พบผลลัพธ์ทั้งหมด 108 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2730/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีแพ่งเมื่อจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการตามกฎหมายล้มละลาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาจ้างแรงงานและเรียกค่าเสียหาย ปรากฏว่าศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดในอีกคดีหนึ่งขณะที่คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยได้ขอเข้าว่าคดีนี้แทนจำเลย และได้มีคำขอโดยทำเป็นคำร้องเพื่อให้ศาลสั่งจำหน่ายคดี ทั้งเป็นโจทก์คดีนี้ได้ยื่นคำขอรับชำรหนี้ไว้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะตรวจและสอบสวนแล้วทำความเห็นต่อศาลเพื่อมีคำสั่งตามนัยที่บัญญัติไว้ในมาตรา 105 และมาตรา 106 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายฯ แม้ศาลฎีกาจะดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำพิพากษาไปในคดีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ยังจะต้องทำการสอบสวนเพื่อเสนอความเห็นต่อศาลอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้น การที่จะพิจารณาคดีนี้ต่อไปจึงไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างไร ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียได้ตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2652/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินและการออกหนังสือรับรองประโยชน์ – ไม่ใช่การแย่งการครอบครอง – กำหนดระยะเวลาฟ้องร้อง
โจทก์ครอบครองที่ดิน จำเลยร้องขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์และนำเจ้าพนักงานเดินสำรวจที่ดิน โจทก์ได้คัดค้านเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2519 แต่ต่อมาเจ้าพนักงานออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลย และโจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2520 การกระทำของจำเลยดังกล่าวมิใช่เป็นเรื่องแย่งการครอบครอง โจทก์ไม่ต้องฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน 1 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2649/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้กู้เงินจากบุคคลอื่นแล้วนำมาให้ลูกหนี้กู้ต่อ เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องหนี้ได้เต็มจำนวน
ลูกหนี้ได้กู้เงินเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ไปสองครั้งโดยได้ทำสัญญากู้ไว้ 2 ฉบับ ฉบับละ 400,000 บาท แม้จะปรากฏว่าเงินที่เจ้าหนี้ให้ลูกหนี้กู้ในครั้งแรกจำนวน 400,000 บาท เป็นเงินของเจ้าหนี้เอง 200,000 บาท และเป็นเงินของบิดาเจ้าหนี้ 200,000 บาท และเงินที่ให้ลูกหนี้กู้ในครั้งที่สองเป็นเงินของเจ้าหนี้เอง 100,000 บาท เป็นของบิดาเจ้าหนี้ 100,000 บาท และเป็นของ ท.ป้าของเจ้าหนี้ 200,000 บาทก็ตาม เงินในส่วนที่เป็นของบิดาเจ้าหนี้และของป้าเจ้าหนี้ ถือได้ว่าเป็นเงินที่บิดาและป้ามอบหมายให้เจ้าหนี้เป็นผู้ดำเนินการให้ลูกหนี้กู้ไป จึงเท่ากับเจ้าหนี้เป็นผู้ให้กู้สำหรับจำนวนเงินทั้งหมดตามสัญญากู้ทั้งสองฉบับนั้น เจ้าหนี้จึงมีสิทธิเรียกร้องจากลูกหนี้ได้เต็มตามจำนวนที่ลูกหนี้ได้ทำสัญญากู้ไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2649/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบหมายให้ดำเนินการกู้เงิน เงินที่ได้รับถือเป็นสิทธิของเจ้าหนี้ในการเรียกร้องหนี้สินได้เต็มจำนวน
ลูกหนี้ได้กู้เงินเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ไปสองครั้งโดยได้ทำสัญญากู้ไว้ 2 ฉบับฉบับละ 400,000 บาท แม้จะปรากฏว่าเงินที่เจ้าหนี้ให้ลูกหนี้กู้ในครั้งแรกจำนวน 400,000 บาท เป็นเงินของเจ้าหนี้เอง 200,000 บาท และเป็นเงินของบิดาเจ้าหนี้ 200,000 บาท และเงินที่ให้ลูกหนี้กู้ในครั้งที่สองเป็นเงินของเจ้าหนี้เอง 100,000 บาท เป็นของบิดาเจ้าหนี้ 100,000 บาท และเป็น ของ ท. ป้าของเจ้าหนี้ 200,000 บาท ก็ตาม เงินในส่วนที่เป็นของบิดาเจ้าหนี้และของป้าเจ้าหนี้ ถือได้ว่าเป็นเงินที่บิดาและป้ามอบหมายให้เจ้าหนี้เป็นผู้ดำเนินการให้ลูกหนี้กู้ไป จึงเท่ากับเจ้าหนี้เป็นผู้ให้กู้สำหรับจำนวนเงินทั้งหมดตามสัญญากู้ทั้งสองฉบับนั้นเจ้าหนี้จึงมีสิทธิเรียกร้องจากลูกหนี้ได้เต็มตามจำนวนที่ลูกหนี้ได้ทำสัญญากู้ไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2583/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแจ้งความเท็จกระทบสิทธิรับมรดกของภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์จดทะเบียนสมรสกับจำเลย