คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมบูรณ์ บุญภินนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,151 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3898/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะสำนักงานปุ๋ยกรุงเทพมหานครมิใช่หน่วยงานราชการ ทำให้ต้องปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานและจำเลยมีหน้าที่จ่ายค่าชดเชย
สำนักงานปุ๋ย กรุงเทพมหานคร มิใช่ส่วนราชการของกรุงเทพมหานครหาได้รับยกเว้นมิให้ใช้ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานลงวันที่ 16 เมษายน 2515 บังคับไม่
จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นประธานกรรมการบริหารและผู้อำนวยการสำนักงานปุ๋ยกรุงเทพมหานคร ตามลำดับ แม้เป็นเจ้าหน้าที่ ในสังกัดกรุงเทพมหานครจำเลยที่ 1 และกระทำการตามหน้าที่ระเบียบแบบแผนของทางราชการ แต่เมื่อเป็นนายจ้างตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 2 ก็ต้องมีหน้าที่จ่ายค่าชดเชยตามข้อ 46
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาในฐานะดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร และผู้อำนวยการ สำนักงานปุ๋ย กรุงเทพมหานคร ตามลำดับ หาได้ฟ้องตำแหน่งหน้าที่เป็นจำเลยไม่ จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงอาจถูกฟ้องให้จ่ายค่าชดเชยได้ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลย
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย แต่มิได้ระบุอัตราดอกเบี้ยไว้ด้วย เป็นการผิดพลาดเล็กน้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3840/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินค่าครองชีพที่จ่ายให้ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจถือเป็นค่าจ้าง จึงต้องนำมาคำนวณค่าทดแทนกรณีประสบอันตรายจากการทำงาน
เมื่อปรากฏว่าโจทก์จ่ายเงินค่าครองชีพให้ลูกจ้างทุกเดือนมีจำนวนแน่นอนไม่แตกต่างไปจากการจ่ายเงินเดือนหรือค่าจ้าง ถือได้ว่าเป็นการจ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานเงินค่าครองชีพจึงเป็นค่าจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 2
เมื่อเงินค่าครองชีพที่โจทก์จ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นค่าจ้างจึงต้องนำมาคำนวณเป็นค่าทดแทนด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3840/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินค่าครองชีพเป็นค่าจ้างตามกฎหมาย: การคำนวณค่าทดแทนกรณีประสบอันตรายจากการทำงาน
เมื่อปรากฏว่าโจทก์จ่ายเงินค่าครองชีพให้ลูกจ้างทุกเดือนมีจำนวนแน่นอนไม่แตกต่างไปจากการจ่ายเงินเดือนหรือค่าจ้าง ถือได้ว่าเป็นการจ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานเงินค่าครองชีพจึงเป็นค่าจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 2
เมื่อเงินค่าครองชีพที่โจทก์จ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นค่าจ้างจึงต้องนำมาคำนวณเป็นค่าทดแทนด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3839/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างและการจ่ายค่าชดเชย: คำสั่งเลิกจ้างไม่จำเป็นต้องเป็นลายลักษณ์อักษร พฤติการณ์หลังการบอกเลิกสำคัญ
การไล่ลูกจ้างออกจากงานอันถือว่าเป็นการเลิกจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานนั้นไม่จำต้องมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร การที่กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างพูดกับลูกจ้างว่า 'มึงทำหมา ๆ อย่างนี้กูไล่มึงออก' ประกอบกับหลังจากพูดไล่ลูกจ้างออกจากงานแล้ว นายจ้างยังไปแจ้งความที่สถานีตำรวจกล่าวหาลูกจ้างว่าไม่ยอมออกไปจากห้องพักคนงานและลูกจ้างได้หยุดงานทั้งยังทวงถามให้นายจ้างคิดค่าชดเชยและค่าจ้างให้ด้วย พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมถือได้ว่านายจ้างได้เลิกจ้างลูกจ้างแล้ว
กิจการและลักษณะงานของนายจ้างมิใช่กิจการต้องเสี่ยงภยันตรายอันอาจจะเกิดขึ้นได้ง่าย การทำงานต้องทำติดต่อกันทั้งกลางวันและกลางคืน ประตูหน้าต่าง ไฟฟ้าและน้ำต้องเปิดใช้ตลอดเวลา การที่ลูกจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างไม่ปิดประตูหน้าต่าง ไฟฟ้าและน้ำในโรงงานเพียงชั่วระยะเวลาเดียวจึงยังไม่เพียงพอที่จะถือว่าเป็นกรณีที่ร้ายแรงในอันที่นายจ้างจะไม่จ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3839/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้าง การสั่งไล่ออกถือเป็นการเลิกจ้างได้ แม้ไม่มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร และการประเมินความร้ายแรงของการไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง
การไล่ลูกจ้างออกจากงานอันถือว่าเป็นการเลิกจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานนั้นไม่จำต้องมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร การที่กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างพูดกับลูกจ้างว่า"มึงทำหมา ๆ อย่างนี้กูไล่มึงออก"ประกอบกับหลังจากพูดไล่ลูกจ้างออกจากงานแล้ว นายจ้างยังไปแจ้งความที่ สถานีตำรวจกล่าวหาลูกจ้างว่าไม่ยอมออกไปจากห้องพักคนงานและ ลูกจ้างได้หยุดงานทั้งยังทวงถามให้นายจ้างคิดค่าชดเชยและค่าจ้างให้ด้วย พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมถือได้ว่านายจ้างได้เลิกจ้างลูกจ้างแล้ว
