คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 446

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 106 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 128/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: การประเมินความเสียหายต่อร่างกาย, รถยนต์ และค่าทนทุกข์ทรมาน
โจทก์ถูกรถจำเลยชน รอยแผลเป็นซึ่งไม่ทำให้โจทก์เสียบุคลิกและโจทก์ต้องทนทุกข์ทรมาน เป็นความเสียหายอันมิใช่ตัวเงินซึ่งไม่ซ้ำซ้อนกัน โจทก์เรียกได้ตาม มาตรา 446 รถยนต์ราคา 70,000 บาท ถูกชนแล้วขายซากรถไป 10,000 บาท เรียกค่าเสียหายที่ขาดเงินไป 60,000 บาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1921/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากอุบัติเหตุรถโดยสารและการเรียกร้องค่าเสียหายของคู่สมรส
ลูกจ้างของจำเลยขับรถประจำทางโดยประมาทเลินเล่อเลี้ยวรถด้วยความเร็วเกินสมควร โจทก์เตรียมจะลงยืนที่หน้าประตูรถถูกรถเหวี่ยงตกจากรถ ต้องผ่าตัดสมอง โจทก์ทุพพลภาพตลอดชีวิต ถูกทรมานทั้งกายและจิตใจ ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ จำเลยต้องรับผิดในความเสียหายเหล่านี้
กรณีละเมิดต่อร่างกายของภริยา สามีทำสัญญาประนีประนอมยอมความรับค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดโดยภริยาไม่รู้เห็นด้วย สัญญานั้นไม่ผูกพันภริยา สิทธิเรียกร้องของภริยาไม่ระงับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ้างเอกสารเพิ่มเติมหลังสืบพยานเสร็จ และการเรียกร้องค่าเสียหายจากความบกพร่องทางร่างกาย/จิตใจ
การที่จำเลยเพิ่งอ้างเอกสาร-เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ทั้งๆที่จำเลยรู้มาก่อนว่าเอกสารดังกล่าวมีอยู่ที่กองทะเบียนกรมตำรวจ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคท้าย ศาลจึงไม่อนุญาตให้จำเลยอ้างเอกสารดังกล่าวเป็นพยานเพิ่มเติมได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เนื่องจากจำเลยขับรถชนรถโจทก์ทำให้โจทก์เสียความสามารถทั้งร่างกาย จิตใจและระบบประสาท ไม่สามารถทำงานหนักและในตำแหน่งสูงต่อไปได้ เพราะทำให้ผู้บังคับบัญชาและนายงานไม่ไว้วางใจในความสามารถ ขอคิดค่าเสียหาย 40,000 บาท คำบรรยายฟ้องของโจทก์เช่นนี้เป็นการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เป็นตัวเงินที่ควรจะได้ในอนาคต ไม่ใช่เป็นการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย ซึ่งไม่ใช่ตัวเงิน กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446
แม้โจทก์จะฟ้องเรียกราคารถยนต์ทั้งคัน แต่การที่รถยนต์โจทก์ถูกชนพังใช้การไม่ได้นั้น ไม่ใช่ว่าโจทก์จะซื้อรถยนต์มาใช้แทนได้ทันที โจทก์จำเป็นต้องใช้เวลาตระเตรียมในการซื้อรถยนต์บ้าง ในระหว่างที่โจทก์กำลังตระเตรียมหาซื้อรถยนต์นั้น โจทก์ต้องเสียค่ารถแท๊กซี่ จึงเป็นความเสียหายที่โจทก์ได้รับเพราะการละเมิดของจำเลย จำเลยต้องชดใช้ให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ้างเอกสารเกินกำหนดเวลา & ค่าเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์: ประเด็นการพิสูจน์ความเสียหาย & ความรับผิด
การที่จำเลยเพิ่งอ้างเอกสารเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ทั้งๆที่จำเลยรู้มาก่อนว่าเอกสารดังกล่าวมีอยู่ที่กองทะเบียนกรมตำรวจ กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคท้าย ศาลจึงไม่อนุญาตให้จำเลยอ้างเอกสารดังกล่าวเป็นพยานเพิ่มเติมได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เนื่องจากจำเลยขับรถชนรถโจทก์ทำให้โจทก์เสียความสามารถทั้งร่างกาย จิตใจและระบบประสาท ไม่สามารถทำงานหนักและในตำแหน่งสูงต่อไปได้ เพราะทำให้ผู้บังคับบัญชาและนายงานไม่ไว้วางใจในความสามารถ ขอคิดค่าเสียหาย 40,000 บาท คำบรรยายฟ้องของโจทก์เช่นนี้เป็นการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เป็นตัวเงินที่ควรจะได้ในอนาคต ไม่ใช่เป็นการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย ซึ่งไม่ใช่ตัวเงิน กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446
