พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,151 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4063/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากเด็กต้องพิจารณาจากสถานการณ์และการดูแลเด็ก หากเป็นการสงเคราะห์ให้ที่อยู่กิน และไม่มีเจตนาพรากเด็กจากผู้ดูแลย่อมไม่ถือว่าเป็นการพรากเด็ก
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยพรากเด็กไปจากบิดามารดาและ จ.ผู้ดูแลโดยไม่มีเหตุอันควร เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าเด็กพลัดมารดา การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการพรากเด็กจากบิดามารดา
ส่วน จ. ผู้ดูแลผู้ไปพบเด็ก มีอาชีพขับขี่รถสามล้อรับจ้าง อาศัยอยู่กับอาในกระท่อมหลังจวนผู้ว่าราชการจังหวัดบุตรภริยาอยู่ที่จังหวัดอื่นจ. มิได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือแจ้งให้บิดามารดาของเด็กทราบถึงการที่เด็กอยู่ในความดูแลของตน ทั้งความเป็นอยู่ของ จ.ก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะรับเลี้ยงดูเด็กได้ การที่ จ.พาเด็กมาอยู่ด้วยจึงเป็นทำนองสงเคราะห์ให้ที่อยู่กินเท่านั้น ดังนั้น การที่ จ. มอบเด็กให้แก่จำเลยไป ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยพรากเด็กไปจาก จ. ผู้ดูแล
ส่วน จ. ผู้ดูแลผู้ไปพบเด็ก มีอาชีพขับขี่รถสามล้อรับจ้าง อาศัยอยู่กับอาในกระท่อมหลังจวนผู้ว่าราชการจังหวัดบุตรภริยาอยู่ที่จังหวัดอื่นจ. มิได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือแจ้งให้บิดามารดาของเด็กทราบถึงการที่เด็กอยู่ในความดูแลของตน ทั้งความเป็นอยู่ของ จ.ก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะรับเลี้ยงดูเด็กได้ การที่ จ.พาเด็กมาอยู่ด้วยจึงเป็นทำนองสงเคราะห์ให้ที่อยู่กินเท่านั้น ดังนั้น การที่ จ. มอบเด็กให้แก่จำเลยไป ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยพรากเด็กไปจาก จ. ผู้ดูแล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4032/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าชดเชยและเงินทดแทนการบอกเลิกจ้าง คำนวณจากค่าจ้างที่นายจ้างจ่ายเท่านั้น เงินจากหน่วยงานอื่นไม่รวม
เมื่อเงินเพิ่มตามวุฒิและค่าครองชีพเป็นเงินของกระทรวงศึกษาธิการซึ่งมิใช่นายจ้างของโจทก์จ่ายให้โจทก์เงินดังกล่าวจึงมิใช่ค่าจ้าง เพราะมิใช่เป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้ลูกจ้าง จึงไม่ต้องนำมาเป็นเกณฑ์คำนวณค่าชดเชยและเงินที่ต้องจ่ายแทนการบอกเลิกการจ้างล่วงหน้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4032/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าจ้างสำหรับคำนวณค่าชดเชยและค่าเสียหายจากการเลิกจ้าง ต้องเป็นเงินที่นายจ้างจ่ายโดยตรง
เมื่อเงินเพิ่มตามวุฒิและค่าครองชีพเป็นเงินของกระทรวงศึกษาธิการซึ่งมิใช่นายจ้างของโจทก์จ่ายให้โจทก์เงินดังกล่าวจึงมิใช่ค่าจ้าง เพราะมิใช่เป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้ลูกจ้าง จึงไม่ต้องนำมาเป็นเกณฑ์คำนวณค่าชดเชยและเงินที่ต้องจ่ายแทนการบอกเลิกการจ้างล่วงหน้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3999/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างและค่าชดเชย: การกระทำของลูกจ้างที่มิอาจถือเป็นความผิดร้ายแรง
โจทก์เล่นหมากรุกในเวลาทำงาน จำเลยได้ออกหนังสือเตือนโจทก์แล้ว โจทก์ปฏิเสธไม่ยอมลงนามรับทราบหนังสือเตือนจำเลยก็แจ้งให้โจทก์ทราบด้วยวิธีปิดประกาศ และการที่โจทก์นำหนังสือเตือนไปวางบนโต๊ะทำงานต่อหน้าผู้จัดการโรงงานซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา แม้จะมีลักษณะเป็นการท้าทายไม่เคารพผู้บังคับบัญชา เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับแต่ก็เป็นการกระทำเพื่อแสดงการปฏิเสธไม่ยอมลงนามรับทราบหนังสือเตือนและเป็นไปด้วยความสงบ ฉะนั้นพฤติการณ์ของโจทก์ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งและระเบียบข้อบังคับอันเป็นกรณีที่ร้ายแรง หรือกระทำความผิดอย่างร้ายแรงตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(3) หรือป.พ.พ. ม.583
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3997/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างงานไม่มีกำหนดระยะเวลา สิทธิการรับค่าชดเชยเมื่อเลิกจ้าง
เอกสารของจำเลยที่ตอบรับโจทก์เข้าทำงานไม่ปรากฏว่าโจทก์และจำเลยตกลงจ้างกันเป็นกำหนดระยะเวลาเท่าใด ข้อความเกี่ยวกับเงินโบนัสก็เป็นเพียงเงื่อนไขว่ากรณีที่โจทก์ปฏิบัติงานจนถึงสิ้นเดือนธันวาคมก็จะได้รับเงินโบนัสเท่ากับเงินเดือน 2 เดือนเท่านั้น ข้อความดังกล่าวมิได้แสดงว่าจำเลยตกลงจ้างโจทก์จนถึงเดือนธันวาคม ทั้งข้อตกลงที่ว่าในวันสุดท้ายของการสิ้นสุดตามสัญญาจะจ่ายเงินชดเชยให้ตามกฎหมายแรงงาน ก็เป็นเพียงข้อตกลงที่จำเลยทั้งสองยอมจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์เมื่อสิ้นสุดตามสัญญาซึ่งเกิดขึ้นได้ในกรณีบอกกล่าวเลิกสัญญาตามที่ตกลงกันไว้เท่านั้น ข้อความในเอกสารดังกล่าวจึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยจ้างโจทก์ไว้โดยมีกำหนดระยะเวลาการจ้างแน่นอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3981/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของเจ้าหน้าที่ การคำนวณค่ารายปี และการปฏิบัติตามกฎหมายภาษี
กรุงเทพมหานครเคยมีคำสั่งตั้งพนักงานประเมินภาษีโทเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่และพนักงานเก็บภาษี เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน เมื่อจำเลยที่ 2 ดำรงตำแหน่งพนักงานประเมินภาษีโทก็ย่อมได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่และพนักงานเก็บภาษีตามคำสั่งดังกล่าวด้วยจำเลยที่ 2 จึงมีอำนาจ ประเมินและเรียกเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินจากโจทก์
พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินไม่ได้บัญญัติห้ามมิให้แต่งตั้งบุคคลคนเดียวเป็นทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และพนักงานเก็บภาษีและการแต่งตั้งนี้ไม่ต้องออกเป็นข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เพราะ กฎหมายให้เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
คำสั่งตั้งพนักงานประเมินภาษีโทเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่และพนักงานเก็บภาษีเพื่อปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินเป็นเรื่องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายไม่ใช่การมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทนตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร จึงไม่ต้องแต่งตั้งบุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตราดังกล่าว และไม่ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา
แม้จำเลยจะไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างให้โจทก์ก่อนวันสืบพยาน ไม่น้อยกว่าสามวัน ศาลก็มีอำนาจรับฟังได้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและจำเป็นต้องนำสืบ เพราะเป็นหลักฐานสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็น ข้อสำคัญในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87
เอกสารถ่ายมาจากต้นฉบับหรือถ่ายจากสำเนาอันรับรองว่าถูกต้องกับต้นฉบับก็เป็นสำเนาเอกสารด้วยกัน เมื่อต้นฉบับอยู่ในความอารักขาหรือในความควบคุมของทางราชการและศาลมิได้กำหนดเป็นอย่างอื่น สำเนาเอกสารที่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจรับรองก็ถือว่าเป็นอันเพียงพอในการที่จะนำมาแสดง
การติดตั้งเครื่องสูบน้ำในหอพักเพราะน้ำประปาไม่มีกำลังส่งได้ถึงชั้นสูง ๆ มิใช่เป็นการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมขึ้นในโรงเรือน จึงไม่ได้รับประโยชน์ในการลดค่ารายปี ตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน
พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินไม่ได้บัญญัติห้ามมิให้แต่งตั้งบุคคลคนเดียวเป็นทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และพนักงานเก็บภาษีและการแต่งตั้งนี้ไม่ต้องออกเป็นข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เพราะ กฎหมายให้เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
