คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 392

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 42 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขู่คุกคามทำให้ตกใจกลัว ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
ขณะที่ผู้เสียหายอยู่ในบ้านกับบุตรสาว จำเลยที่ 1มาร้องเรียกผู้เสียหายที่หน้าบ้านว่า "เฮ้ยมึงไม่แน่จริงนี่หว่าเฮ้ยถ้ามึงแน่จริงมึงออกมาซิวะ*มึงทำไมไม่ออกมาวะออกมาโดนแน่"ขณะนั้นจำเลยที่ 2 ยืนอยู่หน้าบ้านตนเองซึ่งอยู่เยื้องบ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 พูดว่า "ให้มันอยู่แต่ในบ้าน อย่าให้มันออกมา ถ้ามันออกมา เอาแม่มันเลย" คำพูดของจำเลยทั้งสองดังกล่าวประกอบการกระทำและสถานที่เห็นได้ว่า เป็นการบังคับขู่เข็ญไม่ให้ผู้เสียหายออกไปจากบ้าน หากขืนออกไปจะถูกจำเลยทั้งสองทำร้าย หาใช่เป็นเพียงคำท้าให้ออกไปต่อสู้กันเท่านั้นไม่ เมื่อผู้เสียหายเกิดความกลัว หรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขู่คุกคามทำให้เกิดความกลัวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
ขณะที่ผู้เสียหายอยู่ในบ้านกับเด็กหญิง จ. บุตรสาวจำเลยที่ 1 มาร้องเรียกผู้เสียหายที่หน้าบ้านว่า"เฮ้ยมึงไม่แน่จริงนี่หว่าเฮ้ยถ้ามึงแน่จริงมึงออกมาซิวะมึงทำไมไม่ออกมาวะออกมาโดนแน่" ขณะนั้นจำเลยที่ 2ยืนอยู่หน้าบ้านตนเองซึ่งอยู่เยื้องบ้านผู้เสียหายพูดว่า "ให้มันอยู่แต่ในบ้านอย่าให้มันออกมา ถ้ามันออกมาเอาแม่มันเลย" คำพูดของจำเลยทั้งสองดังกล่าวประกอบการกระทำ และสถานที่ เป็นการบังคับขู่เข็ญไม่ให้ผู้เสียหายออกไปจากบ้าน หากขืนออกไปจะถูกจำเลยทั้งสองทำร้าย หาใช่เป็นเพียง คำท้าให้ออกไปต่อสู้กันเท่านั้นไม่ เมื่อผู้เสียหายเกิดความกลัว หรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ การกระทำของจำเลยทั้งสอง จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392,83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2542 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขู่เข็ญบังคับข่มขู่ทำให้เกิดความกลัว ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
ขณะที่ผู้เสียหายอยู่ในบ้านกับเด็กหญิงจิราพรบุตรสาว จำเลยที่ 1มาร้องเรียกผู้เสียหายที่หน้าบ้านว่า "เฮ้ยมึงไม่แน่จริงนี่หว่า เฮ้ยถ้ามึงแน่จริงมึงออกมาซิวะ มึงทำไมไม่ออกมาวะ ออกมาโดนแน่" ขณะนั้นจำเลยที่ 2 ยืนอยู่หน้าบ้านตนเองซึ่งอยู่เยื้องบ้านผู้เสียหาย พูดว่า "ให้มันอยู่แต่ในบ้าน อย่าให้มันออกมา ถ้ามันออกมาเอาแม่มันเลย" คำพูดของจำเลยทั้งสอง ดังกล่าวประกอบการกระทำและสถานที่ เป็นการบังคับขู่เข็ญไม่ให้ผู้เสียหายออกไปจากบ้าน หากขืนออกไปจะถูกจำเลยทั้งสองทำร้าย หาใช่เป็นเพียงคำท้าให้ออกไปต่อสู้กันเท่านั้นไม่ เมื่อผู้เสียหายเกิดความกลัว หรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา 392

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขู่เข็ญทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
ขณะที่จำเลยทั้งสองพูดว่า "ถ้ามึงแน่จริงมึงออกมาทำไมไม่ออกมา ออกมาโดน แน่" นั้น จำเลยทั้งสองอยู่ที่หน้าบ้าน ของผู้เสียหาย แสดงว่าเป็นการบังคับขู่เข็ญไม่ให้ผู้เสียหาย ออกไปจากบ้าน หากขืนออกไปจะถูกจำเลยทั้งสองทำร้าย หาใช่เป็นเพียงคำท้าให้ออกไปต่อสู้กันไม่ คำพูดเช่นนี้ใช้กับ ผู้ใดโดยปกติแล้วผู้นั้นย่อมตกใจกลัว เมื่อข้อเท็จจริง ฟังได้ว่าผู้เสียหายเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกเคหสถาน, ข่มขืนใจ, และขู่เข็ญ: การพิจารณาความผิดและบทลงโทษ
