คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมบูรณ์ บุญภินนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,151 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1773/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีแรงงาน และการกำหนดประเด็นข้อพิพาทที่ไม่ถูกต้อง
การที่จำเลยไม่มาศาลแรงงานในวันสืบพยาน ไม่มีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯจึงต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น จำเลยจึงขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 197วรรคสองซึ่งมาตรา 202 บัญญัติให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแล้วพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทว่า โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเนื่องจากมาทำงานสายหรือไม่ การที่โจทก์นำสืบว่านาฬิกาของจำเลยเร็วไปก็ดี จำเลยยอมให้มาสายได้ก็ดี หานอกประเด็นไม่ ส่วนที่จำเลยอ้างว่าโจทก์นำสืบต่างไปจากเอกสารที่ลงไว้ว่าโจทก์มาทำงานสาย จึงไม่ชอบที่ศาลจะรับฟัง เป็นปัญหาว่าควรเชื่อฟังพยานหลักฐานโจทก์หรือไม่ เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา54
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างที่มิได้บอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยจำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ต้องจ่ายเงินดังกล่าวเพราะโจทก์มาทำงานสายและจำเลยเคยเตือนโจทก์เป็นหนังสือแล้ว ดังนี้ ประเด็นข้อพิพาทมีเพียงว่า โจทก์มาทำงานสายซึ่งจำเลยมีหนังสือเตือนแล้วหรือไม่ ส่วนข้อที่ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับสินจ้างที่ไม่บอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้าและค่าชดเชย เป็นเพียงผลของการวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาท หาใช่ประเด็นข้อพิพาทไม่แม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า โจทก์มีสิทธิได้รับค่าชดเชยหรือไม่ โดยนำเอาผลของการวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทมากำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทด้วย แต่ไม่ครบถ้วน ก็ไม่ทำให้ประเด็นข้อพิพาทเปลี่ยนแปลงไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1764/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการยกเหตุใหม่ในชั้นอุทธรณ์คดีแรงงาน: การเลิกจ้างและค่าชดเชย
จำเลยให้การต่อสู้เหตุที่ไม่จำต้องจ่ายค่าชดเชยเพราะ โจทก์ขาดงานเกิน 3 วันโดยไม่มีเหตุอันสมควรเพียงประการเดียว มิได้ยกเหตุไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยเพราะโจทก์ฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานในกรณีที่ร้ายแรงขึ้นต่อสู้ ดังนั้น ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าการขาดงานของโจทก์โดยมิได้บอกกล่าวหรือแจ้งสาเหตุให้จำเลยทราบ เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของจำเลยอย่างร้ายแรง จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วแต่ศาลชั้นต้น ถึงแม้ศาลแรงงานกลางจะได้วินิจฉัยว่า โจทก์เพียงกระทำผิดเกี่ยวกับการลาซึ่งไม่ใช่ความผิดกรณีร้ายแรง และจำเลยไม่ได้มีคำเตือนเป็นหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน ก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นหาเป็นเหตุให้จำเลยยกขึ้นอุทธรณ์ได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกา และข้อจำกัดการวินิจฉัยประเด็นใหม่ที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้น
จำเลยยกข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การเพียงว่าหนังสือสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นหนังสือสัญญาระงับข้อพิพาทคดีอาญาเป็นโมฆะไม่ได้ต่อสู้ว่าคดีที่โจทก์ถอนคำร้องทุกข์เป็นความผิดอันยอมความไม่ได้ในชั้นฎีกาจำเลยจะฎีกาว่าความผิดคดีอาญาดังกล่าวเป็นความผิดอันยอมความไม่ได้หาได้ไม่ เพราะเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ทั้งมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1578/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการอุทธรณ์คำสั่งศาลแรงงาน: คดีละเมิดอำนาจศาลต้องอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522มาตรา 54 ที่บัญญัติให้อุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลแรงงานไปยังศาลฎีกานั้น มุ่งหมายให้ใช้เฉพาะแก่คดีแรงงานเท่านั้น คดีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลมิใช่คดีแรงงาน แม้คำสั่งลงโทษผู้ถูกกล่าวหาฐานละเมิดอำนาจศาลจะเป็นคำสั่งของศาลแรงงานกลาง ผู้ถูกกล่าวหาก็ต้องอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1575/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างเพราะเกษียณอายุเป็น 'การเลิกจ้าง' ต้องจ่ายค่าชดเชย โรงงานยาสูบไม่อยู่ในข้อยกเว้น
