คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประสม ศรีเจริญ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 505 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2771/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมพิจารณาคดีระหว่างศาลพลเรือนและศาลทหารที่ไม่ชอบตามกฎหมาย และผลกระทบต่ออำนาจศาลอุทธรณ์
ศาลพลเรือนประทับฟ้องแล้วสั่งให้พิจารณารวมกับคดีของศาลทหาร และพิพากษารวมกันมา โดยมีตุลาการศาลทหารและผู้พิพากษาศาลพลเรือนชุดเดียวกันรวมสามนายเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษา เป็นการไม่ชอบตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมว่าด้วยอำนาจศาลและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 25 เพราะคดีต่างศาลกันจะพิจารณารวมกันไม่ได้ เป็นเรื่องศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาต้องถือว่าคดีนี้ยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาของศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์จึงยังไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาต้องให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ให้เป็นการถูกต้องเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2771/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมพิจารณาคดีต่างศาล: ศาลพลเรือนไม่มีอำนาจพิจารณารวมกับคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร
ศาลพลเรือนประทับฟ้องแล้วสั่งให้พิจารณารวมกับคดีของศาลทหาร และพิพากษารวมกันมา โดยมีตุลาการศาลทหารและผู้พิพากษาศาลพลเรือนชุดเดียวกันรวมสามนายเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษา เป็นการไม่ชอบตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมว่าด้วยอำนาจศาลและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 25เพราะคดีต่างศาลกันจะพิจารณารวมกันไม่ได้ เป็นเรื่องศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ต้องถือว่าคดีนี้ยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาของศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์จึงยังไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาต้องให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ให้เป็นการถูกต้องเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2619/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉ้อฉลจำนองที่ดินพิพาท: ศาลต้องสืบพยานเพื่อพิสูจน์เจตนาและอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ได้นำที่ดินมีโฉนดของโจทก์ซึ่งจำเลยที่ 1 กำลังมีคดีพิพาทอยู่กับโจทก์ไปจำนองไว้แก่จำเลยที่ 2 เพื่อเป็นประกันหนี้ โดยจำเลยทั้งสองมีเจตนาทุจริตร่วมกันใช้กลฉ้อฉลแก่โจทก์ โดยไม่มีค่าตอบแทนและมิได้มีเจตนาทำสัญญาจำนองกันโดยแท้จริง ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาจำนอง จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าการจำนองได้กระทำโดยสุจริต มีค่าตอบแทน และมิใช่เป็นการฉ้อฉลโจทก์ ดังนี้คดีมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาว่า จำเลยทั้งสองร่วมคบคิดกันทำการฉ้อฉลโจทก์ด้วยการเอาที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ในระหว่างที่จำเลยที่ 1 เป็นความกับโจทก์ไปจดทะเบียนทำนิติกรรมจำนองไว้แก่จำเลยที่ 2 โดยไม่มีค่าตอบแทนและมิได้มีเจตนาที่จะทำนิติกรรมสัญญาจำนองกันแท้จริงดังฟ้องหรือไม่ แม้คดีที่โจทก์พิพาทกับจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้โอนใส่ชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท แต่คดียังไม่ยุติเพราะอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ถ้าศาลฎีกามีคำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีดังกล่าว การกระทำของจำเลยที่ 1 อาจเป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ได้เมื่อข้อกล่าวอ้างของโจทก์ในคดีนี้จำเลยทั้งสองยังโต้เถียงอยู่อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้ จำต้องฟังข้อเท็จจริงจากการนำสืบพยานหลักฐานของคู่ความเสียก่อน การสั่งงดสืบพยานของคู่ความแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2619/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีฉ้อฉลจำนอง: ต้องเปิดโอกาสสืบพยานเพื่อพิสูจน์เจตนาและข้อเท็จจริงก่อนวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ได้นำที่ดินมีโฉนดของโจทก์ซึ่งจำเลยที่ 1 กำลังมีคดีพิพาทอยู่กับโจทก์ไปจำนองไว้แก่จำเลยที่ 2 เพื่อเป็นประกันหนี้ โดยจำเลยทั้งสองมีเจตนาทุจริตร่วมกันใช้กลฉ้อฉลแก่โจทก์ โดยไม่มีค่าตอบแทนและมิได้มีเจตนาทำสัญญาจำนองกันโดยแท้จริง ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาจำนอง จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าการจำนองได้กระทำโดยสุจริต มีค่าตอบแทน และมิใช่เป็นการฉ้อฉลโจทก์ ดังนี้คดีมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาว่า จำเลยทั้งสองร่วมคบคิดกันทำการฉ้อฉลโจทก์ด้วยการเอาที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ในระหว่างที่จำเลยที่ 1 เป็นความกับโจทก์ไปจดทะเบียนทำนิติกรรมจำนองไว้แก่จำเลยที่ 2 โดยไม่มีค่าตอบแทนและมิได้มีเจตนาที่จะทำนิติกรรมสัญญาจำนองกันแท้จริงดังฟ้องหรือไม่ แม้คดีที่โจทก์พิพาทกับจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้โอนใส่ชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท แต่คดียังไม่ยุติเพราะอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ถ้าศาลฎีกามีคำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีดังกล่าว การกระทำของจำเลยที่ 1 อาจเป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ได้เมื่อข้อกล่าวอ้างของโจทก์ในคดีนี้จำเลยทั้งสองยังโต้เถียงอยู่อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้ จำต้องฟังข้อเท็จจริงจากการนำสืบพยานหลักฐานของคู่ความเสียก่อน การสั่งงดสืบพยานของคู่ความแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2584/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดขวางการดำเนินงานของกรรมการควบคุมบริษัทเงินทุน และความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงาน
จำเลยซึ่งเป็นประธานกรรมการบริษัทเงินทุนที่ถูกควบคุมตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนฯ ได้ขัดขวางแย่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุมใหญ่แทนประธานกรรมการควบคุมบริษัทโดยมิได้รับมอบหมาย เป็นการฝ่าฝืนเข้ากระทำกิจการของบริษัทจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 60,73
ประธานกรรมการบริษัทมีฐานะเป็นกรรมการบริษัทคนหนึ่ง
พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนฯมิได้ระบุให้คณะกรรมการควบคุมบริษัทมีฐานะเป็นเจ้าพนักงาน คณะกรรมการดังกล่าวจึงมิใช่เจ้าพนักงานตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญาทั้งถือไม่ได้ว่าเป็นผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ จำเลยซึ่งแย่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุมใหญ่ จึงไม่มีความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงาน ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2573/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้รถประกันภัยรับจ้างบรรทุกของถือเป็นการผิดเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยไม่ต้องรับผิดค่าสินไหมทดแทน