โจทก์ฎีกาคัดค้านว่าจำเลยกับพวกกระทำความผิดฐานร่วมกัน บุกรุกเคหสถานของผู้เสียหาย โดยมีอาวุธและในเวลากลางคืน ซึ่งข้อหานี้ศาลชั้นต้นได้พิพากษาว่า จำเลยกับพวกมิได้กระทำ ความผิดและยุติแล้ว จึงเป็นการฎีกาข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้น ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่าง ต้องห้ามฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 จำเลยกับพวกร่วมกันเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายอีกคนหนึ่งในเวลาประมาณเที่ยงคืนในขณะที่ผู้เสียหายดังกล่าว เข้านอนแล้ว แม้จะมีเจตนาเพียงตามหาคนโดยไม่ได้แสดงอาการ ข่มขู่หรือทำร้ายผู้เสียหายดังกล่าวก็ตาม ก็ถือได้ว่าเป็นการ เข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรอันเป็นการกระทำความผิดตามข้อหา ที่โจทก์กล่าวอ้างแล้ว แม้ผู้เสียหายจะเบิกความว่าไม่กลัวต่อการขู่เข็ญของจำเลย ก็ตาม แต่ตามลักษณะการกระทำของจำเลยที่ใช้อาวุธปืนขู่ ผู้เสียหาย มิให้เกี่ยวข้องห้ามปรามหรือหยุดยั้งการกระทำของ จำเลยทั้งสามกับพวก โดยปกติย่อมทำให้เกิดความกลัวหรือ ความตกใจและผู้เสียหายก็ไม่กล้าขัดขืนหรืออีกนัยหนึ่งยอมปฏิบัติตามคำขู่เข็ญ แสดงให้เห็นได้ในตัวว่าการขู่เข็ญของจำเลยทำให้เกิดผลคือทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวแล้วการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว หรือตกใจโดยการขู่เข็ญตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392 แล้ว จำเลยกระทำความผิดฐานบุกรุกเคหสถานและข่มขืนใจผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2)(3) ประกอบมาตรา 364 และมาตรา 309 วรรคสอง เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท เมื่อความผิดทั้งสองฐานมีโทษเท่ากัน จึงลงโทษเพียงบทเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6496/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขู่เข็ญด้วยอาวุธปืนในที่ดินส่วนตัว ไม่ถือเป็นการพาอาวุธไปในหมู่บ้าน
ผู้เสียหายกับจำเลยต่างมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนทั้งก่อนเกิดเหตุคดีนี้เล็กน้อยผู้เสียหายกับจำเลยก็ยังมีปากเสียงโต้เถียงกัน ต่อมาเมื่อผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์ตามไปทันมารดาผู้เสียหาย จำเลยเดินเข้าไปหาผู้เสียหายแล้วจำเลยซักอาวุธปืนสั้นซึ่งยังใส่อยู่ในซองปืนออกจากเอวเล็งไปทางผู้เสียหายขณะอยู่ห่างกันประมาณ 2 เมตร ทั้งจำเลยยังพูดอีกด้วยว่า "มึงจะลองกับกูหรือมึงอยากตายหรือไง"ลักษณะกิริยาอาการตลอดจนคำพูดของจำเลยแสดงแจ้งชัดอยู่ในตัวว่า จำเลยใช้อาวุธปืนขู่เข็ญผู้เสียหาย การที่จำเลยใช้อาวุธปืน ซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงใช้ประหัตประหาร แม้จะยังอยู่ในซองปืน กระทำการดังกล่าวแล้วตามวิสัยวิญญูชนผู้ตกอยู่ในภาวะ อันมิได้คาดคิดมาก่อน ย่อมจะต้องตกใจกลัว ผู้เสียหาย ซึ่งประสบเหตุการณ์เช่นนี้ก็มิได้พูดอะไรกับจำเลย ทั้งที่ ก่อนหน้านั้นยังโต้เถียงกับจำเลย แต่ผู้เสียหายกลับขับรถจักรยานยนต์ไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจทันทีแสดงว่าผู้เสียหายกลัวภัยที่จะเกิดขึ้นแก่ตนแล้ว ตามวิสัย ปุถุชนทั่วไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392 การที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวอยู่ในที่ดินซึ่งตนมีส่วน เป็นเจ้าของอยู่ด้วย หาใช่เป็นการพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านดังที่พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ,72 ทวิ ประสงค์ให้เป็นความผิดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6496/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขู่ด้วยอาวุธปืน แม้ยังอยู่ในซองปืน ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
