พบผลลัพธ์ทั้งหมด 183 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1021/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการใช้เช็คเป็นสำคัญ แม้เซ็นชื่อไม่ตรงและเงินไม่พอจ่าย ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค หากไม่มีเจตนาชำระหนี้
เมื่อโจทก์จำเลยมิได้มีเจตนาให้เช็คพิพาทเป็นการชำระหนี้ การกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497แม้จะปรากฏว่าจำเลยมีเงินเหลือในบัญชีไม่พอจ่าย และและจำเลยเซ็นชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทไม่ให้เหมือนลายเซ็นตัวอย่าง ก็หาทำให้การกระทำของจำเลยกลับเป็นความผิดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1021/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการออกเช็คสำคัญกว่าลายเซ็นและเงินในบัญชี ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค หากไม่มีเจตนาชำระหนี้
เมื่อโจทก์จำเลยมิได้มีเจตนาให้เช็คพิพาทเป็นการชำระหนี้ การกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 แม้จะปรากฏว่าจำเลยมีเงินเหลือในบัญชีไม่พอจ่าย และจำเลยเซ็นชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทไม่ให้เหมือนลายเซ็นตัวอย่าง ก็หาทำให้การกระทำของจำเลยกลับเป็นความผิดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1019/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นผู้เสียหายในคดีเช็ค: ผู้ทรงเช็คโดยชอบย่อมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย แม้มีเอกสารอื่นอ้างถึงบุคคลอื่น
จำเลยออกเช็คพิพาทสั่งจ่ายเงินแก่ผู้ถือ ขณะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ห้างหุ้นส่วนจำกัดส. เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบอยู่ จึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายแล้ว
คำร้องขอฝากขังหาใช่เอกสารมหาชนซึ่งกฎหมายสันนิษฐานว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องไม่
ฎีกาของจำเลยว่า พยานหลักฐานของจำเลยรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ว่า ส.เป็นผู้เสียหาย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำร้องขอฝากขังหาใช่เอกสารมหาชนซึ่งกฎหมายสันนิษฐานว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องไม่
ฎีกาของจำเลยว่า พยานหลักฐานของจำเลยรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ว่า ส.เป็นผู้เสียหาย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาทุจริตหรือสั่งห้ามธนาคารจ่ายเงิน การบรรยายฟ้องต้องชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องมีสารสำคัญเพียงว่า จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเช็คเข้าบัญชีแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่ามีคำสั่งให้ระงับการจ่าย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่มีคำบรรยายฟ้องตอนใดเลยที่มีข้อความพอจะให้ฟังได้ว่าที่จำเลยมีคำสั่งให้ระงับการจ่ายนั้นจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือจำเลยห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยทุจริตดังที่บัญญัติไว้ตามอนุมาตรา (1) และ (5) ของพระราชบัญญัติดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์มิได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 820/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกเอกสารจากบุคคลภายนอก: ศาลมีสิทธิพิจารณาคำร้องก่อนออกคำสั่งเรียกเอกสาร
คำร้องให้เรียกเอกสารจากคนภายนอก ศาลพิจารณาคำร้องก่อนศาลสั่งให้ผู้อ้างติดต่อกับคนภายนอกก่อนได้ ไม่ใช่ต้องสั่งให้เรียกมาทันที
