พบผลลัพธ์ทั้งหมด 108 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชอบด้วยกฎหมายของฟ้องฐานทำสุราโดยไม่ระบุประเภทสุรา และการรับสารภาพของจำเลย
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานทำสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ.2493 มาตรา 5 มีโทษตามมาตรา 30 โดยมิได้ระบุว่าเป็นสุราแช่หรือมิใช่ เป็นการกล่าวถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด รวมทั้งสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยถูกต้องครบถ้วนตามที่มาตรา 5 บัญญัติไว้ และพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ไม่เป็นเหตุขัดข้องในการกำหนดโทษจำเลยตามมาตรา 30 ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชอบด้วยกฎหมายของฟ้องฐานทำสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ไม่ได้ระบุชนิดสุรา
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานทำสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ.2493 มาตรา 5 มีโทษตามมาตรา 30 โดยมิได้ระบุว่า เป็นสุราแช่หรือมิใช่เป็นการกล่าวถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดรวมทั้งสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยถูกต้องครบถ้วน ตามที่มาตรา 5 บัญญัติไว้ และพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ไม่เป็นเหตุขัดข้องในการกำหนดโทษจำเลยตามมาตรา 30 ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงให้ศาลชี้ขาดลายมือชื่อแทนผู้เชี่ยวชาญมีผลผูกพัน โจทก์จะกลับคำไม่ได้
ผู้เชี่ยวชาญชี้แจงว่าตัวอย่างลายเซ็นชื่อโจทก์ไม่เพียงพอและเขียนคนละแบบกับเอกสารพิพาท ขอส่งเอกสารคืนคู่ความแถลงว่าเมื่อผู้เชี่ยวชาญไม่อาจพิสูจน์ลายมือชื่อโจทก์ได้ ก็ขอให้ศาลเป็นผู้พิสูจน์แทน เมื่อมีข้อตกลงกันเช่นนี้แล้ว โจทก์จะย้อนไปยกเอาคำชี้แจงของผู้เชี่ยวชาญมากล่าวอ้างอีกหาได้ไม่
การที่คู่ความตกลงกันให้ศาลพิสูจน์และชี้ขาดลายเซ็นของโจทก์ แล้วพิพากษาไปตามคำชี้ขาดนั้น หาใช่เป็นการที่ศาลกระทำหน้าที่เป็นอนุญาโตตุลาการไม่ หากแต่เป็นกรณีที่ศาลได้ทำหน้าที่ชี้ขาดข้อเท็จจริงตามที่คู่ความท้ากันไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายอย่างใด โจทก์จะกลับมาขอให้มีการสืบพยานอีกหาได้ไม่
เมื่อคู่ความตกลงกันใหม่ให้ศาลเป็นผู้พิสูจน์และชี้ขาดลายเซ็นของโจทก์แล้วพิพากษาไปตามคำชี้ขาดนั้น ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าโจทก์ยอมให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะหรือแพ้คดีตามผลการชี้ขาดของศาล โดยโจทก์ไม่ต้องดำเนินการในทางถอนฟ้องตามที่ตกลงท้ากันไว้ในครั้งแรก
การที่คู่ความตกลงกันให้ศาลพิสูจน์และชี้ขาดลายเซ็นของโจทก์ แล้วพิพากษาไปตามคำชี้ขาดนั้น หาใช่เป็นการที่ศาลกระทำหน้าที่เป็นอนุญาโตตุลาการไม่ หากแต่เป็นกรณีที่ศาลได้ทำหน้าที่ชี้ขาดข้อเท็จจริงตามที่คู่ความท้ากันไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายอย่างใด โจทก์จะกลับมาขอให้มีการสืบพยานอีกหาได้ไม่
เมื่อคู่ความตกลงกันใหม่ให้ศาลเป็นผู้พิสูจน์และชี้ขาดลายเซ็นของโจทก์แล้วพิพากษาไปตามคำชี้ขาดนั้น ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าโจทก์ยอมให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะหรือแพ้คดีตามผลการชี้ขาดของศาล โดยโจทก์ไม่ต้องดำเนินการในทางถอนฟ้องตามที่ตกลงท้ากันไว้ในครั้งแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1189/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดในการพิจารณาคดีแพ่งเมื่อมีคำพิพากษาคดีอาญาถึงที่สุดแล้ว ศาลต้องถือตามข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีอาญา
ในกรณีที่โจทก์ฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยบุกรุก ขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกและให้จำเลยออกไปจากที่พิพาทตลอดจนชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์นั้น เมื่อคำพิพากษาส่วนอาญาศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้เป็นที่ยุติแล้วว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ ดังนี้ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลฎีกาก็จำต้องถือตาม จะฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นหาได้ไม่(อ้างฎีกาที่ 1172/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1189/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีแพ่งต้องสอดคล้องกับคำพิพากษาคดีอาญาที่ถึงที่สุด