การที่ระเบียบของจำเลยกำหนดให้พนักงานพ้นจากตำแหน่งเมื่อมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์นั้น มิใช่เป็นการกำหนดระยะเวลาการจ้างเพราะมิใช่เป็นการกำหนดว่าให้ผูกพันจ้างกันจนกว่าพนักงานจะมีอายุครบ60 ปีบริบูรณ์ จึงหาทำให้การจ้างนั้นเป็นการจ้างที่มีกำหนดเวลาไม่
แม้ระเบียบของจำเลยและพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจฯ จะกำหนดไว้ว่า พนักงานที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ถือว่าขาดคุณสมบัติและเป็นอันพ้นจากตำแหน่งก็ตาม ก็หมายความถึงให้จำเลยดำเนินการให้พนักงานที่ขาดคุณสมบัติเพราะเหตุดังกล่าวออกจากงานนั่นเอง ฉะนั้น การที่จำเลยให้โจทก์ออกจากงานเพราะเหตุเกษียณอายุจึงเป็นการเลิกจ้าง
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 46มีหลักการให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้าง และในวรรคสามยกเว้นไว้ให้นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยในกรณีเลิกจ้างลูกจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน กับกรณีเลิกจ้างลูกจ้างทดลองปฏิบัติงานแสดงว่ามิได้ประสงค์ให้ยกเว้นถึงการเลิกจ้างที่ลูกจ้างรู้ตัวล่วงหน้าทั่วไปทุกกรณี จึงจะถือว่าการที่ลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ลูกจ้างรู้ตัวล่วงหน้าเหมือนกับกรณีดังกล่าวและไม่อยู่ในขอบเขตแห่งเจตนารมณ์ที่จะให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยเช่นเดียวกันหาได้ไม่
โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง มิได้เป็นส่วนราชการของกรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรมซึ่งสังกัดกระทรวงการคลังจึงมิใช่ราชการส่วนกลาง หาได้รับยกเว้นมิให้ใช้ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ บังคับไม่ ฉะนั้น กระทรวงการคลังในฐานะเป็นนิติบุคคลผู้เป็นเจ้าของโรงงานยาสูบฯ ซึ่งเป็นนายจ้างโจทก์ จึงต้องรับผิดจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ ถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้ประกาศฯ ดังกล่าวบังคับแก่กระทรวงการคลังในฐานะเป็นราชการส่วนกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1573/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างที่ขัดคำสั่งและประเด็นค่าชดเชยที่ศาลสั่งเกินคำขอ
กรรมการลูกจ้างขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ลูกจ้างเคยทำผิดขัดคำสั่งมาแล้ว และได้ตักเตือนเป็นหนังสือ ถูกลงโทษพักงานและละทิ้งหน้าที่ นายจ้างร้องต่อศาลแรงงานขอเลิกจ้างได้ ลูกจ้างไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติ แรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 123
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าผู้ร้องไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยมิใช่กรณีเพื่อความเป็นธรรมแก่คู่ความ อันศาลแรงงานจะมีอำนาจสั่งเกินคำขอได้ตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 52 ศาลฎีกายกคำสั่งศาลแรงงานกลางในข้อนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1566/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งค่ารักษาทรัพย์ยึดในคดีแพ่ง: ศาลใช้ดุลพินิจได้ แม้ไม่ตรงตามสัญญา
