พบผลลัพธ์ทั้งหมด 505 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากความผิดพลาดในการจดวันนัด และการคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดที่ไม่ชัดเจน
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกโจทก์ขอเลื่อนคดี ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 11 ธันวาคม 2522 ถึงวันนัดโจทก์ขอเลื่อนอีก ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 25 มกราคม 2523 แต่ทนายจำเลยจดวันนัดลงในสมุดนัดความของตนผิดโดยจดเป็นวันที่ 25กุมภาพันธ์ 2523 ซึ่งเป็นผลทำให้ทนายจำเลยเข้าใจวันนัดสืบพยานโจทก์ผิดไปจึงมิได้มาศาลในวันที่ 25มกราคม 2523 ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา กรณีมีเหตุสมควรที่จะให้พิจารณาใหม่ได้
ในคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย ได้มีข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลว่า ศาลได้พิจารณาให้โจทก์ชนะคดีโดยเพียงแต่ฟังพยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งนำพยานเข้าสืบเพียงปากเดียวนั้นยังไม่เพียงพอที่จะให้โจทก์ชนะคดีได้ เนื่องจากจำเลยมีพยานทั้งบุคคลและเอกสารต่างๆ ที่จะนำสืบแสดงว่าจำเลยมิได้ผิดสัญญาตามฟ้องโจทก์ ดังนี้ถือได้ว่าคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยได้กล่าวโดยชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 แล้ว
ในคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย ได้มีข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลว่า ศาลได้พิจารณาให้โจทก์ชนะคดีโดยเพียงแต่ฟังพยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งนำพยานเข้าสืบเพียงปากเดียวนั้นยังไม่เพียงพอที่จะให้โจทก์ชนะคดีได้ เนื่องจากจำเลยมีพยานทั้งบุคคลและเอกสารต่างๆ ที่จะนำสืบแสดงว่าจำเลยมิได้ผิดสัญญาตามฟ้องโจทก์ ดังนี้ถือได้ว่าคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยได้กล่าวโดยชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าเพิ่มเติมต้องมีลายมือชื่อคู่สัญญาจึงมีผลผูกพัน
ข้อ 2 แห่งสัญญาเช่ามีข้อกำหนดไว้ด้วยว่า หากจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมประการใด จะต้องปรากฏลายมือชื่อคู่สัญญาลงกำกับไว้เป็นสำคัญ เมื่อข้อตกลงเพิ่มเติมท้ายสัญญาเช่าพิมพ์ไว้ต่างหากด้านข้างของกระดาษแบบฟอร์ม และมีแต่ลายมือชื่อของจำเลยผู้เช่ากับลายมือชื่อของพยานใต้ข้อความนั้น หาได้มีลายมือชื่อคู่สัญญาฝ่ายโจทก์ผู้ให้เช่าลงกำกับไว้ด้วยไม่ ข้อตกลงเพิ่มเติมดังกล่าวถือไม่ได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1419/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เครื่องหมายการค้าไม่เหมือนหรือคล้ายกัน สินค้าต่างประเภท ไม่ทำให้สับสน ไม่ละเมิด
เครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยเป็นภาพหัวสิงห์โตอยู่ในวงกลม แต่รูปวงกลมและส่วนประกอบอื่นๆผิดกันมากใช้กับสินค้าต่างจำพวกกัน ไม่เหมือนหรือคล้ายกับของโจทก์ไม่มีลักษณะทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1339/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวในชั้นฎีกาหลังศาลอุทธรณ์อนุญาตถอนอุทธรณ์
คดีความผิดต่อส่วนตัวซึ่งศาลชั้นต้นลงโทษจำเลย โจทก์จำเลย ต่างอุทธรณ์แล้วทั้งสองฝ่ายขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มี คำสั่งอนุญาตและจำหน่ายคดี โจทก์จำเลยฎีกาว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ตรงตามความประสงค์เพราะคำสั่งนั้นมีผล ให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นยังคงอยู่ โจทก์จำเลยประสงค์เลิกคดี กัน และโจทก์ฎีกาขอให้มีคำสั่งให้โจทก์ถอนฟ้องด้วย ดังนี้ ศาลฎีกาอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ โดยถือว่าโจทก์ ขอถอนฟ้องคดีนี้ในชั้นฎีกาซึ่งจำเลยไม่คัดค้าน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1339/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีอาญาในชั้นฎีกาหลังตกลงกันได้ คดีความผิดต่อส่วนตัว
คดีความผิดต่อส่วนตัวซึ่งศาลชั้นต้นลงโทษจำเลย โจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์แล้วทั้งสองฝ่ายขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตและจำหน่ายคดี โจทก์จำเลยฎีกาว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ตรงตามความประสงค์เพราะคำสั่งนั้นมีผลให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นยังคงอยู่ โจทก์จำเลยประสงค์เลิกคดีกัน และโจทก์ฎีกาขอให้มีคำสั่งให้โจทก์ถอนฟ้องด้วยดังนี้ ศาลฎีกาอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ โดยถือว่าโจทก์ขอถอนฟ้องคดีนี้ในชั้นฎีกาซึ่งจำเลยไม่คัดค้าน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาฎีกาต้องมีเหตุพิเศษหรือเหตุสุดวิสัย มิใช่ละเลยการดำเนินคดี
การขอขยายกำหนดเวลายื่นฎีกาจะพึงทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและต้องมีคำขอขึ้นมาเสียก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นฎีกา เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย จึงจะมีคำขอขึ้นมาภายหลังได้ ถ้าเหตุที่จำเลยอ้างตามคำร้องนั้นเห็นได้ชัดว่าแม้จะไต่สวนได้ความสมจริงดังข้ออ้างก็มิใช่กรณีมีเหตุสุดวิสัย แต่เป็นกรณีที่จำเลยเพิกเฉยละเลยต่อการดำเนินคดีของตน ศาลก็ไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวน
จำเลยทราบดีว่าทนายจำเลยจะไม่มีโอกาสดำเนินคดีแทนจำเลยต่อไปเพราะจำเลยไม่ต้องการให้ทนายจำเลยดำเนินคดีในชั้นฎีกา จำเลยก็ชอบที่จะถอนทนายจำเลยขณะคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้ทุกเมื่อ และติดตามฟังผลคดีด้วยตนเองเพื่อจะใช้สิทธิยื่นฎีกา ดังนั้นการที่ทนายจำเลยได้รับหมายนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แล้วไม่แจ้งให้จำเลยทราบ ทำให้จำเลยไม่อาจยื่นคำขอขยายกำหนดเวลายื่นฎีกาได้ก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นฎีกา จึงเป็นความบกพร่องผิดพลาดของจำเลย ไม่ใช่เป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัย ทั้งเหตุที่อ้างมาก็ไม่ถือได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขยายกำหนดเวลายื่นฎีกาให้จำเลยด้วย
จำเลยทราบดีว่าทนายจำเลยจะไม่มีโอกาสดำเนินคดีแทนจำเลยต่อไปเพราะจำเลยไม่ต้องการให้ทนายจำเลยดำเนินคดีในชั้นฎีกา จำเลยก็ชอบที่จะถอนทนายจำเลยขณะคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้ทุกเมื่อ และติดตามฟังผลคดีด้วยตนเองเพื่อจะใช้สิทธิยื่นฎีกา ดังนั้นการที่ทนายจำเลยได้รับหมายนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แล้วไม่แจ้งให้จำเลยทราบ ทำให้จำเลยไม่อาจยื่นคำขอขยายกำหนดเวลายื่นฎีกาได้ก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นฎีกา จึงเป็นความบกพร่องผิดพลาดของจำเลย ไม่ใช่เป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัย ทั้งเหตุที่อ้างมาก็ไม่ถือได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขยายกำหนดเวลายื่นฎีกาให้จำเลยด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1143/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดหนี้โดยผู้แทนโดยชอบธรรมต้องได้รับความยินยอมจากผู้ถูกบังคับคดี หากไม่มีผลผูกพัน
โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ที่ 2ถึงที่ 5 ตกลงลดหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่จำเลยโดยโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 ไม่ได้ยินยอมด้วย ดังนี้ข้อตกลงดังกล่าวย่อมไม่ผูกพันโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5แม้โจทก์ที่ 1 จะฟ้องคดีแทนโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5ซึ่งเป็นผู้เยาว์ แต่คำแถลงต่อศาลเรื่องลดหนี้ให้จำเลยเป็นคำแถลงของโจทก์ที่ 1 โดยเฉพาะ ถือไม่ได้ว่าเป็นคำแถลงแทนโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 ด้วย
เมื่อจำเลยยังชำระหนี้ตามคำพิพากษาไม่ครบถ้วน โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 ย่อมร้องขอให้บังคับคดีต่อไปได้
เมื่อจำเลยยังชำระหนี้ตามคำพิพากษาไม่ครบถ้วน โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 ย่อมร้องขอให้บังคับคดีต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1143/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดหนี้โดยผู้แทนโดยชอบธรรมต้องได้รับความยินยอมจากผู้รับประโยชน์ มิฉะนั้นข้อตกลงไม่ผูกพัน
โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 + ตามคำพิพากษาให้แก่จำเลย โดยโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 ไม่ได้ยินยอมด้วย ดังนี้ ข้อตกลงดังกล่าวย่อมไม่ผูกพันโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 แม้โจทก์ที่ 1 จะฟ้องคดีแทนโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 ซึ่งเป็นผู้เยาว์แต่คำแถลงต่อศาลเรื่องลดหนี้ให้จำเลยเป็นคำแถลงของโจทก์ที่ 1 โดยเฉพาะ ถือไม่ได้ว่าเป็นคำแถลงแทนโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 ด้วย
เมื่อจำเลยยังชำระหนี้ตามคำพิพากษาไม่ครบถ้วน โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 ย่อมร้องขอให้บังคับคดีต่อไปได้
เมื่อจำเลยยังชำระหนี้ตามคำพิพากษาไม่ครบถ้วน โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 ย่อมร้องขอให้บังคับคดีต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องในคดีมรดก: การขาดข้อโต้แย้งสิทธิและผลกระทบต่อสิทธิของโจทก์
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายซึ่งเป็นบิดา โดยเป็นบุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้ว โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย แต่จำเลยอ้างว่าโจทก์ไม่มีสิทธิรับมรดก เพราะโจทก์มิใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายและขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายเช่นนี้คำฟ้องของโจทก์มิได้มีคำขอเกี่ยวกับสิทธิในมรดกมิได้แสดงให้ปรากฏว่าโจทก์ได้ถูกโต้แย้งสิทธิหรือการกระทำของจำเลยมีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิของโจทก์อย่างใดโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องและอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวในชั้นฎีกาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องทายาทนอกกฎหมาย: การฟ้องเพื่อยืนยันสถานะทายาทโดยไม่มีข้อโต้แย้งกระทบสิทธิ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายซึ่งเป็นบิดา โดยเป็นบุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้ว โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย แต่จำเลยอ้างว่าโจทก์ไม่มีสิทธิรับมรดก เพราะโจทก์มิใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย และขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตาย เช่นนี้คำฟ้องของโจทก์มิได้มีคำขอเกี่ยวกับสิทธิในมรดก มิได้แสดงให้ปรากฏว่าโจทก์ได้ถูกโต้แย้งสิทธิหรือการกระทำของจำเลยมีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิของโจทก์อย่างใด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องและอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้