พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,151 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1717/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนหนี้ค่าชดเชยจากศูนย์อุตสาหกรรมเหมืองแร่สู่องค์การเหมืองแร่ตามพระราชกฤษฎีกา
โจทก์บรรยายฟ้องว่าองค์การเหมืองแร่จำเลยว่าจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำ ต่อมาได้เลิกจ้างโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย แม้ได้ความตามทางพิจารณาว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของศูนย์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ กรมทรัพยากรธรณีกระทรวงอุตสาหกรรม และถูกเลิกจ้างก่อนที่จะมีการจัดตั้งองค์การจำเลยขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา จัดตั้งองค์การเหมืองแร่ พ.ศ. 2520 ก็ตาม แต่ พระราชกฤษฎีกา ดังกล่าวมาตรา 8 บัญญัติให้ กรมทรัพยากรธรณีดำเนินการโอนกิจการ ทรัพย์สินสิทธิ หนี้และความรับผิดของศูนย์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ให้แก่องค์การจำเลย ดังนี้ หนี้ที่จะต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์จึงโอนมาอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยด้วย จำเลยจึงเข้าใจได้แล้วว่าเป็นการฟ้องให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยที่จำเลยผูกพันต้องชำระตามที่รับโอนมาข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาจึงหาใช่ข้อเท็จจริงนอกฟ้องไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1717/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนหนี้ค่าชดเชยจากศูนย์อุตสาหกรรมเหมืองแร่สู่องค์การเหมืองแร่ตามพระราชกฤษฎีกา
โจทก์บรรยายฟ้องว่าองค์การเหมืองแร่จำเลยว่าจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำ ต่อมาได้เลิกจ้างโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยแม้ได้ความตามทางพิจารณาว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของศูนย์อุตสาหกรรมเหมืองแร่กรมทรัพยากรธรณีกระทรวงอุตสาหกรรม และถูกเลิกจ้างก่อนที่จะมีการจัดตั้งองค์การจำเลยขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา จัดตั้งองค์การเหมืองแร่ พ.ศ. 2520 ก็ตาม แต่ พระราชกฤษฎีกา ดังกล่าวมาตรา 8 บัญญัติให้ กรมทรัพยากรธรณีดำเนินการโอนกิจการ ทรัพย์สินสิทธิ หนี้และความรับผิดของศูนย์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ให้แก่องค์การจำเลย ดังนี้หนี้ที่จะต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์จึงโอนมาอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยด้วย จำเลยจึงเข้าใจได้แล้วว่าเป็นการฟ้องให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยที่จำเลยผูกพันต้องชำระตามที่รับโอนมาข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาจึงหาใช่ข้อเท็จจริงนอกฟ้องไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1716/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีแรงงานเมื่อศาลฎีกาย้อนสำนวน การพิจารณาพยานหลักฐานเดิมและขอบเขตการสืบพยานเพิ่มเติม
โจทก์จำเลยสืบพยานของตนในประเด็นที่ศาลฎีกาย้อนสำนวนมาจนแถลงหมดพยานแล้วการที่ศาลฎีกาพิพากษาว่าให้ศาลแรงงานกลางทำการพิจารณาในประเด็นดังกล่าวและพิพากษาใหม่ตามรูปคดีจึงหมายถึงให้พิจารณาพยานหลักฐานโจทก์จำเลยที่นำสืบกันมาแล้วในสำนวนแล้วพิพากษาใหม่เท่านั้น ที่ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยเสียเองเพราะเป็นกรณีต้องฟังข้อเท็จจริงอยู่ด้วยซึ่งศาลฎีกาจะวินิจฉัยเสียเองมิได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 56 วรรคสอง หาได้แสดงว่าศาลฎีกาประสงค์ให้สืบพยานเพิ่มเติมอีกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1716/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาประเด็นประมาทเลินเล่อในคดีเลิกจ้าง ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนพิจารณาจากพยานเดิมโดยไม่ต้องสืบเพิ่มเติม
โจทก์จำเลยสืบพยานของตนในประเด็นที่ศาลฎีกาย้อนสำนวนมาจนแถลงหมดพยานแล้วการที่ศาลฎีกาพิพากษาว่าให้ศาลแรงงานกลางทำการพิจารณาในประเด็นดังกล่าวและพิพากษาใหม่ตามรูปคดีจึงหมายถึงให้พิจารณาพยานหลักฐานโจทก์จำเลยที่นำสืบกันมาแล้วในสำนวนแล้วพิพากษาใหม่เท่านั้น ที่ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยเสียเองเพราะเป็นกรณีต้องