คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมบูรณ์ บุญภินนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,151 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2291/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อบังคับกองทุนบำเหน็จไม่ผูกพันลูกจ้างเก่า และการแก้ไขข้อบังคับโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ข้อบังคับโรงงานน้ำตาล กรมโรงงานอุตสาหกรรม ว่าด้วยกองทุนบำเหน็จ พ.ศ. 2527 มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจ่ายเงินบำเหน็จแตกต่างจากค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 46 เพราะตามข้อบังคับดังกล่าวข้อ 10 นั้น แม้กรณีที่พนักงานตายหรือลาออกก็มีสิทธิได้รับบำเหน็จ ถือได้ว่าเงินบำเหน็จตามข้อบังคับของจำเลยเป็นเงินประเภทอื่นซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้าง แม้ข้อบังคับข้อ 12 วรรคแรกจะระบุว่า 'พนักงานที่ออกจากงานโดยมีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายเกี่ยวกับแรงงานแล้วไม่มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จตามข้อบังคับนี้ แต่ถ้าค่าชดเชยที่มีสิทธิได้รับนั้นต่ำกว่าเงินบำเหน็จที่จะได้รับตามข้อบังคับนี้ ก็ให้จ่ายเพิ่มให้เท่าจำนวนที่ต่ำกว่านั้น' ก็ตาม แต่ความในวรรคสองของข้อบังคับดังกล่าวก็ระบุว่า 'ความในวรรคแรก มิให้ใช้บังคับกับพนักงานที่เข้าทำงานอยู่ก่อนวันที่ 30 พฤษภาคม 2526' เมื่อปรากฏว่าโจทก์เข้าทำงานตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2509 ข้อบังคับนี้จึงไม่มีผลใช้บังคับแก่โจทก์
การที่จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับว่าด้วยกองทุนบำเหน็จ พ.ศ. 2527 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2527 ระบุยกเว้นมิให้ถือว่าค่าครองชีพเป็นค่าจ้างด้วยนั้นถือได้ว่าเป็นการแก้ไขข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย และข้อบังคับใหม่ก็ไม่เป็นคุณแก่ลูกจ้างข้อบังคับในส่วนนี้จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2290/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างที่กระทำผิดวินัยร้ายแรง แม้เป็นการกระทำนอกเวลางานและนอกสถานที่ทำงาน นายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
นายจ้างกำหนดระเบียบข้อบังคับให้ลูกจ้างปฏิบัติก็เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการปฏิบัติงาน และป้องกันมิให้ลูกจ้างกระทำการอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือชื่อเสียงของนายจ้าง. ดังนั้นไม่ว่าลูกจ้างจะทำการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับในขณะทำงานหรือนอกเวลาทำงาน กระทำภายในหรือภายนอกสถานที่ทำงาน ถ้าการกระทำนั้นอาจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือในทางอื่นใดแล้ว นายจ้างย่อมมีอำนาจพิจารณาลงโทษลูกจ้างได้ตามระเบียบข้อบังคับ โจทก์กระทำอนาจารโดยมีอาวุธต่อ ต. สาวใช้ของ อ. เพื่อนร่วมงานที่บ้านของ อ. ซึ่งเป็นความผิดทางอาญา และผิดต่อศีลธรรม เป็นการไม่รักษาเกียรติและประพฤติชั่ว ทั้งฝ่าฝืนต่อระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรง ต้องด้วยประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 (3) จำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2290/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างที่กระทำผิดวินัยร้ายแรงนอกเวลางานและสถานที่ทำงาน นายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