ค่ารักษาทรัพย์ (ที่ยึดไว้ในคดี) เป็นค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งศาลอาจจะพิจารณาสั่งให้ได้ตามที่เห็นสมควร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 ศาลใช้ดุลพินิจกำหนดค่ารักษาทรัพย์ให้ผู้ร้องต่ำกว่าจำนวนที่ระบุในหนังสือสัญญารักษาทรัพย์จึงเป็นอำนาจที่จะกระทำได้ หาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่เมื่อค่ารักษาทรัพย์เป็นค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ศาลอาจสั่งให้ได้ การที่ผู้ร้องไม่พอใจคำสั่งกำหนดค่ารักษาทรัพย์ของศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ต่อมาก็เป็นการฟ้องคดีต่อศาลอุทธรณ์ ให้กำหนดค่ารักษาทรัพย์เช่นเดียวกัน หาใช่เรื่องเรียกร้องค่ารักษาทรัพย์ไม่ จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1566/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่ารักษาทรัพย์ยึด: ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจกำหนดค่าธรรมเนียมได้ แม้ต่ำกว่าสัญญาก็ตาม
ค่ารักษาทรัพย์ (ที่ยึดไว้ในคดี) เป็นค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งศาลอาจจะพิจารณาสั่งให้ได้ตามที่เห็นสมควร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 ศาลใช้ดุลพินิจกำหนดค่ารักษาทรัพย์ให้ผู้ร้องต่ำกว่าจำนวนที่ระบุในหนังสือสัญญารักษาทรัพย์จึงเป็นอำนาจที่จะกระทำได้ หาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่เมื่อค่ารักษาทรัพย์เป็นค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ศาลอาจสั่งให้ได้ การที่ผู้ร้องไม่พอใจคำสั่งกำหนดค่ารักษาทรัพย์ของศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ต่อมาก็เป็นการฟ้องคดีต่อศาลอุทธรณ์ ให้กำหนดค่ารักษาทรัพย์เช่นเดียวกันหาใช่เรื่องเรียกร้องค่ารักษาทรัพย์ไม่ จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1540/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจลงโทษทางวินัยของลูกจ้างผู้บังคับบัญชาทำให้ขาดคุณสมบัติเป็นกรรมการสหภาพแรงงาน
ประกาศคณะกรรมการกำหนดระเบียบวินัยพนักงานของนายจ้างโจทก์ได้กำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดวางโทษตามข้อ 2 ว่า 2.1 โทษสถานเบา ก.ตักเตือนด้วยวาจา ข.มีหนังสือตำหนิโทษโจทก์เป็นพนักงานที่มีอำนาจลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชา คือ ก.ตักเตือนด้วยวาจา ข.ทำหนังสือตำหนิโทษ โจทก์จึงเป็นลูกจ้างซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชามีอำนาจในการลงโทษตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ มาตรา 95 วรรคสอง ต้องห้ามมิให้เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานที่ลูกจ้างอื่นจัดตั้งขึ้นก็เป็นการขาดคุณสมบัติในการเป็นกรรมการสหภาพแรงงานจำเลยจึงชอบที่จะไม่จดทะเบียนกรรมการให้โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างฐานทุจริตตอกบัตรเวลา ถือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบร้ายแรง ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
บริษัทจำเลยมีลูกจ้างถึง 2000 กว่าคน ตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานมีการทำงานตามปกติในวันจันทร์ถึงวันเสาร์และมีการทำงานล่วงเวลาทุกวัน สำหรับวันเสาร์เลิกงาน 13 นาฬิกา หลังจากนั้นเป็นการทำงานล่วงเวลาวันอาทิตย์เป็นวันหยุดแต่มีการทำงานในวันหยุดมีกำหนดไม่เกิน 8 ชั่วโมง ลูกจ้างที่มาทำงานมีสิทธิได้รับค่าจ้างทำงานวันหยุดไม่เกิน 8 ชั่วโมง การเบิกค่าจ้างจะตรวจสอบเวลาทำงานตามใบเบิกกับบัตรตอกเวลาทำงานของลูกจ้าง เมื่อเห็นว่าใบเบิกมีเวลาทำงานไม่เกินไปกว่าเวลาทำงานในบัตรตอกเวลาทำงานก็จ่ายค่าจ้างให้ตามใบเบิกเงินนั้นข้อบังคับการทำงานดังกล่าวเกี่ยวกับตอกบัตรเวลาทำงานนอกจากจะเป็นหลักฐานแสดงถึงระยะเวลาที่ลูกจ้างของจำเลยแต่ละคนปฏิบัติงานในแต่ละวันแล้ว ยังเป็นหลักฐานในการเบิกจ่ายค่าจ้างและค่าทำงานล่วงเวลา ในกรณีมีการทำงานล่วงเวลาด้วย บริษัทจำเลยเคยมีปัญหาเรื่องการตอกบัตรเวลาทำงานไม่ตรงตามความจริงมาแล้ว จึงได้ประกาศเตือนลูกจ้างว่าหากมีการทุจริตเกี่ยวกับการตอกบัตรเวลาบริษัทจำเป็นจะต้องเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย โจทก์ตอกบัตรเวลาทำงานฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของจำเลย โดยกลับจากทำงาน 12 นาฬิกาแต่ตอกบัตรเวลากลับ 21 นาฬิกาในวันเสาร์และได้ออกไปจากที่ทำงานตั้งแต่เวลา 9 นาฬิกา แต่ตอกบัตรเวลากลับจากทำงาน 19.02 นาฬิกา จึงเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับดังกล่าวเป็นกรณีร้ายแรงจำเลยเลิกจ้างโจทก์เสียได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้
of 216