คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อำนัคฆ์ คล้ายสังข์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 324 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3251/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของนิติบุคคลภาครัฐ, การแปลงหนี้, และอายุความ - ข้อจำกัดในการยกประเด็นใหม่ในชั้นฎีกา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นกรมในรัฐบาล สังกัดกระทรวงการคลังเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย จำเลยให้การว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลหรือไม่ จำเลยไม่รับรอง ถือไม่ได้ว่าเป็นคำให้การปฏิเสธโดยชัดแจ้ง จึงรับฟังได้ว่าโจทก์เป็นกรมในรัฐบาล สังกัดกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นทบวงการเมือง อันเป็นนิติบุคคล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
การที่จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ด้วยเช็ค เป็นการแปลงหนี้ใหม่หรือไม่มิใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อมิได้ยกขึ้นว่ามาแล้วในศาลชั้นต้น จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225
จำเลยเพิ่งกล่าวอ้างในชั้นฎีกาว่า โจทก์กระทำการเป็นพ่อค้าขายทรัพย์สินให้จำเลยและฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของ จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(1) โดยมิได้มีการยกขึ้นว่ากันมาในศาลล่างเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องกรณีถูกเพิกถอนสัญชาติ: จำเลยไม่ได้เพิกถอนสัญชาติเอง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นผู้รักษาการตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม2525 ได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทราบถึงบุคคลที่ถูกเพิกถอนสัญชาติ รวมทั้งโจทก์ด้วยตามข้อ 4 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าว ดังนี้ จำเลยมิได้เป็นผู้เพิกถอนสัญชาติของโจทก์ จำเลยจึงมิได้ โต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยขอให้ศาล พิพากษาว่าโจทก์มีสัญชาติไทย และโดยที่โจทก์ยังคงเป็นผู้ถูกเพิกถอนสัญชาติไทยอยู่ตามที่จำเลยได้รับแจ้งจาก กระทรวงมหาดไทยดังกล่าวข้างต้น ฉะนั้น การที่จำเลยมีคำสั่งให้นายทะเบียนท้องถิ่นจำหน่ายโจทก์ออกจากทะเบียนบ้านให้หัวหน้าสำนักงานกิจการญวนอุดรธานีมีคำสั่งให้โจทก์มาทำบัตรประจำตัวคนญวนอพยพ และให้พนักงานที่ดินจังหวัดอุดรธานี ทำการบังคับจำหน่ายที่ดินของโจทก์ อันเป็นการกระทำภายในขอบเขตของหนังสือกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว จึงถือไม่ได้ว่าเป็นคำสั่งหรือการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์หามีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยและขอให้ห้ามจำเลยและบริวารปฏิบัติการตามหน้าที่ได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องกรณีถูกเพิกถอนสัญชาติ: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหากจำเลยไม่ได้เพิกถอนสัญชาติเอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นผู้รักษาการตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2525ได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทราบถึงบุคคลที่ถูกเพิกถอนสัญชาติ รวมทั้งโจทก์ด้วยตามข้อ 4 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวดังนี้ จำเลยมิได้เป็นผู้เพิกถอนสัญชาติของโจทก์ จำเลยจึงมิได้ โต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยขอให้ศาล พิพากษาว่าโจทก์มีสัญชาติไทย และโดยที่โจทก์ยังคงเป็นผู้ถูกเพิกถอนสัญชาติไทยอยู่ตามที่จำเลยได้รับแจ้งจาก กระทรวงมหาดไทยดังกล่าวข้างต้น ฉะนั้น การที่จำเลยมีคำสั่งให้นายทะเบียนท้องถิ่นจำหน่ายโจทก์ออกจากทะเบียนบ้านให้หัวหน้าสำนักงานกิจการญวนอุดรธานีมีคำสั่งให้โจทก์มาทำบัตรประจำตัวคนญวนอพยพ และให้พนักงานที่ดินจังหวัดอุดรธานี ทำการบังคับจำหน่ายที่ดินของโจทก์ อันเป็นการกระทำภายในขอบเขตของหนังสือกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว จึงถือไม่ได้ว่าเป็นคำสั่งหรือการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์หามีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยและขอให้ห้ามจำเลยและบริวารปฏิบัติการตามหน้าที่ได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3246/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องรวมในหนังสือมอบอำนาจ: ไม่จำกัดเฉพาะคู่ความที่ระบุ
ช.ผู้รับมอบอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ย่อมมีความหมายรวมอยู่ในอำนาจที่โจทก์มอบให้ ช.ดำเนินคดีแพ่งทั้งปวงเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินตามฟ้อง ดังที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจ ไม่จำเป็นต้องระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องใครโดยชัดแจ้งทุกรายไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3206/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เช็คปลอมโดยผู้ปลอมเอง ศาลฎีกาแก้ไขโทษเนื่องจากศาลอุทธรณ์ลงโทษเกินกว่าที่โจทก์อุทธรณ์
