คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมบูรณ์ บุญภินนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,151 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 493/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเลขที่เช็คในคำฟ้อง: ไม่ใช่การแก้ไขคำฟ้องตาม ป.วิ.พ. จึงไม่ต้องอยู่ในกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด
ภายหลังการชี้สองสถาน โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเลขที่ของเช็คในคำฟ้อง การขอแก้ไขดังกล่าวเป็นเรื่องแก้ไขรายละเอียด หาใช่เป็นเรื่องแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 ไม่ จึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องขอแก้ในระยะเวลาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าล่วงเวลา: การคำนวณชั่วโมงทำงานปกติและล่วงเวลาในวันหยุด จำเป็นต้องพิจารณาเวลาทำงานปกติที่นายจ้างกำหนด
จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างมีคำสั่งกำหนดเวลาทำงานปกติของพนักงานคือ 8.00 นาฬิกา ถึง 17.00 นาฬิกา การทำงานนอกเวลาดังกล่าวจึงต้องถือว่าเป็นการทำงานนอกเวลาทำงานปกติ โจทก์ได้รับคำสั่งให้ทำงานในวันหยุดตั้งแต่ 13.00 นาฬิกา ถึง 6.00 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น โดยมีช่วงหยุดพักระหว่าง 17.00 นาฬิกา ถึง18.00 นาฬิกา และ 24.00 นาฬิกา ถึง 1.00 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น เช่นนี้ รวมระยะเวลาที่โจทก์ทำงานล่วงเวลาคือ 11 ชั่วโมง ซึ่งจำเลยต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่โจทก์ในอัตราสามเท่าของค่าจ้างในวันทำงานสำหรับจำนวนชั่วโมงที่ทำงานเกินเวลาทำงานปกติ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคำนวณค่าล่วงเวลา: การทำงานนอกเวลาปกติและในวันหยุด จำเป็นต้องพิจารณาเวลาทำงานปกติและช่วงพัก
จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างมีคำสั่งกำหนดเวลาทำงานปกติของพนักงานคือ 8.00 นาฬิกา ถึง 17.00 นาฬิกา การทำงานนอกเวลาดังกล่าวจึงต้องถือว่าเป็นการทำงานนอกเวลาทำงานปกติ โจทก์ได้รับคำสั่งให้ทำงานในวันหยุดตั้งแต่ 13.00 นาฬิกา ถึง 6.00 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น โดยมีช่วงหยุดพักระหว่าง 17.00 นาฬิกา ถึง 18.00 นาฬิกา และ 24.00 นาฬิกา ถึง 1.00 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น เช่นนี้ รวมระยะเวลาที่โจทก์ทำงานล่วงเวลาคือ 11 ชั่วโมง ซึ่งจำเลยต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้แก่โจทก์ในอัตราสามเท่าของค่าจ้างในวันทำงานสำหรับจำนวนชั่วโมงที่ทำงานเกินเวลาทำงานปกติ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกรับเงินเพื่อจูงใจผู้พิพากษาถือเป็นกรรมเดียวกัน
จำเลยเรียกเงินจาก ป. กับพวก โดยอ้างว่าจะนำไปให้ผู้พิพากษาเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจผู้พิพากษาให้พิพากษายกฟ้องคดีอาญา ซึ่งญาติของ ป. กับพวกถูกฟ้องเป็นจำเลย ต่อมาเมื่อ ป. กับพวกรวบรวมเงินตามจำนวนที่จำเลยเรียกร้องครบแล้ว จึงได้มอบให้จำเลยรับไป ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาที่จะเรียกและรับเงินซึ่งเป็นเจตนาอันเดียวกันมาตั้งแต่แรกและเป็นการกระทำต่อเนื่องในคราวเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกรับเงินเพื่อจูงใจผู้พิพากษาให้พิพากษายกฟ้อง ถือเป็นกรรมเดียวกัน
จำเลยเรียกเงินจาก ป. กับพวก โดยอ้างว่าจะนำไปให้ผู้พิพากษาเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจผู้พิพากษาให้พิพากษายกฟ้องคดีอาญาซึ่งญาติของ ป. กับพวกถูกฟ้องเป็นจำเลย ต่อมาเมื่อ ป. กับพวกรวบรวมเงินตามจำนวนที่จำเลยเรียกร้องครบแล้ว จึงได้มอบให้จำเลยรับไป ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาที่จะเรียกและรับเงินซึ่งเป็นเจตนาอันเดียวกันมาตั้งแต่แรกและเป็นการกระทำต่อเนื่องในคราวเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันคู่ความจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง การอ้างเหตุผลจากคดีอื่นมาลบล้างมิได้
คำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีหลังซึ่งยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่า เจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้แก่จำเลยและผู้อื่น ย่อมผูกพันโจทก์จำเลยในคดีหลังกล่าวคือโจทก์หมดสิทธิที่จะได้รับมรดกเฉพาะเกี่ยวกับทรัพย์มรดกที่ว่ากล่าวกันในคดีหลังซึ่งเป็นทรัพย์คนละส่วนกับคดีนี้เท่านั้น จะถือเอาคำพิพากษาในคดีหลังไปลบล้างคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีนี้ที่พิพากษาให้โจทก์มีสิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม เพื่อมิให้ศาลบังคับจำเลยในคดีนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186-190/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าชดเชยเกษียณอายุ: เงินบำเหน็จรวมค่าชดเชยแล้ว ไม่ต้องจ่ายซ้ำ
ระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินเนื่องจากปลดเกษียณว่า เงินอันพึงจะได้รับจะต้องถูกหักด้วยเงินประเภทต่าง ๆ ที่จำเลยได้จ่ายไปตามกฎหมาย พระราชกฤษฎีกา หรือกฎข้อบังคับของรัฐบาล ว่าด้วยประโยชน์เนื่องจากทุพพลภาพหรือการออกจากงานเพราะเกษียณอายุหรือมรณกรรม เมื่อค่าชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานเป็นเงินที่นายจ้างต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง และการเกษียณอายุก็เป็นการเลิกจ้าง ดังนั้น การที่ลูกจ้างเกษียณอายุและนายจ้างได้จ่ายเงินตามระเบียบดังกล่าวให้แก่ลูกจ้างมีจำนวนสูงกว่าค่าชดเชยแล้ว เงินที่ลูกจ้างได้รับไปนั้นจึงมีค่าชดเชยรวมอยู่ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186-190/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าชดเชยกรณีเกษียณอายุ: เงินบำเหน็จรวมค่าชดเชยแล้ว ไม่ต้องจ่ายซ้ำ
ระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินเนื่องจากปลดเกษียณว่า เงินอันพึงจะได้รับจะต้องถูกหักด้วยเงินประเภทต่างๆที่จำเลยได้จ่ายไปตามกฎหมาย พระราชกฤษฎีกา หรือกฎข้อบังคับของรัฐบาล ว่าด้วยประโยชน์เนื่องจากทุพพลภาพหรือการออกจากงานเพราะเกษียณอายุหรือมรณกรรม เมื่อค่าชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานเป็นเงินที่นายจ้างต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง และการเกษียณอายุก็เป็นการเลิกจ้าง ดังนั้น การที่ลูกจ้างเกษียณอายุและนายจ้างได้จ่ายเงินตามระเบียบดังกล่าวให้แก่ลูกจ้างมีจำนวนสูงกว่าค่าชดเชยแล้ว เงินที่ลูกจ้างได้รับไปนั้นจึงมีค่าชดเชยรวมอยู่ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับเช็คเป็นผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียว แม้ผู้ส่งมอบเช็คจะมีข้อตกลงกับผู้รับเช็คก่อนหน้านี้
การที่โจทก์ส่งมอบเช็คพิพาทชำระหนี้ให้แก่ ก. ถือได้ว่าโจทก์ได้ส่งมอบเช็คให้แก่ ก. ไปแล้วทั้งฉบับ ก.จึงเป็นผู้ทรงเช็คนั้นทั้งฉบับ ส่วนที่โจทก์มีข้อตกลงกับ ก. อย่างไร (โจทก์อ้างว่าชำระหนี้ไม่เต็มจำนวนเงินในเช็ค) นั้น เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับ ก. เมื่อ ก.เป็นผู้ที่นำเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ก. ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คจึงเป็นผู้เสียหายแต่ผู้เดียว โจทก์หาใช่ผู้เสียหายด้วยไม่
(โปรดดูคำพิพากษาฎีกาที่ 671/2516 เทียบเคียง)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งมอบเช็คชำระหนี้ทำให้ผู้รับเช็คเป็นผู้ทรงเช็คแต่ผู้เดียว โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย
การที่โจทก์ส่งมอบเช็คพิพาทชำระหนี้ให้แก่ ก. ถือได้ว่าโจทก์ได้ส่งมอบเช็คให้แก่ ก. ไปแล้วทั้งฉบับ ก.จึงเป็นผู้ทรงเช็คนั้นทั้งฉบับ ส่วนที่โจทก์มีข้อตกลงกับ ก. อย่างไร(โจทก์อ้างว่าชำระหนี้ไม่เต็มจำนวนเงินในเช็ค) นั้น เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับ ก. เมื่อ ก.เป็นผู้ที่นำเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ก. ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คจึงเป็นผู้เสียหายแต่ผู้เดียวโจทก์หาใช่ผู้เสียหายด้วยไม่(โปรดดูคำพิพากษาฎีกาที่ 671/2516 เทียบเคียง)
of 216