พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,151 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2410/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคำนวณระยะเวลาทำงานเพื่อรับเงินบำเหน็จ: เศษปีถึง 6 เดือนนับเป็น 1 ปี
ขณะลาออกโจทก์มีระยะเวลาปฏิบัติงานรวม 4 ปี 9 เดือน 9 วันจำเลยมีข้อบังคับว่า พนักงานที่ลาออกหากมีระยะเวลาปฏิบัติงานครบ 5 ปีแล้วให้มีสิทธิได้รับบำเหน็จ และวิธีคำนวณระยะเวลาปฏิบัติงานตามข้อบังคับกำหนดว่า เศษของปีถ้าถึงหกเดือนให้นับเป็น 1 ปี ดังนี้ ถือว่าโจทก์มีระยะเวลาปฏิบัติงานครบ 5 ปี และมีสิทธิได้รับบำเหน็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจอดรถเสียบนถนน การแสดงเครื่องหมายเตือน และความรับผิดในคดีประมาท
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกสินค้าล้อบรรทุกหินมาเต็มคันรถ คลัตช์รถเสียจะต้องจอดรถ แม้ถนนบริเวณนั้นมีไหล่ทางแต่ปรากฏว่าไหล่ทางกว้างเพียง 1.40 เมตร หากจอดรถบนไหล่ทางไหล่ทางอาจทรุดได้ จึงเป็นกรณีจำเป็นที่จำเลยต้องจอดรถในทางเดินรถจำเลยจอดรถไว้บนถนนด้านซ้าย ล้อรถด้านซ้ายอยู่บนขอบผิวจราจรพอดีผิวจราจรถนนกว้าง 6 เมตรตัวรถกว้าง 2.40 เมตร ทางด้านขวาของรถยังมีผิวจราจรเหลืออีก 3.60 เมตร เห็นว่าจำเลยได้จอดรถในลักษณะที่ไม่กีดขวางการจราจร ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522 มาตรา56 แล้ว แต่การที่จำเลยได้นำก้อนหินและกิ่งไม้มาวางไว้ด้านหลังรถและเมื่อถึงเวลากลางคืนจำเลยได้เปิดไฟหรี่หน้ารถและไฟท้ายรถไว้ มิใช่เป็นการแสดงเครื่องหมายหรือสัญญาณตามลักษณะที่ระบุในข้อ 1 (1) และเงื่อนไขในข้อ 2 ข้อ 5 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ.2522 จำเลยต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 56 อันมีบทลงโทษตามมาตรา 152
ขณะเกิดเหตุจำเลยเปิดไฟไว้ท้ายรถ 3 ดวง สว่างมากมองเห็นได้ในระยะ 100 เมตร ย่อมทำให้ผู้ขับรถมาทางด้านหลังสามารถมองเห็นรถยนต์บรรทุกที่จำเลยจอดไว้ในระยะห่างเพียงพอที่ผู้นั้นจะหยุดรถหรือหลบหลีกไปได้แล้ว เป็นการ ป้องกันมิให้เกิดอันตรายขึ้นแก่บุคคลอื่นได้ไม่น้อยกว่าการแสดงเครื่องหมายตามลักษณะและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522 ทั้งไม่ปรากฏว่าปกติในกรณีนี้ผู้ขับรถจะแสดงกันแต่เครื่องหมายตามลักษณะและเงื่อนไขในกฎกระทรวงเท่านั้น ถือว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์แล้ว การที่มีคนขับรถจักรยานยนต์พุ่งเข้าชนรถยนต์บรรทุกที่จำเลยจอดไว้ เป็นเหตุให้คนขับและคนซ้อนท้ายถึงแก่ความตายไม่ได้เกิดจากการละเว้นการกระทำของจำเลย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291
ขณะเกิดเหตุจำเลยเปิดไฟไว้ท้ายรถ 3 ดวง สว่างมากมองเห็นได้ในระยะ 100 เมตร ย่อมทำให้ผู้ขับรถมาทางด้านหลังสามารถมองเห็นรถยนต์บรรทุกที่จำเลยจอดไว้ในระยะห่างเพียงพอที่ผู้นั้นจะหยุดรถหรือหลบหลีกไปได้แล้ว เป็นการ ป้องกันมิให้เกิดอันตรายขึ้นแก่บุคคลอื่นได้ไม่น้อยกว่าการแสดงเครื่องหมายตามลักษณะและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522 ทั้งไม่ปรากฏว่าปกติในกรณีนี้ผู้ขับรถจะแสดงกันแต่เครื่องหมายตามลักษณะและเงื่อนไขในกฎกระทรวงเท่านั้น ถือว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์แล้ว การที่มีคนขับรถจักรยานยนต์พุ่งเข้าชนรถยนต์บรรทุกที่จำเลยจอดไว้ เป็นเหตุให้คนขับและคนซ้อนท้ายถึงแก่ความตายไม่ได้เกิดจากการละเว้นการกระทำของจำเลย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจอดรถเสียบนทางเดินรถและความรับผิดต่อการชน การแสดงเครื่องหมายเพื่อความปลอดภัยทางถนน