ต่อมาจำเลยแจ้งแก่ น. เจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่จดทะเบียนสมรสว่า จำเลยไม่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อนเลยอันเป็นเท็จ เพราะจำเลยกับโจทก์ยังเป็นสามีภริยากันโดยชอยด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานได้จดทะเบียนสมรสให้จำเลยกับนางสาว ส. เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยกระทบกระเทือนถึงฐานะบุคคลของโจทก์ซึ่งเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิรับมรดกอยู่ก่อนแต่คนดียว โจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียและได้รับความเสียหายในกรณีที่เกิดขึ้นโดยตรงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) มีอำนาจฟ้องคดีฐานแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2583/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จเกี่ยวกับสถานภาพสมรสกระทบสิทธิภริยาเดิมในการรับมรดก โจทก์มีสิทธิฟ้องอาญา
สามีจดทะเบียนสมรสกับหญิงอื่นโดยที่ยังไม่ขาดจากภริยาเดิมที่ได้จดทะเบียนสมรสไว้ แต่อ้างกับเจ้าหน้าที่จดทะเบียนว่าไม่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน ภริยาเดิมเป็นผู้เสียหายฟ้องสามีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา137 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2562/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความแพ่งสะดุดหยุดเมื่อมีการฟ้องคดีอาญาในความผิดเดียวกัน แม้คดีอาญาจะยังไม่เด็ดขาด
การที่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยทางอาญาในความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์และคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์นั้น อายุความทางแพ่งย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 โจทก์จึงมาฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายในกรณีเดียวกันนี้ได้แม้จะเกินกำหนดหนึ่งปีแล้ว คดีไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ่ายสินบนนำจับในคดีป่าไม้: ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จ่ายสินบนตามที่กฎหมายบัญญัติ แม้คำขอท้ายฟ้องจะใช้ถ้อยคำคลาดเคลื่อน
พนักงานอัยการได้ร้องขอต่อศาลแล้วว่ามีผู้นำจับจำเลยประสงค์ขอรับเงินสินบนนำจับ โดยอ้างบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องและมีคำขอให้จ่ายสินบนนำจับมาท้ายฟ้องแล้ว ตามที่ถ้อยคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ใช้ถ้อยคำว่า ให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย ซึ่งตามกฎหมายมิได้บัญญัติให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับ ก็ไม่ทำให้คำขอของโจทก์เกี่ยวกับการจ่ายเงินสินบนนำจับเสียไป เพราะโจทก์ได้อ้างบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาในคำฟ้องแล้ว ทั้งเป็นเพียงการใช้ถ้อยคำผิดเพี้ยนไปบ้างเล็กน้อยเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ่ายสินบนนำจับในคดีป่าไม้ แม้ใช้ถ้อยคำผิดเพี้ยนในคำฟ้อง ศาลยังคงมีอำนาจสั่งจ่ายได้ตามกฎหมาย
อัยการร้องขอต่อศาลว่ามีผู้นำจับจำเลย ประสงค์ขอรับเงินสินบนนำจับ โดยอ้างบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องและมีคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับมาท้ายฟ้องแล้ว แม้จะใช้ถ้อยคำผิดเพี้ยนไปว่า ให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย ก็ไม่ทำให้คำขอเกี่ยวกับการจ่ายเงินสินบนนำจับเสียไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษานอกฟ้องในคดีขับไล่: ศาลต้องพิจารณาเฉพาะเหตุที่โจทก์ฟ้องเท่านั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างเหตุว่า สัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยเลิกกันแล้วเนื่องจากจำเลยผิดสัญญาเช่า มิได้อ้างเหตุว่า สัญญาว่าครบกำหนดแล้ว การที่ศาลล่างพิพากษาขับไล่จำเลยโดยอาศัยเหตุที่ว่าขณะศาลตัดสิน สัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิอยู่นั้น เป็นการพิพากษานอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมายพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142