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 805/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งผู้จัดการมรดก: ผู้คัดค้านมีสิทธิดำเนินคดีโดยไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรส
การร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ไม่เกี่ยวกับเรื่องสินสมรส คู่ความมีสิทธิเข้ามาดำเนินคดีโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 805/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งผู้จัดการมรดก: สิทธิในการดำเนินคดีโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสในคดีที่ไม่เกี่ยวกับสินสมรส
การร้องขอให้ศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ไม่เกี่ยวกับเรื่องสินสมรส คู่ความมีสิทธิเข้ามาดำเนินคดีโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 698/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การยินยอมให้เช่าช่วง และผลของการไม่จดทะเบียนสัญญาเช่า
เดิมจำเลยเช่าที่ดินจากโจทก์มีกำหนดสิบปี ระหว่างอายุสัญญาจำเลยเช่าห้องแถวลงในที่ดินที่เช่าขายให้ผู้อื่นไปหลายราย ต่อมาเมื่อครบอายุสัญญาโจทก์จำเลยทำหนังสือสัญญาเช่ากันใหม่ต่อไปมีกำหนดสิบปี แต่ยังมิได้จดทะเบียนการเช่า เมื่อปรากฏว่าโจทก์รู้เห็นถึงการกระทำของจำเลยและรู้ถึงการที่มีผู้อื่นเข้าทำการค้าในสิ่งปลูกสร้างที่จำเลย ได้ก่อสร้างขึ้นในที่ดินที่เช่าแล้วจึงได้ตกลงทำสัญญากัน แม้เหตุดังกล่าวจะมีผลเป็นการให้ผู้อื่นครอบครองใช้ประโยชน์หรือประกอบการค้าในที่ดินที่เช่าต่อมาก็ตาม โจทก์จะยกเหตุนี้มาเป็นข้ออ้างว่าจำเลยประพฤติผิดสัญญาหาได้ไม่
สัญญาเช่าที่ดินมีกำหนดเวลาสิบปี แต่ยังมิได้จดทะเบียนการเช่า จำเลยจึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนการเช่าดังกล่าวได้
สัญญาเช่าที่ดินมีกำหนดเวลาสิบปี แต่ยังมิได้จดทะเบียนการเช่า จำเลยจึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนการเช่าดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 698/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดิน การยินยอมให้เช่าช่วง และการฟ้องบังคับจดทะเบียนสัญญาเช่าที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย
เดิมจำเลยเช่าที่ดินจากโจทก์มีกำหนดสิบปี ระหว่างอายุสัญญาจำเลยปลูกห้องแถวลงในที่ดินที่เช่าขายให้ผู้อื่นไปหลายราย ต่อมาเมื่อครบอายุสัญญาโจทก์จำเลยทำหนังสือสัญญาเช่ากันใหม่ต่อไปมีกำหนดสิบปี แต่ยังมิได้จดทะเบียนการเช่า เมื่อปรากฏว่าโจทก์รู้เห็นถึงการกระทำของจำเลยและรู้ถึงการที่มีผู้อื่นเข้าทำการค้าในสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยได้ก่อสร้างขึ้นในที่ดินที่เช่าแล้วจึงได้ตกลงทำสัญญากัน แม้เหตุดังกล่าวจะมีผลเป็นการให้ผู้อื่นครอบครองใช้ประโยชน์หรือประกอบการค้าในที่ดินที่เช่าต่อมาก็ตาม โจทก์จะยกเหตุนี้มาเป็นข้ออ้างว่าจำเลยประพฤติผิดสัญญาหาได้ไม่
สัญญาเช่าที่ดินมีกำหนดเวลาสิบปี แต่ยังมิได้จดทะเบียนการเช่า จำเลยย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนการเช่าดังกล่าวได้
สัญญาเช่าที่ดินมีกำหนดเวลาสิบปี แต่ยังมิได้จดทะเบียนการเช่า จำเลยย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนการเช่าดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องยกข้อเท็จจริง/กฎหมายที่เคยว่ากันในศาลล่างเท่านั้น การค้นพบหลักฐานใหม่ในชั้นฎีกา หรือการไม่โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นทำให้ฎีกาไม่ได้
ข้อที่อ้างขึ้นใหม่ในศาลฎีกาว่าพบเอกสารอันเป็นข้ออ้างใหม่ตามภาพถ่ายท้ายฎีกา ไม่เป็นข้อที่ศาลฎีกาจะรับพิจารณา และการที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งไว้ จึงฎีกาไม่ได้