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกสินค้าล้อบรรทุกหินมาเต็มคันรถ คลัตช์รถเสียจะต้องจอดรถแม้ถนนบริเวณนั้นมีไหล่ทางแต่ปรากฏว่าไหล่ทางกว้างเพียง 1.40 เมตร หากจอดรถบนไหล่ทางไหล่ทางอาจทรุดได้ จึงเป็นกรณีจำเป็นที่จำเลยต้องจอดรถในทางเดินรถ จำเลยจอดรถไว้บนถนนด้านซ้าย ล้อรถด้านซ้ายอยู่บนขอบผิวจราจรพอดีผิวจราจรถนนกว้าง 6 เมตรตัวรถกว้าง 2.40 เมตร ทางด้านขวาของรถยังมีผิวจราจรเหลืออีก 3.60 เมตร เห็นว่าจำเลยได้จอดรถในลักษณะที่ไม่กีดขวางการจราจร ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา56 แล้ว แต่การที่จำเลยได้นำก้อนหินและกิ่งไม้มาวางไว้ด้านหลังรถและเมื่อถึงเวลากลางคืนจำเลยได้เปิดไฟหรี่หน้ารถและไฟท้ายรถไว้ มิใช่เป็นการแสดงเครื่องหมายหรือสัญญาณตามลักษณะที่ระบุในข้อ 1(1) และเงื่อนไขในข้อ 2 ข้อ 5แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 5(พ.ศ.2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ.2522 จำเลยต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 56 อันมีบทลงโทษตามมาตรา 152 ขณะเกิดเหตุจำเลยเปิดไฟไว้ท้ายรถ 3 ดวง สว่างมากมองเห็นได้ในระยะ 100 เมตร ย่อมทำให้ผู้ขับรถมาทางด้านหลังสามารถมองเห็นรถยนต์บรรทุกที่จำเลยจอดไว้ในระยะห่างเพียงพอที่ผู้นั้นจะหยุดรถหรือหลบหลีกไปได้แล้ว เป็นการ ป้องกันมิให้เกิดอันตรายขึ้นแก่บุคคลอื่นได้ไม่น้อยกว่าการแสดงเครื่องหมายตามลักษณะและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ทั้งไม่ปรากฏว่าปกติในกรณีนี้ผู้ขับรถจะแสดงกันแต่เครื่องหมายตามลักษณะและเงื่อนไขในกฎกระทรวงเท่านั้น ถือว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์แล้ว การที่มีคนขับรถจักรยานยนต์พุ่งเข้าชนรถยนต์บรรทุกที่จำเลยจอดไว้ เป็นเหตุให้คนขับและคนซ้อนท้ายถึงแก่ความตายไม่ได้เกิดจากการละเว้นการกระทำของจำเลย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2284/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเพื่อฟ้องคดีเอง ไม่ถือเป็นคำร้องทุกข์ ทำให้ฟ้องขาดอายุความ
ข้อความที่ว่า จำเลยไม่ได้นำเงินของโจทก์ซึ่งได้จากการประมูลแชร์เข้าบัญชีของโจทก์ โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยไม่ยอมคืนให้ จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพื่อจะขอนำคดีมาฟ้องร้องต่อศาลด้วยตนเอง ไม่มีตอนใดแสดงความหมายว่ามีเจตนาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลย จึงไม่เป็นคำร้องทุกข์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(7)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2257/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คลงวันที่ล่วงหน้า: อายุความเริ่มนับจากวันเช็คถึงกำหนด ไม่ใช่จากวันที่ออกเช็ค
การที่จำเลยออกเช็คลงวันที่ล่วงหน้าให้โจทก์เพื่อชำระราคาค่าซื้อสินค้านั้น เป็นการยอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง ของโจทก์โดยปริยายว่า จำเลยจะชำระหนี้ค่าซื้อสินค้านั้น ให้แก่โจทก์ตามวันที่ที่ปรากฏในเช็ค อายุความจึงสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 ต้อง เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่เช็คนั้นถึงกำหนดสั่งจ่ายอันเป็นวันที่โจทก์อาจใช้สิทธิเรียกร้องชำระหนี้ตามเช็คนั้นได้เป็นต้นไป หาใช่เริ่มต้นนับแต่วันที่จำเลยเขียนเช็ค นั้นไม่เมื่อโจทก์ฟ้องคดีภายในกำหนด 2 ปีนับจากวันที่เช็คถึงกำหนดคดีของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2257/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คลงวันที่ล่วงหน้า: อายุความสะดุดหยุดตามวันที่เช็คถึงกำหนด ไม่ใช่ตอนออกเช็ค
การที่จำเลยออกเช็คลงวันที่ล่วงหน้าให้โจทก์เพื่อชำระราคาค่าซื้อสินค้านั้น เป็นการยอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง ของโจทก์โดยปริยายว่า จำเลยจะชำระหนี้ค่าซื้อสินค้านั้น ให้แก่โจทก์ตามวันที่ที่ปรากฏในเช็คอายุความจึงสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 ต้อง เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่เช็คนั้นถึงกำหนดสั่งจ่ายอันเป็นวันที่โจทก์อาจใช้สิทธิเรียกร้องชำระหนี้ตามเช็คนั้นได้เป็นต้นไปหาใช่เริ่มต้นนับแต่วันที่จำเลยเขียนเช็ค นั้นไม่เมื่อโจทก์ฟ้องคดีภายในกำหนด 2 ปีนับจากวันที่เช็คถึงกำหนดคดีของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2222/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างกฎหมายผิดในคำฟ้อง และการลงโทษผู้ร่วมกระทำผิดโดยไม่ระบุบทกฎหมายในคำพิพากษา
บรรยายฟ้องว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 อันเป็นกฎหมายที่ถูกต้องแต่ระบุขอไว้ท้ายฟ้องเป็นพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2525 ไม่ตรงกับคำบรรยายถึงกฎหมายที่อ้างอิงไว้ในคำฟ้องและพระราชบัญญัติยาเสพติดตาม พ.ศ.ที่โจทก์ขอให้ลงโทษก็ไม่มีเป็นการผิดพลาดไป ถือได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์อ้างกฎหมายผิด ศาลล่างทั้งสองมีอำนาจลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 อันเป็นกฎหมายที่ถูกต้องได้กรณีไม่เป็นการอ้างกฎหมายที่ไม่มีอยู่จริงมาใช้บังคับ
ส่วนที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันกระทำผิดโดยมิได้กล่าวอ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 นั้น ปรากฏว่าโจทก์บรรยายฟ้องและอ้างบทกฎหมายมาตรานี้ท้ายฟ้อง แสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันแล้ว แม้ศาลล่างทั้งสองจะไม่ได้กล่าวอ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 มาในคำพิพากษา ก็ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
ส่วนที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันกระทำผิดโดยมิได้กล่าวอ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 นั้น ปรากฏว่าโจทก์บรรยายฟ้องและอ้างบทกฎหมายมาตรานี้ท้ายฟ้อง แสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันแล้ว แม้ศาลล่างทั้งสองจะไม่ได้กล่าวอ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 มาในคำพิพากษา ก็ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2222/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างกฎหมายผิดในคำฟ้อง และการลงโทษผู้ร่วมกระทำผิด แม้ไม่ปรากฏในคำพิพากษา
บรรยายฟ้องว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 อันเป็นกฎหมายที่ถูกต้องแต่ระบุขอไว้ท้ายฟ้องเป็นพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2525 ไม่ตรงกับคำบรรยายถึงกฎหมายที่อ้างอิงไว้ในคำฟ้องและพระราชบัญญัติยาเสพติดตามพ.ศ.ที่โจทก์ขอให้ลงโทษก็ไม่มีเป็นการผิดพลาดไป ถือได้ว่าเป็นกรณีที่โจทก์อ้างกฎหมายผิด ศาลล่างทั้งสองมีอำนาจลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 กันเป็นกฎหมายที่ถูกต้องได้กรณีไม่เป็นการอ้างกฎหมายที่ไม่มีอยู่จริงมาใช้บังคับ
ส่วนที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันกระทำผิดโดยมิได้กล่าวอ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 นั้น ปรากฏว่าโจทก์บรรยายฟ้องและอ้างบทกฎหมายมาตรานี้ท้ายฟ้อง แสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันแล้ว แม้ศาลล่างทั้งสองจะไม่ได้กล่าวอ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาในคำพิพากษาก็ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
ส่วนที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันกระทำผิดโดยมิได้กล่าวอ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 นั้น ปรากฏว่าโจทก์บรรยายฟ้องและอ้างบทกฎหมายมาตรานี้ท้ายฟ้อง แสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันแล้ว แม้ศาลล่างทั้งสองจะไม่ได้กล่าวอ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาในคำพิพากษาก็ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2090/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
งานขนส่งขยายเวลาทำงาน: แม้ไม่มีค่าล่วงเวลา นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับเวลาที่ขยายออกไป
งานที่โจทก์ทำมีลักษณะเป็นงานขนส่ง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 3(2) ซึ่งกำหนดเวลาทำงานปกติของลูกจ้างไว้ 8 ชั่วโมง แต่จำเลยได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมแรงงานให้ลูกจ้างทำงานเกินกำหนดเวลาตามปกติ ถือได้ว่าเป็นการขยายกำหนดเวลาทำงานตามปกติออกไป แม้โจทก์จะไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาตามข้อ 36 แต่จำเลยก็มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์สำหรับเวลาทำงานที่ขยายออกไป 2 ชั่วโมงนั้น หาใช่ลูกจ้างไม่มีสิทธิรับค่าล่วงเวลา แล้วจะถูกตัดสิทธิมิให้รับค่าจ้างธรรมดาไปด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2090/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าจ้างกรณีขยายเวลาทำงาน: แม้ไม่มีค่าล่วงเวลา นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับเวลาที่ขยายออกไป
งานที่โจทก์ทำมีลักษณะเป็นงานขนส่ง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 3(2) ซึ่งกำหนดเวลาทำงานปกติของลูกจ้างไว้ 8 ชั่วโมง แต่จำเลยได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมแรงงานให้ลูกจ้างทำงานเกินกำหนดเวลาตามปกติ ถือได้ว่าเป็นการขยายกำหนดเวลาทำงานตามปกติออกไป แม้โจทก์จะไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาตามข้อ 36 แต่จำเลยก็มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์สำหรับเวลาทำงานที่ขยายออกไป 2 ชั่วโมงนั้น หาใช่ลูกจ้างไม่มีสิทธิรับค่าล่วงเวลา แล้วจะถูกตัดสิทธิมิให้รับค่าจ้างธรรมดาไปด้วยไม่