พบผลลัพธ์ทั้งหมด 260 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466-1469/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คสำคัญกว่าการปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ต้องพิสูจน์เจตนาทุจริตของจำเลย
ในวันสืบพยานโจทก์ จำเลยยอมรับว่าจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คตามฟ้อง โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบและธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน แต่จำเลยก็มิได้ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ดังนี้จะถือว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหาได้ไม่ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้ได้ความดังกล่าว เมื่อโจทก์มิได้สืบพยาน จึงลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3942/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำรงชีพจากรายได้ของการค้าประเวณี ต้องพิสูจน์ปัจจัยดำรงชีพของผู้กระทำ หากไม่สามารถพิสูจน์ได้ ถือว่าไม่มีความผิด
ความผิดฐานดำรงชีพจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีนั้นจะต้องได้ความว่าผู้นั้นไม่มีปัจจัยอันพอเพียง สำหรับดำรงชีพด้วย เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบถึงความข้อนี้เลย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีจะลงโทษจำเลยที่ 1 สำหรับความผิดฐานนี้ไม่ได้และเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาให้ไม่ต้องรับโทษได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3942/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำรงชีพจากรายได้หญิงค้าประเวณี ต้องพิสูจน์ปัจจัยดำรงชีพไม่พอเพียง
ความผิดฐานดำรงชีพจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีนั้นจะต้องได้ความว่าผู้นั้นไม่มีปัจจัยอันพอเพียงสำหรับดำรงชีพด้วย เมื่อโจทก์ไม่ได้นำสืบถึงความข้อนี้เลย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีจะลงโทษจำเลยที่ 1 สำหรับความผิดฐานนี้ไม่ได้และเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาให้ไม่ต้องรับโทษได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานในคดีอาญา โจทก์ต้องนำสืบข้อเท็จจริงสาระสำคัญด้วยตนเอง การเบิกความรับสารภาพจากการซักค้านไม่ใช่การนำสืบ
ในการพิจารณาคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลย กระทำผิดตามฟ้อง
ในคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ข้อเท็จจริงที่ว่าวันที่จำเลยออกเช็คจำเลยไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญขององค์ประกอบความผิด เกิดขึ้นจากการที่จำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึง ข้อเท็จจริงนั้นไม่พอฟังลงโทษจำเลย (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 540/2504)
ในคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ข้อเท็จจริงที่ว่าวันที่จำเลยออกเช็คจำเลยไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญขององค์ประกอบความผิด เกิดขึ้นจากการที่จำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึง ข้อเท็จจริงนั้นไม่พอฟังลงโทษจำเลย (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 540/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบข้อเท็จจริงในคดีอาญา โจทก์ต้องนำสืบเอง การเบิกความรับสารภาพจากการซักค้านไม่ใช่การนำสืบ
ในการพิจารณาคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลย กระทำผิดตามฟ้อง
ในคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ข้อเท็จจริงที่ว่าวันที่จำเลยออกเช็ค จำเลยไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญขององค์ประกอบความผิด เกิดขึ้นจากการที่จำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงนั้น ไม่พอฟังลงโทษจำเลย
(เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 540/2504)
ในคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ข้อเท็จจริงที่ว่าวันที่จำเลยออกเช็ค จำเลยไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญขององค์ประกอบความผิด เกิดขึ้นจากการที่จำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึงข้อเท็จจริงนั้น ไม่พอฟังลงโทษจำเลย
(เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 540/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร โจทก์ต้องสืบพยานให้ชัดเจนถึงฐานความผิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร แสดงว่าโจทก์ประสงค์ขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาใดข้อหาหนึ่งเพียงข้อหาเดียว เพราะเป็นความผิดคนละฐานกัน จะลงโทษจำเลยทั้งสองฐานความผิดย่อมไม่ได้ คำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ว่าได้กระทำผิดตามฟ้องโจทก์จริง ไม่ชัดเจนพอจะชี้ขาดว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานใด จึงเป็นหน้าที่โจทก์จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดของจำเลยเมื่อโจทก์ไม่สืบพยานก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 819/2513 ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3665/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบในคดีเช็ค: โจทก์ต้องพิสูจน์ลายมือชื่อและวันเดือนปี
การนำสืบว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาจะมิให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อในเช็คและลงวันเดือนปีที่สั่งจ่ายด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2394/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาคดีแพ่งไม่ผูกพันคดีอาญา การเบิกความเท็จต้องมีพยานหลักฐานสนับสนุน
ในคดีอาญาที่ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยได้เบิกความเท็จในคดีแพ่ง นั้นแม้ศาลที่พิจารณาพิพากษาคดีแพ่งจะไม่เชื่อข้อเท็จจริงที่พยานจำเลยนำสืบและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีและคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม ก็จะนำเอาผลของคำพิพากษานั้นมาฟังว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นเท็จหาได้ไม่เพราะประเด็นในการวินิจฉัยในคดีแพ่งกับปัญหาวินิจฉัยในคดีอาญาแตกต่างกันคำพิพากษาในคดีแพ่งก็มีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีแพ่งเท่านั้น ไม่ใช่เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไปหรือไม่อาจโต้แย้งได้ เพราะมิฉะนั้นคู่ความหรือพยานฝ่ายที่แพ้คดีก็จะต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จเสมอไปเมื่อโจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จ โจทก์ก็มีหน้าที่ต้อง พิสูจน์ให้ได้ความว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2394/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จในคดีแพ่ง ไม่ถือเป็นเท็จโดยอัตโนมัติ โจทก์ต้องพิสูจน์ความเท็จเอง
ในคดีอาญาที่ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยได้เบิกความเท็จในคดีแพ่งนั้น แม้ศาลที่พิจารณาพิพากษาคดีแพ่งจะไม่เชื่อข้อเท็จจริงที่พยานจำเลยนำสืบและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีและคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม ก็จะนำเอาผลของคำพิพากษานั้นมาฟังว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นเท็จหาได้ไม่ เพราะประเด็นในการวินิจฉัยในคดีแพ่งกับปัญหาวินิจฉัยในคดีอาญาแตกต่างกัน คำพิพากษาในคดีแพ่งก็มีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีแพ่งเท่านั้น ไม่ใช่เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันอยู่ทั่วไปหรือไม่อาจโต้แย้งได้ เพราะมิฉะนั้นคู่ความหรือพยานฝ่ายที่แพ้คดีก็จะต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จเสมอไป เมื่อโจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จ โจทก์ก็มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ให้ได้ความว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3065/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่พอฟังลงโทษจำเลย โจทก์ต้องพิสูจน์ความผิดด้วยตนเอง
คำให้การของพยานในชั้นสอบสวนเป็นพยานบอกเล่า รับฟังได้แต่เพียงเป็นพยานประกอบคำเบิกความของพยานในชั้นศาล เมื่อคำเบิกความของพยานโจทก์ในชั้นศาลไม่มีผู้ใดรู้เห็นว่าจำเลยกระทำผิด ลำพังแต่บันทึกการจับกุมและคำให้การชั้นสอบสวนไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้
ในคดีอาญา โจทก์มีภาระหน้าที่ต้องนำพยานหลักฐานมาสืบพิสูจน์ให้เห็นถึงความผิดของจำเลย เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด แม้จำเลยจะไม่สืบพยานก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
ในคดีอาญา โจทก์มีภาระหน้าที่ต้องนำพยานหลักฐานมาสืบพิสูจน์ให้เห็นถึงความผิดของจำเลย เมื่อโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด แม้จำเลยจะไม่สืบพยานก็ลงโทษจำเลยไม่ได้