน 500 บาท ข้อความนี้ผู้ส่งของมิได้ตกลงด้วย จึงเป็นโมฆะตาม มาตรา 625 เมื่อพนักงานประจำรถบรรทุกของจำเลยลงลายมือชื่อรับทราบรายละเอียดและราคาของสินค้าไว้ในใบส่งของแล้วย่อมถือได้ว่าบริษัท อ. ผู้ส่งได้บอกราคาของสินค้าให้จำเลยทราบในขณะส่งมอบของแล้วจำเลยในฐานะผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดในการสูญหายหรือบุบสลายของสินค้าที่ตนรับขนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 316

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารมหาชน (น.ส.3ก.) มีผลผูกพันตามข้อสันนิษฐานตามกฎหมาย โจทก์ต้องพิสูจน์ความไม่ถูกต้อง
แบบบันทึกการสอบสวนสิทธิและพิสูจน์การทำประโยชน์ และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ที่พิพาท เป็นเอกสารที่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายได้ทำขึ้นจึงเป็นเอกสารมหาชนซึ่งต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 ว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องเป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 931/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดจากการก่อสร้างกีดขวางทางเข้าออก แม้เพื่อประโยชน์สาธารณะ เจ้าของทรัพย์มีสิทธิให้แก้ไข
จำเลยสร้างสะพานลอยกีดขวางทางเข้าออกบ้านโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเดือดร้อนเกินที่ควรคิด หรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไปได้ ถึงแม้จำเลยจะสร้างสะพานลอยเพื่อสาธารณประโยชน์และโจทก์จะมีสิทธินำรถยนต์เข้าออกระหว่างถนนกับบ้านโจทก์โดยผ่านทางเท้าหรือไม่ก็ตาม การที่จำเลยสร้างสะพานลอยดังกล่าวก็เป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 931/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดจากการก่อสร้างกีดขวางทางเข้าออก แม้มีสาธารณประโยชน์ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้แก้ไข
จำเลยสร้างสะพานลอยกีดขวางทางเข้าออกบ้านโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไปได้ ถึงแม้จำเลยจะสร้างสะพานลอยเพื่อสาธารณประโยชน์และโจทก์จะมีสิทธินำรถยนต์เข้าออกระหว่างถนนกับบ้านโจทก์โดยผ่านทางเท้าหรือไม่ก็ตาม การที่จำเลยสร้างสะพานลอยดังกล่าวก็เป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนำหุ้นเป็นประกันหนี้ ผู้จำนำต้องรับผิดร่วมกับลูกหนี้ตามมูลค่าหุ้น หากขายได้เงินน้อยกว่าก็ต้องชดใช้ส่วนต่าง
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ จำเลยที่ 1, ที่ 4, ที่ 5, ที่ 6 และที่ 7 ได้จำนำหุ้นซึ่งจำเลยแต่ละคนเป็นผู้ถือเพื่อเป็นการประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 สัญญาจำนำระบุว่าผู้จำนำยอมรับผิดต่อผู้รับจำนำในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และถ้าขายทรัพย์สินที่จำนำได้เงินสุทธิต่ำกว่าต้นเงินจำนำและดอกเบี้ยที่ค้างชำระผู้จำนำยอมชดใช้เงินที่ยังขาดอีกจนครบนั้น ต้องแปลว่าจำเลยที่ 4 ถึงที่ 7 ยอมรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 เต็มมูลค่าหุ้นที่จำเลยแต่ละคนนำมาจำนำ หากภายหลังขายได้เงินสุทธิน้อยกว่ามูลค่าหุ้นแล้ว ผู้จำนำยอมรับผิดในส่วนที่ยังขาดอยู่นั้น
ปัญหาว่าการขายทอดตลาดหุ้นที่จำนำและโอนหุ้นไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการขายทอดตลาดเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่าพ.ศ.2474 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 พ.ศ.2515 และพระราชบัญญัติโรงรับจำนำนั้น จำเลยมิได้ต่อสู้เป็นประเด็นไว้ในคำให้การ จึงมิใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันความเสียหายต่อทรัพย์สิน: สิทธิในการห้ามนำรถยนต์ออกจากบ้านเพื่อป้องกันบ้านพัง
รถยนต์ของโจทก์ชนบ้านจำเลย โจทก์จะนำรถยนต์ออกจากบ้านจำเลยแต่เสาและไม้ที่นำไปเพื่อค้ำบ้านจำเลยไม่เพียงพอที่จะทำให้บ้านของจำเลยไม่พังลงมา จะต้องรื้อบ้านก่อนจึงจะนำรถยนต์ออกจากบ้านได้ฉะนั้นที่จำเลยห้ามไม่ให้โจทก์เอารถยนต์ออกจากบ้านในวันนั้น จึงเป็นการกระทำเพื่อมิให้บ้านจำเลยพังลงมาทั้งหลังเป็นการป้องกันมิให้จำเลยได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งจำเลยมีสิทธิโดยชอบ ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 740/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดเวลาคำร้องพิจารณาใหม่และการหมดอายุของเหตุพฤติการณ์นอกเหนือความสามารถในการควบคุม
จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งให้ยกคำร้องเพราะจำเลยยื่นคำขอเมื่อพ้น 15 วัน นับแต่วันทราบคำบังคับ จำเลยอุทธรณ์ เห็นว่าคำขอของจำเลยได้แสดงเหตุที่ขาดนัดและเหตุที่ยื่นคำขอล่าช้ามาโดยละเอียดพอสมควรแล้ว แต่ในข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลหาได้กล่าวมาโดยละเอียดชัดแจ้งไม่ จึงพิพากษายืน จำเลยจึงมายื่นคำขอพิจารณาใหม่อีกครั้งหนึ่งโดยบรรยายรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นด้วย ดังนี้ คำขอให้พิจารณาใหม่ที่จำเลยยื่นในครั้งหลังก็ต้องอยู่ในบังคับแห่งกำหนดเวลาตามมาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเช่นเดียวกับฉบับแรก เมื่อปรากฏว่าพนักงานเดินหมายส่งคำบังคับให้แก่จำเลยวันที่ 14 กันยายน 2521 และคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ฉบับหลัง จำเลยอ้างว่า ศ. ซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกับจำเลยและเป็นผู้รับหมายไว้แทนเพิ่งมอบคำบังคับให้จำเลยเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2521 แม้กรณีที่จำเลยอ้างว่าเพิ่งทราบคำบังคับจะถือได้ว่ามีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ แต่พฤติการณ์ดังกล่าวก็ได้สิ้นสุดลงแล้วในวันที่จำเลยทราบคำบังคับ จำเลยมายื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ฉบับหลังเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2522 จึงพ้นกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้สิ้นสุดลง คำร้องดังกล่าวจึงต้องห้ามตามมาตรา 208 ส่วนการที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ฉบับแรกโดยไม่บรรยายข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลไม่ชอบด้วยมาตรา 208 วรรคท้าย จนศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำร้องไปแล้วนั้น ก็เป็นความผิดพลาดบกพร่องของจำเลยเอง ไม่อาจถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ที่จะขยายระยะเวลาให้จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 740/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำขอพิจารณาคดีใหม่ เกินกำหนดเวลาตามกฎหมาย และเหตุพฤติการณ์นอกเหนือความสามารถในการควบคุม
จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งให้ยกคำร้องเพราะจำเลยยื่นคำขอเมื่อพ้น 15 วันนับแต่วันทราบคำบังคับ จำเลยอุทธรณ์เห็นว่าคำขอของจำเลยได้แสดงเหตุที่ขาดนัดและเหตุที่ยื่นคำขอล่าช้ามาโดยละเอียดพอสมควรแล้ว แต่ในข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลหาได้กล่าวมาโดยละเอียดชัดแจ้งไม่ จึงพิพากษายืน จำเลยจึงมายื่นคำขอพิจารณาใหม่อีกครั้งหนึ่งโดยบรรยายรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นด้วย ดังนี้คำขอให้พิจารณาใหม่ที่จำเลยยื่นในครั้งหลังก็ต้องอยู่ในบังคับแห่งกำหนดเวลาตามมาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเช่นเดียวกับฉบับแรก เมื่อปรากฏว่าพนักงานเดินหมายส่งคำบังคับให้แก่จำเลยวันที่ 14กันยายน 2521 และคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ฉบับหลัง จำเลยอ้างว่า ศ. ซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกับจำเลยและเป็นผู้รับหมายไว้แทนเพิ่งมอบคำบังคับให้จำเลยเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2521 แม้กรณีที่จำเลยอ้างว่าเพิ่งทราบคำบังคับจะถือได้ว่ามีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ แต่พฤติการณ์ดังกล่าวก็ได้สิ้นสุดลงแล้วในวันที่จำเลยทราบคำบังคับ จำเลยมายื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ฉบับหลังเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2522 จึงพ้นกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้สิ้นสุดลง คำร้องดังกล่าวจึงต้องห้ามตามมาตรา 208. ส่วนการที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ฉบับแรกโดยไม่บรรยายข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลไม่ชอบด้วยมาตรา 208 วรรคท้ายจนศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำร้องไปแล้วนั้น ก็เป็นความผิดพลาดบกพร่องของจำเลยเอง ไม่อาจถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ที่จะขยายระยะเวลาให้จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงประชาชน: การหลอกลวงเจ้าหนี้เฉพาะกลุ่ม ไม่ถือว่าเป็นการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 เป็นเรื่องฉ้อโกงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน คำว่า "ประชาชน" มิได้มีคำจำกัดความไว้ในประมวลกฎหมายอาญา แต่ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานหมายถึง "บรรดาพลเมือง" และคำว่า "พลเมือง" มีความหมายถึง "ชาวเมืองทั้งหลาย"
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งหกหลอกลวงโจทก์และประชาชนที่เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 4 ประมาณ 30 คน จึงเป็นการหลอกลวงเฉพาะบุคคลที่เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 4 ซึ่งมีจำนวนมากเท่านั้น มิใช่เป็นการหลอกลวงประชาชนโดยทั่ว ๆ ไป ฟ้องดังกล่าวจึงไม่มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงประชาชน: การหลอกลวงเจ้าหนี้เฉพาะกลุ่ม ไม่ถือเป็นการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343เป็นเรื่องฉ้อโกงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน คำว่า'ประชาชน' มิได้มีคำจำกัดความไว้ในประมวลกฎหมายอาญา แต่ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานหมายถึง 'บรรดาพลเมือง' และคำว่า 'พลเมือง' มีความหมายถึง 'ชาวเมืองทั้งหลาย'
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งหกหลอกลวงโจทก์และประชาชนที่เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 4 ประมาณ 30 คน จึงเป็นการหลอกลวงเฉพาะบุคคลที่เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 4 ซึ่งมีจำนวนมากเท่านั้น มิใช่เป็นการหลอกลวงประชาชนโดยทั่ว ๆ ไป ฟ้องดังกล่าวจึงไม่มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343
of 23