นายจ้างกำหนดระเบียบข้อบังคับให้ลูกจ้างปฏิบัติก็เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการปฏิบัติงานและป้องกันมิให้ลูกจ้างกระทำการอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือชื่อเสียงของนายจ้าง.ดังนั้นไม่ว่าลูกจ้างจะทำการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับในขณะทำงานหรือนอกเวลาทำงานกระทำภายในหรือภายนอกสถานที่ทำงานถ้าการกระทำนั้นอาจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือในทางอื่นใดแล้วนายจ้างย่อมมีอำนาจพิจารณาลงโทษลูกจ้างได้ตามระเบียบข้อบังคับโจทก์กระทำอนาจารโดยมีอาวุธต่อต.สาวใช้ของอ.เพื่อนร่วมงานที่บ้านของอ.ซึ่งเป็นความผิดทางอาญาและผิดต่อศีลธรรมเป็นการไม่รักษาเกียรติและประพฤติชั่วทั้งฝ่าฝืนต่อระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรงต้องด้วยประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ47(3).จำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2289/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทุจริตสอบและการเลิกจ้าง: การกระทำผิดวินัยร้ายแรงเป็นเหตุให้เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
โจทก์รู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่นเข้าสอบเลื่อนตำแหน่งแทนเป็นการทุจริตในการสอบซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงอยู่ในตัวจึงถือได้ว่าเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงเป็นความผิดวินับอย่างร้ายแรงตามข้อบังคับของจำเลยจำเลยย่อมมีสิทธิปลดโจทก์ออกจากงานได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ47(3)และไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตลอดจนค่าเสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2289/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทุจริตการสอบเลื่อนตำแหน่งเป็นความผิดร้ายแรง สิทธิของนายจ้างในการปลดออกโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
โจทก์รู้เห็นเป็นใจให้บุคคลอื่นเข้าสอบเลื่อนตำแหน่งแทน เป็นการทุจริตในการสอบซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงอยู่ในตัว จึงถือได้ว่าเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินับอย่างร้ายแรงตามข้อบังคับของจำเลย จำเลยย่อมมีสิทธิปลดโจทก์ออกจากงานได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(3) และไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตลอดจนค่าเสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างแจ้งให้ลูกจ้างหยุดพักผ่อนก่อนเกษียณ ลูกจ้างไม่หยุด นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าจ้างวันหยุด
โจทก์จะครบเกษียณอายุในวันที่ 1 ตุลาคม 2528 ครั้นวันที่ 10 มิถุนายน 2528 ก่อนโจทก์ครบเกษียณอายุ 3 เดือน 21 วัน จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์แจ้งว่า หากโจทก์มีวันหยุดพักผ่อนประจำปีเหลืออยู่เท่าใดก็ให้ขออนุญาตหยุดเสียก่อนที่โจทก์จะเกษียณอายุ ถือได้ว่าจำเลยผู้เป็นนายจ้างได้กำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีล่วงหน้าให้แก่โจทก์ผู้เป็นลูกจ้างต้องตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 10 แล้ว เป็นการกำหนดช่วงระยะเวลาให้โจทก์เลือกวันหยุดเอาเองเพื่อความสะดวกแก่โจทก์ ได้ชื่อว่าจำเลยปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานแล้ว เมื่อโจทก์ไม่ยอมหยุดเอง จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างแจ้งให้ลูกจ้างหยุดพักผ่อนก่อนเกษียณ แต่ลูกจ้างไม่หยุด ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างวันหยุด