จำเลยทำตรายางปลอมชื่อร้านของโจทก์ ประทับตรายางปลอม และลงลายมือชื่อโจทก์ปลอมที่ด้านหลังเช็คของจำเลยสองฉบับแล้วจำเลยนำเช็คดังกล่าวไปชำระหนี้แก่ผู้มีชื่อสองรายซึ่งจำเลย มีเจตนาให้มีการใช้เงินตามเช็คทั้งสองฉบับแตกต่างจากกัน จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้ เอกสารปลอมโดยจำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้นเอง อันจะ ต้องรับโทษในความผิดฐานใช้เอกสารปลอมสำหรับ เช็คแต่ละฉบับรวมสองกระทง แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน ฐานปลอมเอกสาร โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ ลงโทษสำหรับความผิดเกี่ยวกับเช็คสองฉบับนี้เป็นสองกระทง การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุก จำเลยเป็น สองกระทงกระทงละ 6 เดือน จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ศาลฎีกาพิพากษาแก้เฉพาะกำหนดโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3130/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขีดฆ่าแก้ไขใบเสร็จรับเงินโดยประธานกรรมการสหกรณ์ ไม่ถือเป็นการละเมิด หากเงินดังกล่าวไม่ใช่ของสหกรณ์
จำเลยในฐานะประธานกรรมการสหกรณ์โจทก์ขีดฆ่าแก้ไขใบเสร็จรับเงินทั้งที่ข้อบังคับของสหกรณ์โจทก์ไม่ได้ให้อำนาจที่จะกระทำได้ แต่ไม่มีข้อบังคับให้ส่งเงินนั้นแก่โจทก์ เงินจำนวนตามใบเสร็จนั้นไม่ใช่ของโจทก์ ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3125/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทความผิดจากข่มขืนเป็นบุกรุกและกระทำอนาจาร ศาลฎีกาแก้ไขให้ลงโทษตามบทที่ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในกระทงความผิดฐานบุกรุกและกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ซึ่งเป็นบทหนัก ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องฐานกระทำอนาจารตามมาตรา 278 แต่ไม่ได้ปรับบทเสียใหม่ ศาลฎีกาแก้ให้ถูกต้องโดยลงโทษตามมาตรา 365

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3088/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิดจากการเดินเรือ: ใช้ พ.ร.บ.แพ่งฯ มาตรา 448 แทน พ.ร.บ.เดินเรือ และประเด็นความประมาทเลินเล่อของผู้ควบคุมเรือ
อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย ฯลฯ ซึ่งมีกำหนด 6 เดือนถูกยกเลิกโดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 3 จึงต้องใช้อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 เป็นบทบังคับ
จำเลยที่ 1 เป็นผู้นำร่องเรือเดินสมุทร ซึ่งนายเรือต้องปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของจำเลยที่ 1 ในการนำร่อง จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ควบคุมยานพาหนะอันเกิดด้วยเครื่องจักรกลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 เมื่อจำเลยที่ 1 สั่งให้นายเรือเลี้ยวขวาเพื่อทอดสมอโดยยังไม่พ้นเรือโจทก์ที่จอดอยู่ เป็นเหตุให้เรือที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้นำร่องโดนเรือโจทก์เสียหาย ซึ่งหากจำเลยที่ 1 สั่งให้แล่นไปให้พ้นเสียก่อนแล้วจึงเลี้ยวขวาเพื่อทอดสมอก็จะไม่เกิดเหตุขึ้น จึงเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย ฯลฯ ซึ่งกำหนดให้ผู้นำร่องต้องใช้ความระมัดระวังมากที่สุดเพื่อป้องกันความเสียหายและถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ใช้ความช่ำชองในวิชาการเรือซึ่งตนมีอยู่ จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ประมาทเลินเล่อ แม้เรือโจทก์จะจอดเทียบเป็นลำที่ 3 ซึ่งฝ่าฝืนกฎหมายก็มิใช่ผลโดยตรงที่ก่อให้เรือโดนกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3088/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิดทางทะเล: ประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 448 ใช้บังคับเหนือ พ.ร.บ.เดินเรือฯ และความประมาทเลินเล่อของผู้ควบคุมเรือ
อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย ฯลฯ ซึ่งมีกำหนด 6 เดือนถูกยกเลิกโดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 3 จึงต้องใช้อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448เป็นบทบังคับ
จำเลยที่ 1 เป็นผู้นำร่องเรือเดินสมุทร ซึ่งนายเรือต้องปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของจำเลยที่ 1 ในการนำร่อง จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ควบคุมยานพาหนะอันเกิดด้วยเครื่องจักรกลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 เมื่อจำเลยที่ 1สั่งให้นายเรือเลี้ยวขวาเพื่อทอดสมอโดยยังไม่พ้นเรือโจทก์ที่จอดอยู่เป็นเหตุให้เรือที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้นำร่องโดนเรือโจทก์เสียหาย ซึ่งหากจำเลยที่ 1 สั่งให้แล่นไปให้พ้นเสียก่อนแล้วจึงเลี้ยวขวาเพื่อทอดสมอก็จะไม่เกิดเหตุขึ้น จึงเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย ฯลฯ ซึ่งกำหนดให้ผู้นำร่องต้องใช้ความระมัดระวังมากที่สุดเพื่อป้องกันความเสียหายและถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ใช้ความช่ำชองในวิชาการเรือซึ่งตนมีอยู่จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ประมาทเลินเล่อ แม้เรือโจทก์จะจอดเทียบเป็นลำที่ 3ซึ่งฝ่าฝืนกฎหมายก็มิใช่ผลโดยตรงที่ก่อให้เรือโดนกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3020/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: โต้เถียงดุลพินิจพยานหลักฐานการกระทำความผิดทางอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276,90 จำคุกห้าปี จำเลยที่2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278,83 จำคุกสองปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง ลงโทษจำคุกเท่ากับศาลชั้นต้น ดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยทั้งสองฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความสนับสนุนคำฟ้องจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดนั้นเป็นการโต้เถียงดุลพินิจเกี่ยวกับการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของศาล เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
of 33