ในกรณีที่โจทก์ฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยบุกรุก ขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุก และให้จำเลยออกไปจากที่พิพาทตลอดจนชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์นั้น เมื่อคำพิพากษาส่วนอาญาศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้เป็นที่ยุติแล้วว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ ดังนี้ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลฎีกาจำต้องถือตาม จะฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 1172/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ประเด็นกรรมสิทธิ์ที่ดินวินิจฉัยแล้วในคดีก่อน แม้ศาลไม่ได้วินิจฉัยโดยตรงจากคำฟ้อง
จำเลยฟ้องขับไล่โจทก์ให้รื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินของจำเลย และให้โจทก์ส่งมอบที่พิพาทคืน โจทก์ให้การต่อสู้คดีแล้วได้มีการท้ากันและโจทก์แพ้คดีตามคำท้า โจทก์มาฟ้องใหม่ว่าที่ดินซึ่งโจทก์ปลูกบ้านอยู่นอกเขตที่ดินของจำเลย ไม่ใช่ของจำเลย ดังนี้ คดีก่อนที่จำเลยฟ้องขับไล่โจทก์มีประเด็นอยู่ว่าที่ดินที่จำเลยฟ้องเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยหรือไม่ และที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ก็มีประเด็นที่จะให้ศาลวินิจฉัยเป็นอย่างเดียวกันว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยหรือไม่ แม้ในคดีก่อนศาลจะมิได้วินิจฉัยในประเด็นเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยตรง เพราะคู่ความตกลงท้ากัน แต่เมื่อศาลได้วินิจฉัยตามคำท้าของคู่ความแล้ว ก็ต้องถือว่าศาลได้วินิจฉัยในประเด็นเรื่องกรรมสิทธิ์ที่พิพาทด้วย ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าคู่ความในคดีก่อนและคดีนี้เป็นคู่ความเดียวกัน และคดีก่อนถึงที่สุดไปแล้ว โจทก์จึงต้องห้ามมิให้นำคดีมาฟ้องใหม่อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ประเด็นกรรมสิทธิ์ที่ดินเคยถูกวินิจฉัยในคดีก่อน แม้ศาลวินิจฉัยตามคำท้า ก็ถือเป็นการวินิจฉัยกรรมสิทธิ์แล้ว
จำเลยเคยฟ้องขับไล่โจทก์ให้รื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินของจำเลย และให้โจทก์ส่งมอบที่พิพาทคืน โจทก์ให้การต่อสู้คดีแล้วได้มีการท้ากันและโจทก์แพ้คดีตามคำท้า โจทก์มาฟ้องใหม่ว่าที่ดินซึ่งโจทก์ปลูกบ้านอยู่นอกเขตที่ดินของจำเลย ไม่ใช่ของจำเลย ดังนี้ คดีก่อนที่จำเลยฟ้องขับไล่โจทก์มีประเด็นอยู่ว่าที่ดินที่จำเลยฟ้องเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยหรือไม่ และที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ก็มีประเด็นที่จะให้ศาลวินิจฉัยเป็นอย่างเดียวกันว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยหรือไม่ แม้ในคดีก่อนศาลจะมิได้วินิจฉัยในประเด็นเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยตรงเพราะคู่ความตกลงท้ากัน แต่เมื่อศาลได้วินิจฉัยตามคำท้าของคู่ความแล้ว ก็ต้องถือว่าศาลได้วินิจฉัยในประเด็นเรื่องกรรมสิทธิ์ที่พิพาทด้วย ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าคู่ความในคดีก่อนและคดีนี้เป็นคู่ความเดียวกันและคดีก่อนถึงที่สุดไปแล้ว โจทก์จึงต้องห้ามมิให้นำคดีมาฟ้องใหม่อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความรับเงินแทนตัวความ: เงินที่รับโดยไม่ได้รับมอบหมาย ไม่ถือเป็นยักยอกทรัพย์
ทนายความย่อมมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนตัวความได้ แต่ทนายความไม่มีอำนาจรับเงินซึ่งจะชำระแก่ตัวความ เว้นแต่จะได้รับมอบหมายจากตัวความ
ส.แพ้คดีโจทก์ได้นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาไปชำระแก่จำเลยซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์ แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
ส.แพ้คดีโจทก์ได้นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาไปชำระแก่จำเลยซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์ แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความรับเงินแทนตัวความ: เงินที่รับโดยไม่ได้รับมอบหมาย ไม่ถือเป็นยักยอกทรัพย์
ทนายความย่อมมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆแทนตัวความได้ แต่ทนายความไม่มีอำนาจรับเงินซึ่งจะชำระแก่ตัวความ เว้นแต่จะได้รับมอบหมายจากตัวความ
ส.แพ้คดีโจทก์ได้นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาไปชำระแก่จำเลยซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
ส.แพ้คดีโจทก์ได้นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาไปชำระแก่จำเลยซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าทรัพย์ที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ: สิทธิของคู่สัญญาและความเป็นโมฆะ
การที่โจทก์จำเลยตกลงแลกบ้านกันอยู่ โดยจำเลยเข้าอยู่ในบ้านพิพาทซึ่งเป็นของโจทก์ และโจทก์เข้าอยู่ในบ้านที่จำเลยเช่าจากผู้มีชื่อ โดยจำเลยต้องจ่ายเงินค่าเช่าให้แก่ผู้มีชื่อเดือนละ 300 บาท และต้องจ่ายเงินให้แก่โจทก์อีกเดือนละ 200 บาทนั้น เป็นข้อตกลงที่เป็นสัญญาเช่าทรัพย์ หาใช่เป็นสัญญาต่างตอบแทนประเภทอื่นไม่