พบผลลัพธ์ทั้งหมด 183 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3018/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของกระทรวงกลาโหมจากการละเมิดของพนักงานขับรถ และการรับฟังเอกสารหลักฐานการเช่าซื้อรถยนต์
นายสิบทหารขับรถในราชการกองการขนส่ง กรมสารบรรณทหารบกกองบัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นนิติบุคคลสังกัดอยู่ในกระทรวงกลาโหม กระทรวงกลาโหมต้องรับผิดในการละเมิดของผู้ขับรถ
ฟ้องระบุเลขหมายรถยนต์ของโจทก์ กท.ฟ-0783 บางแห่งบรรยายเป็น 0738 จำเลยมิได้ต่อสู้ในคำให้การว่าฟ้องเคลือบคลุมไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ยกขึ้นฎีกาศาลไม่รับวินิจฉัย โจทก์นำสืบถึงรถหมายเลขที่ถูกต้องได้ ไม่แตกต่างจากฟ้อง
เอกสารเป็นจดหมายของโจทก์ถึงบริษัทผู้ให้เช่าซื้อว่าโจทก์ได้ชำระเงินครบและได้รับของแล้ว ไม่ใช่ตราสารใบรับโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์อันต้องปิดอากรแสตมป์
ฟ้องระบุเลขหมายรถยนต์ของโจทก์ กท.ฟ-0783 บางแห่งบรรยายเป็น 0738 จำเลยมิได้ต่อสู้ในคำให้การว่าฟ้องเคลือบคลุมไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ยกขึ้นฎีกาศาลไม่รับวินิจฉัย โจทก์นำสืบถึงรถหมายเลขที่ถูกต้องได้ ไม่แตกต่างจากฟ้อง
เอกสารเป็นจดหมายของโจทก์ถึงบริษัทผู้ให้เช่าซื้อว่าโจทก์ได้ชำระเงินครบและได้รับของแล้ว ไม่ใช่ตราสารใบรับโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์อันต้องปิดอากรแสตมป์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3007/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้คำให้การรับสารภาพเป็นปฏิเสธเพื่อประวิงคดี ศาลไม่อนุญาตได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธต่อมาระหว่างสืบพยานจำเลยจำเลยขอถอนคำให้การเดิมขอให้การรับสารภาพผิดตามฟ้อง แต่ขอเวลาหาเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์เพื่อให้โจทก์ถอนฟ้อง อันเป็นการรับสารภาพด้วยความสมัครใจ แต่จำเลยหาเงินไม่ได้จึงขอแก้คำให้การรับสารภาพเป็นปฏิเสธและขอสืบพยานต่อไป ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยขอแก้คำให้การเพื่อประวิงคดี จึงไม่มีเหตุสมควรจะอนุญาตแก้คำให้การ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3007/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงคำให้การหลังรับสารภาพเพื่อประวิงคดี ศาลไม่อนุญาตแก้คำให้การได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมาระหว่างสืบพยานจำเลยขอถอนคำให้การเดิมขอให้การรับสารภาพผิดตามฟ้อง แต่ขอเวลาหาเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ เพื่อให้โจทก์ถอนฟ้อง อันเป็นการรับสารภาพด้วยความสมัครใจ แต่จำเลยหาเงินไม่ได้จึงขอแก้คำให้การรับสารภาพเป็นปฏิเสธและขอสืบพยานต่อไป ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยขอแก้คำให้การเพื่อประวิงคดี จึงไม่มีเหตุสมควรจะอนุญาตแก้คำให้การ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2941-2942/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบแร่ที่ขนส่งโดยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขใบอนุญาต: แร่ที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายไม่เข้าข่ายต้องริบ
แร่ของกลางเป็นแร่ที่ได้รับอนุญาตโดยถูกต้องตามกฎหมายทั้งทรัพยากรธรณีจังหวัดได้ออกใบอนุญาตขนแร่ให้จำเลยแล้วการกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพราะไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในใบอนุญาตขนแร่ที่ให้บันทึกการขนแร่พร้อมกับลงลายมือชื่อกำกับในใบอนุญาตขนแร่ทันทีที่ขนแร่ออกจากต้นทาง แร่ของกลางจึงหาใช่แร่ที่บุคคลได้มาได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามมาตรา 148 อันต้องริบตามมาตรา 154ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2941-2942/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบแร่ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย: การกระทำผิดเงื่อนไขใบอนุญาตไม่ใช่เหตุริบ
แร่ของกลางเป็นแร่ที่ได้รับอนุญาตโดยถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งทรัพยากรธรณีจังหวัดได้ออกอนุญาตขนแร่ให้จำเลยแล้ว การกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพราะไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในใบอนุญาตขนแร่ที่ให้บันทึกการขนแร่พร้อมกับลงลายมือชื่อกำกับในใบอนุญาตขนแร่ทันทีที่ขนแร่ออกจากต้นทาง แร่ของกลางจึงหาใช่แร่ที่บุคคลได้มา ได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามมาตรา 148 อันต้องริบตามมาตรา 154 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2922/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์โดยมิชอบ: ผู้ซื้อสุจริตในตลาดมีสิทธิไม่คืนทรัพย์ให้เจ้าของเดิม หากเจ้าของเดิมไม่ชดใช้ราคาซื้อ
