พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,151 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2433/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาคดีใหม่: การส่งคำบังคับโดยชอบและผลของการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล
ในการขอพิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ไม่ว่าในกรณีปกติหรือในกรณีที่มีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ ระยะเวลาในการขอพิจารณาคดีใหม่ภายในสิบห้าวันหรือภายในหกเดือนแล้วแต่กรณีนั้น จะเริ่มบังคับต่อเมื่อได้มีการส่งคำบังคับโดยชอบแล้ว หากไม่มีการส่งคำบังคับโดยชอบแล้วจะยื่นคำขอพิจารณาใหม่เมื่อใดก็ได้ไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 208 ดังกล่าว
เมื่อศาลมิได้สั่งให้นำส่งและกำหนดเวลาให้นำส่งหมายนัดการไต่สวนไว้ จะถือว่าทิ้งคำร้องหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลไม่ได้
เมื่อศาลมิได้สั่งให้นำส่งและกำหนดเวลาให้นำส่งหมายนัดการไต่สวนไว้ จะถือว่าทิ้งคำร้องหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2433/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาคดีใหม่, คำบังคับ, การส่งหมายนัด, และการเพิกเฉยต่อกระบวนการยุติธรรม
ในการขอพิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 ไม่ว่าในกรณีปกติหรือในกรณีที่มี พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ ระยะเวลาในการ พิจารณาคดีใหม่ภายในสิบห้าวันหรือภายในหกเดือนแล้วแต่กรณี นั้น จะเริ่มบังคับต่อเมื่อได้มีการส่งคำบังคับโดยชอบแล้ว หากไม่มีการส่งคำบังคับโดยชอบแล้วจะยื่น คำขอพิจารณาใหม่เมื่อใดก็ได้ไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 208 ดังกล่าว
เมื่อศาลมิได้สั่งให้นำส่งและกำหนดเวลาให้นำส่งหมายนัดการไต่สวนไว้จะถือว่าทิ้งคำร้องหรือไม่ปฏิบัติตาม คำสั่งศาลไม่ได้
เมื่อศาลมิได้สั่งให้นำส่งและกำหนดเวลาให้นำส่งหมายนัดการไต่สวนไว้จะถือว่าทิ้งคำร้องหรือไม่ปฏิบัติตาม คำสั่งศาลไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2418/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: โจทก์มีหน้าที่นำสืบพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ไม่เป็นธรรม โดยอ้างว่าโจทก์ถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และการสอบสวนฟังว่าโจทก์มีมลทินมัวหมองส่อทุจริตซึ่งความจริงโจทก์มิได้กระทำผิดดังที่ถูกกล่าวหา จำเลยให้การว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมายข้อบังคับฯ เพราะโจทก์มีมลทินมัวหมองในเรื่องทุจริตต่อหน้าที่อันเป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรง ดังนี้ ประเด็นที่ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้กระทำผิดวินัยตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่เสียก่อน ซึ่งข้อนี้โจทก์มีภาระหน้าที่นำสืบตามที่กล่าวอ้าง ลำพังแต่ คำฟ้อง คำให้การ คำแถลงรับของคู่ความและพยานเอกสารที่คู่ความอ้างส่งต่อศาล ข้อเท็จจริงยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าโจทก์ได้กระทำผิดวินัยตามที่ถูกกล่าวหาจริงหรือไม่แต่ได้ความว่าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าโจทก์กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง แต่ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันแน่ชัดถึงชั้นทุจริตต่อหน้าที่อันจะไล่ออกจากงานได้ จึงมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานฐานมีมลทินมัวหมองในเรื่องทุจริต่อหน้าที่ตามข้อบังคับฯ ฉะนั้น ที่ศาลแรงงานกลางหยิบยกเอกสารคำให้การของ ธ.ที่ให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนแต่ผู้เดียวมาวินิจฉัยว่าโจทก์มิได้กระทำผิดและไม่มีมลทินมัวหมอง ทั้งๆ ที่ไม่มีการสืบพยานหักล้างข้อเท็จจริงผลการสอบสวนให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงไม่ชอบด้วยการพิจารณาว่าด้วยการรับฟังพยานหลักฐาน แม้ข้อนี้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงยังไม่อาจรับฟังเป็นยุติได้ และโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายกล่าวอ้างมีหน้าที่นำสืบแถลงไม่สืบพยาน เช่นนี้ โจทก์จึงไม่มีทางชนะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2418/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยต้องพิสูจน์ความผิดทางวินัยของลูกจ้าง โจทก์มีหน้าที่นำสืบพยาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ไม่เป็นธรรม โดยอ้างว่าโจทก์ถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และการสอบสวนฟังว่าโจทก์มีมลทินมัวหมองส่อทุจริตซึ่งความจริงโจทก์มิได้กระทำผิดดังที่ถูกกล่าวหา จำเลยให้การว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยชอบด้วยข้อบังคับฯ เพราะโจทก์มีมลทินมัวหมองในเรื่องทุจริตต่อหน้าที่อันเป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรง ดังนี้ ประเด็นที่ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้กระทำผิดวินัยตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่เสียก่อน ซึ่งข้อนี้โจทก์มีภาระหน้าที่นำสืบตามที่กล่าวอ้างลำพังแต่ คำฟ้อง คำให้การ คำแถลงรับของคู่ความและพยานเอกสารที่คู่ความอ้างส่งต่อศาล ข้อเท็จจริงยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าโจทก์ได้กระทำผิดวินัยตามที่ถูกกล่าวหาจริงหรือไม่ แต่ได้ความว่าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าโจทก์กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง แต่ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันแน่ชัดถึงขั้นทุจริตต่อหน้าที่อันจะไล่ออกจากงานได้ จึงมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานฐานมีมลทินมัวหมองในเรื่องทุจริตต่อหน้าที่ตามข้อบังคับฯ ฉะนั้น ที่ศาลแรงงานกลางหยิบยกเฉพาะคำให้การของ ธ.