แม้โจทก์จะฟ้องเรียกราคารถยนต์ทั้งคัน แต่การที่รถยนต์โจทก์ถูกชนพังใช้การไม่ได้นั้น ไม่ใช่ว่าโจทก์จะซื้อรถยนต์มาใช้แทนได้ทันที โจทก์จำเป็นต้องใช้เวลาตระเตรียมในการซื้อรถยนต์บ้าง ในระหว่างที่โจทก์กำลังตระเตรียมหาซื้อรถยนต์นั้น โจทก์ต้องเสียค่าจ้างรถแท๊กซี่ จึงเป็นความเสียหายที่โจทก์ได้รับเพราะการละเมิดของจำเลยจำเลยต้องชดใช้ให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2455/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลและค่าอุปการะเลี้ยงดูจากผู้ละเมิด แม้ผู้เสียหายได้รับเงินจากรัฐ
แม้โจทก์เป็นข้าราชการได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลบุตรผู้เยาว์ซึ่งถูกทำละเมิดจากทางราชการแล้ว ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเอาค่ารักษาพยาบาลจากจำเลยผู้ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดอีกได้ เพราะสิทธิ์ของโจทก์ที่จะได้รับเงินดังกล่าวจากทางราชการ เป็นสิทธิ์ที่รัฐกำหนดให้แก่ข้าราชการ ไม่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลย
ในการละเมิดทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องค่าเสียหายอย่างใดได้บ้าง มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 444, 445 และ 446 ซึ่งหาได้ให้สิทธิ์แก่บิดาที่จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายเพื่อการที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งทุพพลภาพเพราะถูกกระทำละเมิดต่อไปในอนาคตไม่
ฟ้องเรียกค่าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งต้องทุพพลภาพเพราะถูกกระทำละเมิด แม้ทางพิจารณาโจทก์จะนำสืบเป็นทำนองขอเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่บุตรเสียความสามารถสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วนทั้งในเวลาปัจจุบันและอนาคต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 ศาลก็จะบังคับให้ไม่ได้ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ห้ามมิให้พิพากษาหรือทำคำสั่งให้สิ่งใด ๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
หมายเหตุ วรรคแรกวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2519)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2455/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลและค่าอุปการะเลี้ยงดูจากผู้ละเมิด แม้ได้รับเงินจากราชการแล้ว และขอบเขตการฟ้องร้องตามที่ระบุในคำฟ้อง
แม้โจทก์เป็นข้าราชการได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลบุตรผู้เยาว์ซึ่งถูกทำละเมิดจากทางราชการแล้ว ก็ยังมีสิทธิที่จะเรียกร้องเอาค่ารักษาพยาบาลจากจำเลยผู้ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดอีกได้ เพราะสิทธิของโจทก์ที่จะได้รับเงินดังกล่าวจากทางราชการ เป็นสิทธิที่รัฐกำหนดให้แก่ข้าราชการ ไม่เกี่ยวกับความรับผิดของจำเลย
ในการละเมิดทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องค่าเสียหายอย่างใดได้บ้างมีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444,445,และ 446 ซึ่งหาได้ให้สิทธิแก่บิดาที่จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายเพื่อการที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งทุพพลภาพเพราะถูกกระทำละเมิดต่อไปในอนาคตไม่
ฟ้องเรียกค่าที่ต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรซึ่งต้องทุพพลภาพเพราะถูกกระทำละเมิด แม้ทางพิจารณาโจทก์จะนำสืบเป็นทำนองขอเรียกค่าเสียหายเพื่อการที่บุตรเสียความสามารถสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วนทั้งในเวลาปัจจุบันและอนาคต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 ศาลก็จะบังคับให้ไม่ได้ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142ห้ามมิให้พิพากษาหรือทำคำสั่งให้สิ่งใดๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
หมายเหตุวรรคแรกวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่18/2519

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2573/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความรับผิดทางละเมิดจากข่มขืนและการกำหนดค่าเลี้ยงดูบุตร
ชายข่มขืนชำเราหญิงอายุ 15 ปี จนมีครรภ์คลอดบุตรศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรของชายตามฟ้องของหญิง ให้ใช้นามสกุลชายให้เด็กอยู่กับหญิงและให้หญิงเป็นผู้ปกครองเด็กให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูจนอายุ 20 ปี ให้ใช้ค่าเสียหายแก่หญิง
ชายต่อสู้ว่าข้อหาละเมิดขาดอายุความ ศาลยกฟ้องโดยเหตุอื่นหญิงอุทธรณ์ฎีกา ชายมิได้อ้างอายุความในคำแก้อุทธรณ์ฎีกา ถือว่าชายไม่ยกอายุความขึ้นต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกา
คำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชวิทยาตรวจร่างกายและเลือดของชายหญิงและเด็ก เห็นว่าไม่มีข้อปฏิเสธว่าเด็กไม่ใช่บุตรเกิดจากชายและหญิง มีน้ำหนักดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2573/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือดและการรับผิดชอบในบุตรจากกรณีข่มขืนกระทำชำเรา และการเรียกร้องค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราจนเป็นเหตุให้โจทก์ตั้งครรภ์และคลอดบุตรคือเด็กชาย บ. ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายและรับเด็กชาย บ.เป็นบุตรรพร้อมทั้งให้มีสิทธิใช้นามสกุลของจำเลยกับเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรด้วยนั้น แม้บิดาโจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราโจกท์และศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องเพราะบิดาโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โดยมิได้พิพากษาว่าจำเลยมิได้ข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ ย่อมไม่ทำให้หลักฐานของคดีโจทก์ในเรื่องนี้เสียไป
เมื่อฟังได้ว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราโจทก์จนเป็นเหตุให้โจทก์ตั้งครรภ์ถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราจนตั้งครรภ์ ทำให้ค่าของความเป็นสาวต้องตกต่ำ และค่าใช้จ่ายในการคลอด กับแสดงว่าเด็กชาย บ. เป็นบุตรของจำเลยมีสิทธิใช้นามสกุลของจำเลยให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูเด็กชาย บ.ตั้งแต่คลอดจนถึงวันฟ้องและจ่ายต่อไปเป็นรายเดือนจนกว่าเด็กชาย บ.จะมีอายุครบ 20 ปี
จำเลยให้การต่อสู้ว่า ค่าเสียหายตามฟ้องเกี่ยวกับละเมิดขาดอายุความเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ จำเลยมิได้ตั้งประเด็นเรื่องอายุความมาในคำแก้อุทธรณ์ และเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาต่อมา จำเลยก็มิได้ยื่นคำแก้ฎีกาจึงไม่ประเด็นเครื่องอายุความในชั้นฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนความเสียหายทางละเมิดเมื่อผู้เสียหายเสียชีวิตระหว่างดำเนินคดี
ค่าทนทุกข์ทรมานซึ่งได้ฟ้องคดีแล้วผู้เสียหายจึงตายลงนั้นผู้เข้าเป็นคู่ความแทนว่าคดีต่อไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากการตัดขาพิการ: ค่าเสียหายมิใช่ตัวเงิน, ดอกเบี้ยนับจากวันทำละเมิดแต่ไม่เกินคำขอ
ค่าเสียหายฐานละเมิดเพราะต้องตัดขาพิการตลอดชีวิตเป็นค่าเสียหายซึ่งมิใช่ตัวเงิน ไม่ซ้ำกับค่าที่ไม่สามารถประกอบการงานแม้เป็นค่าเสียหายในอนาคตก็คิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันผิดนัดคือวันทำละเมิด แต่ไม่เกินคำขอที่โจทก์ขอมาตั้งแต่วันฟ้อง
of 11