ผู้เสียหายกับจำเลยต่างมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ทั้งก่อนเกิดเหตุคดีนี้เล็กน้อยผู้เสียหายกับจำเลยก็ยังมีปากเสียงโต้เถียงกัน ต่อมาเมื่อผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์ตามไปทันมารดาผู้เสียหาย จำเลยเดินเข้าไปหาผู้เสียหาย แล้วจำเลยชักอาวุธปืนสั้นซึ่งยังใส่อยู่ในซองปืนออกจากเอวเล็งไปทางผู้เสียหายขณะอยู่ห่างกันประมาณ 2 เมตร ทั้งจำเลยยังพูดอีกด้วยว่า "มึงจะลองกับกูหรือ มึงอยากตายหรือไง" ลักษณะกิริยาอาการตลอดจนคำพูดของจำเลยแสดงแจ้งชัดอยู่ในตัวว่า จำเลยใช้อาวุธปืนขู่เข็ญผู้เสียหาย การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงใช้ประหัตประหาร แม้จะยังอยู่ในซองปืน กระทำการดังกล่าวแล้วตามวิสัยวิญญูชนผู้ตกอยู่ในภาวะอันมิได้คาดคิดมาก่อน ย่อมจะต้องตกใจกลัว ผู้เสียหายซึ่งประสบเหตุการณ์เช่นนี้ก็มิได้พูดอะไรกับจำเลย ทั้งที่ก่อนหน้านั้นยังโต้เถียงกับจำเลย แต่ผู้เสียหายกลับขับรถจักรยานยนต์ไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจทันที แสดงว่าผู้เสียหายกลัวภัยที่จะเกิดขึ้นแก่ตนแล้วตามวิสัยปุถุชนทั่วไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามป.อ.มาตรา 392
การที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวอยู่ในที่ดินซึ่งตนมีส่วนเป็นเจ้าของอยู่ด้วย หาใช่เป็นการพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านดังที่ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา8 ทวิ, 72 ทวิ ประสงค์ให้เป็นความผิดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4870/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขู่เข็ญด้วยอาวุธปืนพลาสติก แม้มีลักษณะแสดงออก แต่ไม่มีเจตนาข่มขู่ให้เกิดความกลัวจึงไม่เป็นความผิด
แม้จำเลยจะได้พกอาวุธปืน (เป็นอาวุธปืนพลาสติก)ไว้ที่เอวให้ตุงๆเพื่อให้ส. และ ข. เห็นโดยจำเลยได้เอามือข้างหนึ่งกุมไว้ด้านหลังก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ใช้อาวุธปืนจี้ขู่เข็ญ หรือทำท่าจะยิงผู้เสียหายที่ 2 กับพวกจึงไม่มีลักษณะที่น่ากลัวหรือตกใจว่าจำเลยจะยิงผู้เสียหายจริงจังดังที่พูดหรือแสดง อาการดังกล่าวของจำเลยเป็นเพียงแสดงอาการฮึดฮัดหรืออารมณ์ที่ไม่พอใจเท่านั้นยังไม่พอฟังว่าเป็นความผิดฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานขู่เข็ญ: โจทก์ต้องระบุรายละเอียดการกระทำที่ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยจ้องปืนเล็งจะยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า มิได้บรรยายว่าจำเลยใช้อาวุธปืนจ้องเล็งยิงผู้เสียหายจนทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวหรือตกใจในการขู่เข็ญอีกทั้งคำขอท้ายฟ้องก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 292 ไว้ด้วย จึงถือว่าโจทก์ไม่มีความประสงค์ให้ลงโทษ ศาลจะลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานขู่เข็ญ จำเป็นต้องระบุรายละเอียดการกระทำที่ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจ
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนจ้องเล็งยิงผู้เสียหายจนทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว หรือตกใจในการขู่เข็ญอันเป็นความผิดฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจทั้งคำขอท้ายฟ้องก็ไม่ได้ระบุว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา392ไว้จึงถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในฐานความผิดดังกล่าวศาลจึงลงโทษจำเลยในฐานความผิดดังกล่าวไม่ได้
of 5