กิจการและลักษณะงานของนายจ้าง มิใช่กิจการต้องเสี่ยงภยันตรายอันอาจจะเกิดขึ้นได้ง่าย การทำงานต้องทำติดต่อกันทั้งกลางวันและกลางคืน ประตูหน้าต่าง ไฟฟ้าและน้ำต้องเปิดใช้ตลอดเวลา การที่ลูกจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างไม่ปิดประตูหน้าต่าง ไฟฟ้าและน้ำในโรงงานเพียงชั่วระยะเวลาเดียวจึงยังไม่เพียงพอที่จะถือว่าเป็นกรณีที่ร้ายแรงในอันที่นายจ้างจะไม่จ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3791/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดรวมกันได้ หากแยกขายอาจได้ราคาต่ำกว่า และไม่มีหลักฐานสมคบกันกดราคา
ทรัพย์ที่ขายทอดตลาดเป็นสถานีบริการน้ำมัน มีบ้านบังกาโลว์4 หลัง ถ้าแยกขายผู้ซื้อก็จะต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างไปอาจทำให้ขายได้ราคาต่ำกว่าขายรวมกัน เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีอำนาจขายทรัพย์สินดังกล่าวรวมกันได้ ไม่เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3791/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดรวมทรัพย์สิน: สถานีบริการน้ำมันและสิ่งปลูกสร้างอื่น เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจพิจารณาได้
ทรัพย์ที่ขายทอดตลาดเป็นสถานีบริการน้ำมัน มีบ้านบังกาโลว์4 หลัง ถ้าแยกขายผู้ซื้อก็จะต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างไปอาจทำให้ขายได้ราคาต่ำกว่าขายรวมกัน เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีอำนาจขายทรัพย์สินดังกล่าวรวมกันได้ ไม่เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3786/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทายาทนอกกฎหมายที่บิดารับรอง และอายุความฟ้องคดีจัดการมรดก
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของ ป.แต่นำสืบว่าโจทก์เป็นบุตรที่ป.รับรองแล้วไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง เพราะบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วก็มีสิทธิรับมรดกเช่นเดียวกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย และที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า ป. เป็นผู้มีสิทธิได้รับมรดกเฉพาะส่วนของ ส. แต่โจทก์นำสืบว่า ป. มีสิทธิได้รับมรดกเพราะส. ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้ ป. ก็ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น โจทก์ฟ้องตั้งประเด็นว่าโจทก์เป็นทายาทโดยชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิรับมรดกที่ดินพิพาทของป. บิดาจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของป.ไม่จัดการโอนทรัพย์มรดกดังกล่าวให้โจทก์ จึงฟ้องบังคับให้จำเลยจัดการโอนให้ ดังนี้เป็นคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกทายาทมีสิทธิฟ้องคดีภายใน 5 ปี นับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1733 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3786/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรอง และอายุความฟ้องคดีจัดการมรดก
บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 จึงมีสิทธิรับมรดกของบิดาได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นบุตรโดยชอบ ด้วยกฎหมายของ ป. แต่นำสืบว่าโจทก์เป็นบุตรที่ป.รับรองแล้วไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง
ปัญหาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ มิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่+วินิจฉัย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ป. เป็นผู้มีสิทธิรับมรดกเฉพาะส่วนของ ส. แล้วนำสืบว่า ป. มีสิทธิรับมรดกเพราะ ส. ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้ ป. หาใช่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นทายาทของป. จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกไม่จัดการทรัพย์มรดกโจทก์ จึงขอให้บังคับให้จำเลยจัดการโอนให้ ดังนี้ เป็นคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกทายาทมีสิทธิฟ้องคดี ภายใน 5 ปี นับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลง ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1733 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3768/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะลูกจ้างทหาร: แม้เป็นข้าราชการ แต่หากรับค่าจ้างจากหน่วยงานอื่น ก็ถือเป็นลูกจ้างได้
แม้โจทก์จะเป็นข้าราชการทหาร ได้รับเงินเดือนจากทางราชการ แต่เมื่อโจทก์ทำงานให้กับองค์การเชื้อเพลิงและได้รับเงินเดือนจากองค์การเชื้อเพลิงด้วย โจทก์จึงเป็นผู้ซึ่งตกลงทำงานให้แก่องค์การเชื้อเพลิงเพื่อรับค่าจ้าง โจทก์จึงเป็นลูกจ้างขององค์การเชื้อเพลิง ตามความหมายแห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานลงวันที่ 16เมษายน 2515 ข้อ 2
การกล่าวหาว่านายจ้างเอาความเท็จมาฟ้องลูกจ้างทำให้ลูกจ้างเสียหายนั้นแม้จะเป็นการกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ก็มิใช่เป็นคดีอันเกิดจากมูลละเมิดระหว่างนายจ้างและลูกจ้างสืบเนื่องจากข้อพิพาทแรงงานหรือเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงานตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522มาตรา 8(5) และไม่ใช่เรื่องอื่นๆ ตามที่บัญญัติไว้ในข้ออื่นๆ แห่งมาตราเดียวกัน
of 216