พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,151 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3285-3289/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตัดเงินเดือนและนับอายุงานหลังกลับเข้าทำงานจากการถูกไล่ออก: ข้อบังคับการรถไฟและการไม่ได้รับค่าจ้างช่วงถูกไล่ออก
เมื่อข้อบังคับของจำเลยกำหนดว่า ในกรณีที่มีการร้องทุกข์เพราะออกงานถ้าผู้ร้องทุกข์ได้รับการพิจารณากลับเข้าทำงานตามเดิม ผู้ได้กลับเข้าทำงานตามเดิมนั้นไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือนในระหว่างที่ถูกออกจากงานโจทก์ซึ่งเดิมถูกไล่ออกจากงานแต่ภายหลังคณะกรรมการจำเลยมีมติเปลี่ยนแปลงระดับโทษจากไล่ออกเป็นให้กลับเข้าทำงานแต่ให้ตัดเงินเดือน ย่อมไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างที่ถูกไล่ออก และโจทก์ไม่มีสิทธิขอให้นับอายุการทำงานในระหว่างถูกไล่ออก เพราะโจทก์มิได้ทำงานและมิได้มีฐานะเป็นลูกจ้างในระหว่างนั้นประกอบกับคณะกรรมการจำเลยซึ่งมีอำนาจควบคุมดูแลโดยทั่วไปซึ่งกิจการรถไฟตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2494 ได้มีมติว่าสำหรับการนับเวลาทำการก็ให้ตัดเวลาที่ถูกไล่ออกจากงานไป การที่จำเลยออกคำสั่งตัดเงินเดือนโจทก์โดยไม่จ่ายเงินเดือนและให้ตัดเวลาการทำงานในระหว่างที่ไล่ออกจึงเป็นคำสั่งที่ชอบและไม่ขัดต่อกฎหมายคุ้มครองแรงงานแต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3285-3289/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษทางวินัยจากไล่ออกเป็นตัดเงินเดือน และสิทธิการได้รับเงินเดือนและนับอายุงานของลูกจ้าง
เมื่อข้อบังคับของจำเลยกำหนดว่า ในกรณีที่มีการร้องทุกข์เพราะออกงานถ้าผู้ร้องทุกข์ได้รับการพิจารณากลับเข้าทำงานตามเดิม ผู้ได้กลับเข้าทำงานตามเดิมนั้นไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือนในระหว่างที่ถูกออกจากงานโจทก์ซึ่งเดิมถูกไล่ออกจากงานแต่ภายหลังคณะกรรมการจำเลยมีมติเปลี่ยนแปลงระดับโทษจากไล่ออกเป็นให้กลับเข้าทำงานแต่ให้ตัดเงินเดือน ย่อมไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างที่ถูกไล่ออก และโจทก์ไม่มีสิทธิขอให้นับอายุการทำงานในระหว่างถูกไล่ออก เพราะโจทก์มิได้ทำงานและมิได้มีฐานะเป็นลูกจ้างในระหว่างนั้นประกอบกับคณะกรรมการจำเลยซึ่งมีอำนาจควบคุมดูแลโดยทั่วไปซึ่งกิจการรถไฟตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2494 ได้มีมติว่าสำหรับการนับเวลาทำการก็ให้ตัดเวลาที่ถูกไล่ออกจากงานไป การที่จำเลยออกคำสั่งตัดเงินเดือนโจทก์โดยไม่จ่ายเงินเดือนและให้ตัดเวลาการทำงานในระหว่างที่ไล่ออกจึงเป็นคำสั่งที่ชอบและไม่ขัดต่อกฎหมายคุ้มครองแรงงานแต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3284/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเพื่อซ่อมรถยนต์ของธนาคาร ไม่ถือเป็นทุจริตต่อหน้าที่หากไม่มีเจตนาส่วนตัว
โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของธนาคารออมสิน จำเลย ตำแหน่งผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาพล จังหวัดขอนแก่น ได้ทำใบเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงตำรวจรักษาการณ์ธนาคารออมสินสาขาพลโดยกรอกรายการเองและสั่งอนุญาตให้จ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงแต่เมื่อได้ความว่า โจทก์นำเงินค่าเบี้ยเลี้ยงไปซ่อมรถยนต์ของธนาคารจำเลยโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการณ์ ยอมมอบเงินให้และมีการซ่อมรถยนต์จริง จึงเป็นการขาดเจตนาทุจริต ถือไม่ได้ว่าการกระทำของโจทก์เป็นการทุจริตต่อหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3284/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเพื่อซ่อมรถยนต์ของธนาคาร ไม่ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ หากไม่มีเจตนาส่วนตัว
โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของธนาคารออมสิน จำเลย ตำแหน่งผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาพล จังหวัดขอนแก่น ได้ทำใบเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงตำรวจรักษาการณ์ธนาคารออมสินสาขาพลโดยกรอกรายการเองและสั่งอนุญาตให้จ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงแต่เมื่อได้ความว่า โจทก์นำเงินค่าเบี้ยเลี้ยงไปซ่อมรถยนต์ของธนาคารจำเลยโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการณ์ยอมมอบเงินให้และมีการซ่อมรถยนต์จริง จึงเป็นการขาดเจตนาทุจริต ถือไม่ได้ว่าการกระทำของโจทก์เป็นการทุจริตต่อหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3247/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารขอรังวัดที่ดิน ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ เหตุผลคือไม่มีการยอมผ่อนผันเพื่อระงับข้อพิพาท
เอกสารมีข้อความว่า โจทก์จำเลยต่างแสดงความประสงค์ จะขอให้ช่างแผนที่ของสำนักงานที่ดินออกไปรังวัดที่ดินของตนเพื่อให้ทราบเขตที่แน่นอนของโจทก์และจำเลยแต่ละฝ่ายดังนี้ ไม่มีลักษณะที่จะระงับข้อพิพาทของคู่กรณีโดยต่างฝ่ายยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3247/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารขอรังวัดที่ดิน ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ เหตุไม่ระงับข้อพิพาท
เอกสารมีข้อความว่า โจทก์จำเลยต่างแสดงความประสงค์ จะขอให้ช่างแผนที่ของสำนักงานที่ดินออกไปรังวัดที่ดินของตนเพื่อให้ทราบเขตที่แน่นอนของโจทก์และจำเลยแต่ละฝ่ายดังนี้ ไม่มีลักษณะที่จะระงับข้อพิพาทของคู่กรณีโดยต่างฝ่ายยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3166/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในคดีแรงงาน: ศาลต้องไต่สวนเหตุสมควร แม้มีเหตุผลที่อาจยกคำร้องได้
แม้อำนาจในการแต่งตั้งผู้อำนายการองค์การโทรศัพท์ฯ จะเป็นของคณะกรรมการองค์การโทรศัพท์ฯ ก็ตาม แต่โจทก์ก็มิได้ขอให้ศาลเป็นผู้ใช้อำนาจในการแต่งตั้ง คดีพิพาทกันโดยโจทก์ซึ่งเป็นผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์ฯ ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิม ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและการทำงาน ถ้าไม่อาจบังคับได้จึงขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้ เพื่อให้คำขอบังคับมีผลโจทก์ก็ย่อมขอให้ห้ามจำเลยแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์ฯ ไว้ก่อนที่ศาลจะพิพากษาคดีได้ ศาลจะสั่งยกคำร้องโจทก์โดยไม่ไต่สวนเพื่อพิเคราะห์ว่ามีเหตุสมควรที่จะคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาหรือไม่หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3162/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างทดลองงาน การขาดงานถือเป็นการละทิ้งงาน นายจ้างเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าว
ข้อตกลงระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างที่ว่า เมื่อนายจ้างจะเลิกจ้างต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรไม่น้อยกว่า 30 วันนั้น หมายถึงกรณีการเลิกจ้างตามปกติโดยลูกจ้างมิได้กระทำการอันไม่สมควรอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อลูกจ้างขาดงานเป็นเวลา 4 วัน แม้จะเป็นการขาดงานระหว่างที่เป็นลูกจ้างทดลองงานเสีย 3 วัน แต่การปฏิบัติงานระหว่างทดลองงานก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นลูกจ้างเช่นกัน จึงถือว่าลูกจ้างละทิ้งงานไปเสียตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 นายจ้างเลิกจ้างโดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3139/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินทุนเลี้ยงชีพประเภทสองไม่ใช่ค่าชดเชย แม้มีวัตถุประสงค์คล้ายกัน ศาลยืนตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง
เงินทุนเลี้ยงชีพประเภทสอง ตามข้อบังคับของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำเลย เป็นการจ่ายโดยมีวัตถุประสงค์ยิ่งกว่าเป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง ทั้งมีลักษณะหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจ่ายแตกต่างกับค่าชดเชย จึงเป็นเงินประเภทอื่นซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้าง จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3099/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ่ายค่าชดเชยเมื่อเกษียณอายุ และฐานคำนวณค่าชดเชย (ค่าจ้าง, ค่าครองชีพ)
การที่จำเลยมีระเบียบการให้พนักงานออกจากงานเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์เป็นเพียงการกำหนดคุณสมบัติและเหตุที่จะต้องพ้นจากตำแหน่งเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ตกลงจ้างพนักงานโดยมีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน
แม้ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ (ฉบับที่ 5) ข้อ 2 จะมีข้อความว่าการเลิกจ้างให้หมายความรวมทั้งกรณีลูกจ้างต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะเกษียณอายุตามกฎหมายด้วย แต่ต่อมาประกาศดังกล่าว (ฉบับที่ 6) ข้อ 2 ไม่มีข้อความนี้ก็ตาม ก็หาใช่เป็นเรื่องประกาศ (ฉบับที่ 6) มิได้ประสงค์ให้ถือว่าการที่ลูกจ้างต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะเกษียณอายุมิใช่เป็นการเลิกจ้างไม่
เมื่อจำเลยจ่ายค่าครองชีพให้แก่พนักงานทุกคนเป็นประจำเพราะเห็นว่าค่าจ้างไม่สมดุลย์กับภาวะการครองชีพ อันเป็นการจ่ายตอบแทนการทำงานของพนักงานให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายจึงถือได้ว่าค่าครองชีพเป็นค่าจ้าง
จำเลยจ่ายค่ายังชีพภาคใต้ให้เฉพาะพนักงานใน 14 จังหวัดภาคใต้เท่านั้นเป็นการจ่ายโดยถือลักษณะของท้องที่ที่พนักงานเหล่านั้นประจำทำงานเป็นเกณฑ์ เมื่อพนักงานย้ายออกนอกเขต 14 จังหวัดดังกล่าวก็จะไม่ได้รับค่ายังชีพต่อไป จึงถือไม่ได้ว่าเป็นค่าจ้างอันจะนำมาเป็นฐานคำนวณค่าชดเชยด้วย
โจทก์มิได้เรียกร้องดอกเบี้ยในค่าชดเชยคงเรียกดอกเบี้ยจากค่าเสียหายเท่านั้น ที่ศาลแรงงานฯ พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอ
แม้ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ (ฉบับที่ 5) ข้อ 2 จะมีข้อความว่าการเลิกจ้างให้หมายความรวมทั้งกรณีลูกจ้างต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะเกษียณอายุตามกฎหมายด้วย แต่ต่อมาประกาศดังกล่าว (ฉบับที่ 6) ข้อ 2 ไม่มีข้อความนี้ก็ตาม ก็หาใช่เป็นเรื่องประกาศ (ฉบับที่ 6) มิได้ประสงค์ให้ถือว่าการที่ลูกจ้างต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะเกษียณอายุมิใช่เป็นการเลิกจ้างไม่
เมื่อจำเลยจ่ายค่าครองชีพให้แก่พนักงานทุกคนเป็นประจำเพราะเห็นว่าค่าจ้างไม่สมดุลย์กับภาวะการครองชีพ อันเป็นการจ่ายตอบแทนการทำงานของพนักงานให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายจึงถือได้ว่าค่าครองชีพเป็นค่าจ้าง
จำเลยจ่ายค่ายังชีพภาคใต้ให้เฉพาะพนักงานใน 14 จังหวัดภาคใต้เท่านั้นเป็นการจ่ายโดยถือลักษณะของท้องที่ที่พนักงานเหล่านั้นประจำทำงานเป็นเกณฑ์ เมื่อพนักงานย้ายออกนอกเขต 14 จังหวัดดังกล่าวก็จะไม่ได้รับค่ายังชีพต่อไป จึงถือไม่ได้ว่าเป็นค่าจ้างอันจะนำมาเป็นฐานคำนวณค่าชดเชยด้วย
โจทก์มิได้เรียกร้องดอกเบี้ยในค่าชดเชยคงเรียกดอกเบี้ยจากค่าเสียหายเท่านั้น ที่ศาลแรงงานฯ พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอ