พบผลลัพธ์ทั้งหมด 260 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ลายเซ็นใน ส.ค.๑ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ หากไม่กระทบต่อเขตที่ดินพิพาท
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จในคดีแพ่งว่า ลายเซ็นใน ส.ค.1 ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลย ครั้นเมื่อสืบพยานบุคคลของโจทก์แล้ว โจทก์ขอส่ง ส.ค.1 ไปให้ผู้ชำนาญ พิสูจน์ว่าลายเซ็นใน ส.ค.1 นั้นใช่ลายเซ็นของจำเลยหรือไม่ ศาลชั้นต้นสั่งงดไม่ให้สืบและตรวจพิสูจน์ แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียทีเดียว เช่นนี้ เป็นการไม่ชอบ แต่เมื่อปรากฏว่าในคดีแพ่งนั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินโดยมิได้ทำการยึดและรังวัดเขตให้แน่นอน ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเขตที่ดินที่โจทก์อ้างว่าได้จากการขายทอดตลาดนั้นแค่ไหนแน่ ตาม ส.ค.1 ไม่ปรากฏเขตแน่นอน เนื้อที่ก็เพียงประมาณ ผู้แจ้งการครอบครองจะได้ครอบครองแค่ไหนเพียงใด ก็ฟังเอาเป็นหลักฐานแน่นอนมิได้ พยานที่เซ็นใน ส.ค.1 ก็ไม่ปรากฏว่าเซ็นกันอย่างไร ไม่มีระเบียบแน่นอน ดังนี้ จึงต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่นในท้องสำนวน ฉะนั้น ถึงแม้จำเลยจะเซ็นชื่อในฐานพยานใน ส.ค.1 จริง ก็มิได้เป็นหลักฐานเพิ่มพูนที่จะทำให้ฟังได้ว่าที่ดินที่โจทก์ซื้อจากการขายทอดตลาดมีเขตแค่ไหนแต่อย่างใด และถึงแม้ที่จำเลยเบิกความว่าลายเซ็นนั้นมิใช่ลายเซ็นของจำเลยอันเป็นความเท็จก็ตาม ก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีดังกล่าว จำเลยยังไม่ผิด จึงไม่ต้องส่ง ส.ค.1 ไปให้ผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ลายเซ็นใน ส.ค.1 ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีข้อพิพาทเกี่ยวกับเขตที่ดิน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จในคดีแพ่งว่า ลายเซ็นใน ส.ค.1 ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลย ครั้นเมื่อสืบพยานบุคคลของโจทก์แล้ว โจทก์ขอส่ง ส.ค.1 ไปให้ผู้ชำนาญพิสูจน์ว่าลายเซ็นใน ส.ค.1 นั้นใช่ลายเซ็นของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นสั่งงดไม่ให้สืบและตรวจพิสูจน์แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียทีเดียว เช่นนี้ เป็นการไม่ชอบแต่เมื่อปรากฏว่าในคดีแพ่งนั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินโดยมิได้ทำการยึดและรังวัดเขตให้แน่นอนประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเขตที่ดินที่โจทก์อ้างว่าได้จากการขายทอดตลาดนั้นแค่ไหนแน่ตาม ส.ค.1ไม่ปรากฏเขตแน่นอนเนื้อที่ก็เพียงประมาณผู้แจ้งการครอบครองจะได้ครอบครองแค่ไหนเพียงใด ก็ฟังเอาเป็นหลักฐานแน่นอนมิได้พยานที่เซ็นใน ส.ค.1 ก็ไม่ปรากฏว่าเซ็นกันอย่างไรไม่มีระเบียบแน่นอน ดังนี้ จึงต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่นในท้องสำนวน ฉะนั้นถึงแม้จำเลยจะเซ็นชื่อในฐานพยานใน ส.ค.1 จริงก็มิได้เป็นหลักฐานเพิ่มพูนที่จะทำให้ฟังได้ว่าที่ดินที่โจทก์ซื้อจากการขายทอดตลาด มีเขตแค่ไหน แต่อย่างใด และถึงแม้ที่จำเลยเบิกความว่าลายเซ็นนั้นมิใช่ลายเซ็นของจำเลยอันเป็นความเท็จก็ตาม ก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีดังกล่าวจำเลยยังไม่ผิด จึงไม่ต้องส่ง ส.ค.1 ไปให้ผู้ชำนาญตรวจพิสูจน์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์เขตควบคุมการแปรรูปไม้: จำเลยปฏิเสธ, โจทก์มิได้นำสืบประกาศ, ศาลยกฟ้อง
โจทก์มิได้นำสืบ จึงฟังไม่ได้ว่าท้องที่ที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ จึงลงโทษจำเลยฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตไม่ได้ และริบไม้ของกลางไม่ได้ (อ้างนัยฎีกาที่ 1384/2494 และที่ 825/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องเขตควบคุมการแปรรูปไม้ เพื่อเอาผิดฐานครอบครองไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต
โจทก์มิได้นำสืบ จึงฟังไม่ได้ว่าท้องที่ที่จำเลยมีไม้แปรรูป ไว้ ในครอบครองเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ จึงลงโทษจำเลย ฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตไม่ได้ และ ริบไม้ของกลางไม่ได้ (อ้างนัยฎีกาที่ 1384/2494 และที่ 825/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเรือยนต์หางยาวที่ใช้ในการขนของหลีกเลี่ยงภาษี ศาลรับฟังได้แม้ไม่ได้ระบุระวางบรรทุก
เฉพาะเรือยนต์หางยาวเช่นเรือยนต์หางยาวของกลางคดีนี้เป็นเรือที่รู้จักกันอยู่ทั่วไปว่าเป็นเรือเล็ก ๆ ไม่ใหญ่โตชนิดหนึ่งใช้วิ่งรับส่งในแม่น้ำลำคลอง โดยข้อเท็จจริงไม่มีทางจะฟังว่าเป็นเรือมีระวางบรรทุกเกิน 250 ตันได้เลย ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงเป็นที่รับรู้กันอยู่ทั่วไปดังกล่าว ถึงแม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่า มีระวางบรรทุกเท่าใด ศาลย่อมรับฟังข้อเท็จจริงได้ว่าเรือยนต์หางยาวพร้อมด้วยเครื่องของกลางคดีนี้ มีระวางบรรทุกไม่เกิน 250 ตัน เมื่อจำเลยนำไปใช้ในการขนของที่ยังมิได้เสียภาษี จึงต้องริบตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 32
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2509).
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2509).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเรือยนต์หางยาวที่ใช้ขนของหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร โดยไม่จำเป็นต้องระบุระวางบรรทุกในคำฟ้อง
เฉพาะเรือยนต์หางยาวเช่นเรือยนต์หางยาวของกลางคดีนี้เป็นเรือที่รู้จักกันอยู่ทั่วไปว่าเป็นเรือเล็กๆ ไม่ใหญ่โตชนิดหนึ่งใช้วิ่งรับส่งในแม่น้ำลำคลองโดยข้อเท็จจริงไม่มีทางจะฟังว่าเป็นเรือมีระวางบรรทุกเกิน 250 ตัน ได้เลยฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงเป็นที่รับรู้กันอยู่ทั่วไปดังกล่าว ถึงแม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่ามีระวางบรรทุกเท่าใดศาลย่อมรับฟังข้อเท็จจริงได้ว่าเรือยนต์หางยาวพร้อมด้วยเครื่องของกลางคดีนี้ มีระวางบรรทุกไม่เกิน 250 ตัน เมื่อจำเลยนำไปใช้ในการขนของที่ยังมิได้เสียภาษี จึงต้องริบตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ.2469 มาตรา 32 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษอาญาจากประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 เป็น 295 จากระยะเวลาการรักษาบาดแผลที่โจทก์ไม่โต้แย้ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัส รักษาประมาณ 20 กว่าวันจึงจะหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ผู้เสียหายยื่นคำร้องว่า รักษาแผล 10 วันหาย จำเลยเป็นคนดีขอให้ลงโทษสถานเบา โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่คัดค้านและมิได้ขอสืบพยาน ก็ต้องฟังว่าบาดแผลของผู้เสียหายรักษาประมาณ 10 วันหาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากทำร้ายร่างกายสาหัสเป็นทำร้ายร่างกายทั่วไป จากระยะเวลาการรักษาสั้นกว่าที่ฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัสรักษาประมาณ 20 กว่าวันจึงจะหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ผู้เสียหายยื่นคำร้องว่า รักษาบาดแผล 10 วันหาย จำเลยเป็นคนดีขอให้ลงโทษสถานเบา โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่คัดค้านและมิได้ขอสืบพยาน ก็ต้องฟังว่าบาดแผลของผู้เสียหายรักษาประมาณ 10 วันหาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาในคดีอาญา: ข้อเท็จจริงที่ไม่ผูกพันจำเลยในคดีต่อมา
คดีอาญาเรื่องก่อนกับคดีอาญาเรื่องนี้ แม้จะมีประเด็นอย่างเดียวกัน คือ ออกเช็คสั่งจ่ายเงินเพื่อประกันหนี้หรือเพื่อชำระหนี้ ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีก่อนก็ไม่ผูกพันจำเลยในคดีนี้ เพราะคดีอาญาโจทก์ต้องมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงที่กล่าวหานั้น จึงจะฟังลงโทษจำเลยได้ ข้อเท็จจริงในคดีอาญาจะมีผลผูกพันคดีอื่นได้ก็เฉพาะที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 และเมื่อข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาในคดีก่อนไม่ผูกพันจำเลยในคดีนี้ ศาลก็ย่อมวินิจฉัยข้อเท็จจริงในคดีนี้ตามที่ปรากฏในสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงในคดีก่อนไม่ผูกพันจำเลยในคดีอาญาใหม่ โจทก์ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงเอง
คดีอาญาเรื่องก่อนกับคดีอาญาเรื่องนี้ แม้จะมีประเด็นอย่างเดียวกัน คือ ออกเช็คสั่งจ่ายเงินเพื่อประกันหนี้หรือเพื่อชำระหนี้ ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีก่อนก็ไม่ผูกพันจำเลยในคดีนี้ เพราะคดีอาญาโจทก์ต้องมีหน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงที่กล่าวหานั้น จึงจะฟังลงโทษจำเลยได้ข้อเท็จจริงในคดีอาญาจะมีผลผูกพันคดีอื่นได้ก็เฉพาะที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 และเมื่อข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาในคดีก่อนไม่ผูกพันจำเลยในคดีนี้ ศาลก็ย่อมวินิจฉัยข้อเท็จจริงในคดีนี้ตามที่ปรากฏในสำนวน