คำสั่งตั้งพนักงานประเมินภาษีโทเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่และพนักงานเก็บภาษีเพื่อปฏิบัติการตาม พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินเป็นเรื่องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายไม่ใช่การมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทนตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร จึงไม่ต้องแต่งตั้งบุคคลตามที่ระบุไว้ในมาตราดังกล่าว และไม่ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา
แม้จำเลยจะไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างให้โจทก์ก่อนวันสืบพยาน ไม่น้อยกว่าสามวัน ศาลก็มีอำนาจรับฟังได้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและจำเป็นต้องนำสืบ เพราะเป็นหลักฐานสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็น ข้อสำคัญในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87
เอกสารถ่ายมาจากต้นฉบับหรือถ่ายจากสำเนาอันรับรองว่าถูกต้องกับต้นฉบับก็เป็นสำเนาเอกสารด้วยกัน เมื่อต้นฉบับอยู่ในความอารักขาหรือในความควบคุมของทางราชการและศาลมิได้กำหนดเป็นอย่างอื่น สำเนาเอกสารที่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจรับรองก็ถือว่าเป็นอันเพียงพอในการที่จะนำมาแสดง
การติดตั้งเครื่องสูบน้ำในหอพักเพราะน้ำประปาไม่มีกำลังส่งได้ถึงชั้นสูง ๆ มิใช่เป็นการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมขึ้นในโรงเรือน จึงไม่ได้รับประโยชน์ในการลดค่ารายปี ตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3908/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทุจริตต่อหน้าที่ของลูกจ้างผู้จัดการสำนักกฎหมาย และผลกระทบต่อสิทธิรับค่าชดเชย
โจทก์เป็นผู้จัดการสำนักกฎหมายของจำเลยมีหน้าที่ดำเนินคดีแทนจำเลยโจทก์เบิกเงินค่าฤชาธรรมเนียมในการดำเนินคดีตามหน้าที่ของโจทก์เหลือเท่าใดโจทก์ต้องคืนให้จำเลย โจทก์ถอนฟ้อง ศาลสั่งคืนค่าขึ้นศาลเป็นเงิน 39,283 บาทโจทก์มีหน้าที่ต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้จำเลย แต่โจทก์กลับเบียดบังเอาไว้เป็นของตน ถือได้ว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 47 (1)จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3908/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลูกจ้างทุจริตต่อหน้าที่เบียดบังเงินค่าฤชาธรรมเนียม จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
โจทก์เป็นผู้จัดการสำนักกฎหมายของจำเลยมีหน้าที่ดำเนินคดีแทนจำเลยโจทก์เบิกเงินค่าฤชาธรรมเนียมในการดำเนินคดีตามหน้าที่ของโจทก์เหลือเท่าใดโจทก์ต้องคืนให้จำเลย โจทก์ถอนฟ้อง ศาลสั่งคืนค่าขึ้นศาลเป็นเงิน 39,283 บาทโจทก์มีหน้าที่ต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้จำเลย แต่โจทก์กลับเบียดบังเอาไว้เป็นของตน ถือได้ว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 47(1)จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3903/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละทิ้งหน้าที่โดยไม่แจ้งตามข้อบังคับนายจ้าง ไม่ถือเป็นเหตุอันสมควรเลิกจ้างได้หากมีเหตุป่วย
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่16 เมษายน 2515 ข้อ 47(4) ที่กำหนดว่าละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรนั้น หมายถึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะต้องละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันมิใช่การละทิ้งหน้าที่นั้นกระทำไปโดยไม่สมควรเพราะเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของนายจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3903/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละทิ้งหน้าที่โดยไม่แจ้งตามข้อบังคับของนายจ้าง ไม่ถือเป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควร
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 47 (4) ที่กำหนดว่าละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรนั้น หมายถึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะต้องละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันมิใช่การละทิ้งหน้าที่นั้นกระทำไปโดยไม่สมควรเพราะเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของนายจ้าง