โจทก์จะครบเกษียณอายุในวันที่1ตุลาคม2528ครั้นวันที่10มิถุนายน2528ก่อนโจทก์ครบเกษียณอายุ3เดือน21วันจำเลยมีหนังสือถึงโจทก์แจ้งว่าหากโจทก์มีวันหยุดพักผ่อนประจำปีเหลืออยู่เท่าใดก็ให้ขออนุญาตหยุดเสียก่อนที่โจทก์จะเกษียณอายุถือได้ว่าจำเลยผู้เป็นนายจ้างได้กำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีล่วงหน้าให้แก่โจทก์ผู้เป็นลูกจ้างต้องตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานลงวันที่16เมษายน2515ข้อ10แล้วเป็นการกำหนดช่วงระยะเวลาให้โจทก์เลือกวันหยุดเอาเองเพื่อความสะดวกแก่โจทก์ได้ชื่อว่าจำเลยปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานแล้วเมื่อโจทก์ไม่ยอมหยุดเองจำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม แม้ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ หากนายจ้างไม่เคร่งครัด ก็ต้องจ่ายค่าชดเชย
แม้ตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยจะกำหนดให้พนักงานซึ่งไม่มาทำงานหรือเจ็บป่วยไม่สามารถมาทำงานได้ จะต้องยื่นใบลาก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติแล้ว กรณีโจทก์เจ็บป่วยหรือไม่มาทำงานโจทก์ก็เพียงแต่ขอลาด้วยวาจาต่อหัวหน้าและจัดหา คนมาทำงานแทนก็เป็นอันใช้ได้ แสดงว่าจำเลยไม่ได้ถือ เคร่งครัดตามระเบียบข้อบังคับ การที่โจทก์ไม่มาทำงานเป็น เวลา 3 วันติดต่อกัน แต่ขอลาด้วยวาจาและจัดหาคนมาทำงานแทน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการละทิ้งหน้าที่ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ จึงต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้าง แทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลาป่วยด้วยวาจาและการปฏิบัติที่ยืดหยุ่นของนายจ้าง ไม่ถือเป็นการละทิ้งหน้าที่
ตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างกำหนดให้พนักงานซึ่งไม่มาทำงานหรือเจ็บป่วยไม่สามารถมาทำงานได้จะต้องยื่นใบลาต่อนายจ้าง แต่ในทางปฏิบัติกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างเจ็บป่วยหรือไม่มาทำงาน โจทก์เพียงแต่ขอลาด้วยวาขาต่อหัวหน้างานและจัดหาคนมาทำงานแทนก็เป็นอันใช้ได้โดยไม่ต้องยื่นใบลาซึ่งโจทก์ปฏิบัติเช่นนี้ตลอดมาโดยนายจ้างไม่เคยถือเป็นความผิด ดังนี้ การที่โจทก์ไม่มา ทำงานเป็นเวลา 3 วันติดต่อกันแต่ได้ลางานด้วยวิธีดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2222/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างเนื่องจากทุจริต/ประมาทเลินเล่อ และสิทธิในเงินทุนเลี้ยงชีพ ความสำคัญของข้อเท็จจริงและการตีความระเบียบ
อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าตามคำเบิกความของพยานทุกปากไม่มีผู้ใดยืนยันว่าโจทก์ทราบมาก่อนว่า อ. เคยทุจริตต่อหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน พยานโจทก์ทุกปากยืนยันว่าโจทก์ไม่ทราบ คำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางที่ว่าโจทก์ทราบเรื่องนี้จึงขัดต่อพยานหลักฐานในสำนวนนั้น ปัญหาว่าโจทก์ทราบข้อที่ อ. เคยทุจริตต่อหน้ามาก่อนจริงหรือไม่ ศาลควรรับฟังคำพยานผู้ใด ฝ่ายใด เป็นดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ระเบียบปฏิบัติงานภาคการพนักงานฯ ระบุว่าพนักงานที่ออกจากงานมีสิทธิได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพเว้นแต่ "ออกจากงานเพราะกระทำการทุจริตในหน้าที่หรือ เพราะกระทำการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือเพราะเกียจคร้านไม่ตั้งใจปฏิบัติงานเป็นเหตุให้ธนาคารต้องเสียหายและคณะกรรมการธนาคารเห็นว่า ไม่สมควรจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพให้" นั้น เห็นได้ว่า กรณีการทุจริตให้หน้าที่หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเป็นความผิดชั้นร้ายแรงไม่จำต้องให้คณะกรรมการธนาคารพิจารณา ส่วนการเกียจคร้านไม่ตั้งใจปฏิบัติงานมิใช่ความผิดขั้นร้ายแรงจึงต้องให้คณะกรรมการธนาคารพิจารณาอีกชั้นหนึ่งว่าสมควรให้เงินทุนเลี้ยงชีพแก่พนักงานผู้นั้นหรือไม่
of 216