โจทก์นำรถบรรทุกประกันภัยไว้กับบริษัทจำเลย มีข้อสัญญาว่าหากรถที่เอาประกันภัยสูญหาย จำเลยยอมใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่มีเงื่อนไขยกเว้นห้ามใช้รถดังกล่าวรับจ้างหรือให้เช่า ถ้าผิดเงื่อนไขจำเลยไม่ต้องรับผิดระหว่างระยะเวลาประกันภัยมีผู้มาติดต่อกับ ส. หุ้นส่วนคนหนึ่งของโจทก์ว่าจ้างให้นำรถดังกล่าวไปบรรทุกของ ส.ตกลงรับจ้างคิดค่าจ้าง 1,400 บาท รับมัดจำไว้ 200 บาท แล้วสั่งให้ ค. คนขับรถของโจทก์ไปบรรทุกของตามที่ตกลงในวันนัดบรรทุกของ ขณะที่ ค. จอดรถรอบรรทุกของตามที่ตกลงว่าจ้างอยู่ มีชายคนหนึ่งมาบอกให้ ค. ไปรับค่าจ้างอีก 1,200 บาท ณ สถานที่อีกแห่งหนึ่ง เมื่อ ค. กลับมายังที่ซึ่งจอดรถไว้ ปรากฏว่ารถหายไป ดังนี้ ถือได้ว่าสัญญาจ้างได้เกิดขึ้นแล้ว การที่โจทก์ให้นำรถไปจอดรอรับของก็เพื่อให้สำเร็จตามที่ได้รับจ้างมา มิใช่เพียงจะรับจ้างจึงถือได้ว่ารถหายระหว่างโจทก์เอาไปรับจ้างบรรทุกของให้ผู้อื่น เป็นการผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2541/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับโอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อขาย: ศาลพิพากษาให้โอนที่ดินโดยปลอดภาระจำนองได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายซึ่งมีความหมายอยู่ในตัวว่าจำเลยต้องโอนที่ดินให้โจทก์โดยปราศจากภาระผูกพันใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินโดยปลอดจำนองให้แก่โจทก์ จึงไม่เป็นการเกินคำขอของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2541/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนที่ดินตามสัญญาจะซื้อขาย ศาลพิพากษาให้โอนโดยปลอดจำนอง ไม่เกินคำขอ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายซึ่งมีความหมายอยู่ในตัวว่าจำเลยต้องโอนที่ดินให้โจทก์โดยปราศจากภาระผูกพันใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินโดยปลอดจำนองให้แก่โจทก์ จึงไม่เป็นการเกินคำขอของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2508/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าช่วงและการต่อสัญญาเช่า: สิทธิการเช่าช่วงสิ้นสุดเมื่อสัญญาเช่าเดิมหมดอายุ และการเชื่อโดยสุจริตว่าสัญญาจะต่ออายุ
จำเลยให้ ต. เช่าช่วงบ้านพิพาทขณะสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยฉบับเดิมซึ่งจำเลยมีสิทธิให้เช่าช่วงได้ยังมีผลบังคับ และที่จำเลยให้เช่าช่วงเกินกำหนดเวลาตามสัญญาเช่าฉบับเดิมก็เพราะเชื่อว่าโจทก์จะต่อสัญญาเช่าและอนุญาต ให้เช่าช่วงได้เช่นเดิมทั้งตามสัญญาที่จำเลยให้ ต.เช่าช่วงก็มีเงื่อนไขว่าจำเลยมีสิทธิให้ ต. ออกไปก่อนครบกำหนดเวลาได้ แสดงว่าถ้าโจทก์ไม่อนุญาตให้เช่าช่วงจำเลยก็ไม่ยินยอมให้ ต. เช่าช่วงต่อไปได้ซึ่งจำเลยก็ได้ขับไล่ ต. อันถือได้ว่าเป็นการเลิกสัญญาให้เช่าช่วงแล้ว กรณียังไม่พอฟังว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2464/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องรับช่วงสิทธิจากสัญญาประกันภัย ไม่ต้องมีหลักฐานหนังสือตามมาตรา 867 วรรคแรก และการรับฟังพยานบุคคลแทนเอกสาร
โจทก์เข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยฟ้องจำเลยผู้ก่อวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 ไม่ใช่ฟ้องร้องบังคับคดีตามสัญญาประกันภัยจึงไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 867 วรรคแรกอันจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือของฝ่ายที่ต้องรับผิดมาแสดงจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้และไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 เพราะมิใช่กรณีมีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง
โจทก์อ้างว่าต้นฉบับกรมธรรม์ประกันภัยอยู่ที่บริษัท ส.ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกจากบริษัท ส. บริษัท ส. แจ้งว่ายังค้นหาเอกสารไม่พบโจทก์ย่อมมีสิทธินำสำเนาเอกสารหรือพยานบุคคลเข้าสืบถึงการรับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ก.ท.ซ. 4500 คันเกิดเหตุจากบริษัท ส. ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา123
of 51