แม้จะปรากฏว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของโจทก์ไม่ใช่ของจำเลย แต่ผู้ร้องได้ซื้อมาโดยสุจริตในท้องตลาดผู้ร้องไม่จำต้องคืนให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของแท้จริงเว้นแต่ โจทก์จะชดใช้ราคาที่ซื้อมา ซึ่งเป็นสิทธิอย่างหนึ่งที่ผู้ร้องได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 โจทก์จึงนำยึดทรัพย์ดังกล่าวโดยไม่ชดใช้ราคา ที่ผู้ร้องซื้อมาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2922/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อทรัพย์โดยสุจริตในตลาด และสิทธิในการครอบครองทรัพย์สิน แม้เจ้าของเดิมมีสิทธิเรียกร้อง
แม้จะปรากฏว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของโจทก์ ไม่ใช่ของจำเลย แต่ผู้ร้องได้ซื้อมาโดยสุจริตในท้องตลาด ผู้ร้องไม่จำต้องคืนให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของแท้จริง เว้นแต่โจทก์จะชดใช้ราคาที่ซื้อมา ซึ่งเป็นสิทธิอย่างหนึ่งที่ผู้ร้องได้รัยความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 โจทก์จึงนำยึดทรัพย์ดังกล่าวโดยไม่ชดใช้ราคาที่ผู้ร้องซื้อมาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2827/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกันสัญญาเช่ารถยนต์ จำกัดตามที่ระบุในสัญญาเท่านั้น
อ.เป็นผู้เช่าและรับรถยนต์ไปจากโจทก์ จำเลยทำหนังสือสัญญาค้ำประกันผู้เช่าให้ไว้แก่โจทก์ ต่อมาคนร้ายลักรถยนต์ที่เช่าไปขณะอยู่ในครอบครองของ อ.ผู้เช่า สัญญาค้ำประกันมีใจความสารสำคัญว่า จำเลยยินดีชดใช้หรือรับผิดชอบให้กับผู้เช่า ในกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบโดยรับผิดชอบตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ 1. การเสียหายของรถอันเกิดจากอุบัติเหตุหรือรถชนกันถ้าต่ำกว่า 1,000 บาท จำเลยจะต้องรับผิด 2. ถ้าเกิดรถหายในระหว่างเช่าจำเลยจะต้องรับผิดชอบ ดังนี้ จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ก็แต่เฉพาะในกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบ และจำกัดเฉพาะเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา 2 ข้อเท่านั้น ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า ในวันที่รถยนต์หายนั้น อ.ผู้เช่าไปแจ้งที่บริษัทโจทก์ว่ารถหายและมอบกุญแจรถคืนให้โจทก์แล้ว จึงมิใช่เป็นกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบ จำเลยหาจำต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2827/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันจำกัดขอบเขตความรับผิด ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดหากผู้เช่าแจ้งรถหายและคืนกุญแจแล้ว
อ.เป็นผู้เช่าและรับรถยนต์ไปจากโจทก์ จำเลยทำหนังสือสัญญาค้ำประกันผู้เช่าให้ไว้แก่โจทก์ ต่อมาคนร้ายลักรถยนต์ที่เช่าไปขณะอยู่ในครอบครองของ อ.ผู้เช่า สัญญาค้ำประกันมีใจความสารสำคัญว่า จำเลยยินดีชดใช้หรือรับผิดชอบให้กับผู้เช่า ในกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบ โดยรับผิดชอบตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ 1. การเสียหายของรถอันเกิดจากอุบัติเหตุหรือรถชนกันถ้าต่ำกว่า 1,000 บาท จำเลยจะต้องรับผิด 2. ถ้าเกิดรถหายในระหว่างเช่าจำเลยจะต้องรับผิดชอบ ดังนี้จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ก็แต่เฉพาะในกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบ และจำกัดเฉพาะเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา 2 ข้อเท่านั้น ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า ในวันที่รถยนต์หายนั้น อ.ผู้เช่าไปแจ้งที่บริษัทโจทก์ว่ารถหายและมอบกุญแจรถคืนให้โจทก์แล้ว จึงมิใช่เป็นกรณีตามหาผู้เช่าไม่พบ จำเลยหาจำต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2823/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการได้รับเงินสินบนนำจับ: ยุติเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากรบรรยายฟ้องด้วยว่าคดีมีผู้แจ้งความนำจับนำเจ้าพนักงานจับจำเลย และขอให้ศาลสั่งจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย ดังนี้ ย่อมถือได้ว่า พนักงานอัยการโจทก์ได้ร้องขอต่อศาลให้จ่ายเงินสินบนแทนผู้นำจับตามบทบัญญัติในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ.2489 แล้วและเมื่อคดีดังกล่าวศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ไม่มีผู้นำจับ โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้าน และต่อมาศาลฎีกาพิพากษายืน คดีจึงต้องฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่มีผู้นำจับ ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งจ่ายเงินนำจับแก่ผู้ร้องอันเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วได้อีก