ที่ให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนแต่ผู้เดียวมาวินิจฉัยว่าโจทก์มิได้กระทำผิดและไม่มีมลทินมัวหมอง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีการสืบพยานหักล้างข้อเท็จจริงผลการสอบสวนให้เห็นเป็นอย่างอื่นจึงไม่ชอบด้วยการพิจารณาว่าด้วยการรับฟังพยานหลักฐาน แม้ข้อนี้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงยังไม่อาจรับฟังเป็นยุติได้ และโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายกล่าวอ้างมีหน้าที่นำสืบแถลงไม่สืบพยาน เช่นนี้ โจทก์จึงไม่มีทางชนะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดินโอนตามคำพิพากษาตามยอม แม้มีการตกลงรอการบังคับคดี ก็ไม่กระทบสิทธิของผู้รับโอน
โจทก์ยกที่ดินตรงที่เกิดเหตุพร้อมรั้วและราวไผ่ให้ บ. ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่ง กรรมสิทธิ์ในที่ดินจึงตกเป็นของ บ. โดยผลแห่งคำพิพากษาตามยอมนับตั้งแต่วันที่ได้พิพากษา แม้คู่ความจะตกลงให้รอการบังคับคดีไว้ก่อน ก็หามีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาดังกล่าวซึ่งถึงที่สุดแล้วให้เป็นอย่างอื่นไม่ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องผู้เข้าไปรื้อรั้วและตัดไม้ไผ่ในที่เกิดเหตุได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2335/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางไม่ใช่ค่าจ้างสำหรับคำนวณค่าทดแทนกรณีประสบอันตรายจากการทำงาน
เมื่อ บ.ลูกจ้างทำงานประจำอยู่ที่สำนักงานของโจทก์ เงินเดือนปกติที่โจทก์จ่ายให้แก่ เป็นการตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติของวันทำงานอยู่แล้ว ส่วนเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางซึ่งโจทก์จ่ายให้ บ.เมื่ออกไปทำงานต่างจังหวัดเป็นครั้งคราวนั้น เป็นการตอบแทนการออกไปทำงานในต่างจังหวัดนอกเหนือจากการทำงานในเวลาปกติของวันทำงาน ไม่มีพฤติการณ์ใดส่อแสดงว่า โจทก์จ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางให้แก่ บ. เป็นส่วนหนึ่งของการตอบแทนการทำงานในเวลาปกติของวันทำงานด้วยเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางกรณีนี้จึงหาใช่ค่าจ้างอันอาจนำมารวมคำนวณค่าทดแทนได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2335/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางไม่ใช่ค่าจ้างสำหรับคำนวณค่าทดแทนกรณีประสบภัยจากการทำงาน
เมื่อ ม. ลูกจ้างทำงานประจำอยู่ที่สำนักงานของโจทก์เงินเดือนปกติที่โจทก์จ่ายให้แก่ ม. จึงเป็นการตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติของวันทำงานอยู่แล้ว ส่วนเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางซึ่งโจทก์จ่ายให้ ม. เมื่อออกไปทำงานต่างจังหวัดเป็นครั้งคราวนั้น เป็นการตอบแทนการออกไปทำงานในต่างจังหวัดนอกเหนือจากการทำงานในเวลาปกติของวันทำงาน ไม่มีพฤติการณ์ใดส่อแสดงว่า โจทก์จ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางให้แก่ ม.. เป็นส่วนหนึ่งของการตอบแทนการทำงานในเวลาปกติของวันทำงานด้วยเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางกรณีนี้จึงหาใช่ค่าจ้างอันอาจนำมารวมคำนวณค่าทดแทนได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2334/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขใบรับรองแพทย์เพื่อลาป่วยถือเป็นเอกสารปลอม นายจ้างเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
การที่โจทก์แก้ไขใบรับรองแพทย์ซึ่งต้องยื่นต่อจำเลยตามระเบียบ เพื่อเป็นหลักฐานในการพิจารณาอนุญาตให้โจทก์ลาป่วย โดยเพิ่มวันที่แพทย์ให้หยุดพักรักษาตัวขึ้นอีก1 วัน และได้ยื่นใบรับรองแพทย์ที่แก้ไขแล้วต่อจำเลยนั้น เป็นความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม การกระทำของโจทก์ดังกล่าวย่อมทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย จึงเป็นการกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาต่อนายจ้าง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(1)ตอนท้าย จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของนายจ้างและลูกจ้าง: การพิสูจน์ความประมาทและผลกระทบต่อจำเลยที่ไม่ฎีกา
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้าง กรณีจึงเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจจะแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกา คงฎีกาขึ้นมาแต่เฉพาะจำเลยที่ 2 แต่เมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ 1 มิได้ขับรถโดยประมาท พิพากษายกฟ้องโจทก์ ก็ย่อมให้จำเลยที่ 1 ได้รับผลจากคำพิพากษานี้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ประกอบด้วยมาตรา 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดนายจ้างต่อลูกจ้างและการพิพากษาคดีที่เกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้าง กรณีจึงเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจจะแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกา คงฎีกาขึ้นมาแต่เฉพาะจำเลยที่ 2 แต่เมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ 1 มิได้ขับรถโดยประมาท พิพากษายกฟ้องโจทก์ก็ย่อมให้จำเลยที่ 1 ได้รับผลจากคำพิพากษานี้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 245 (1) ประกอบด้วยมาตรา 247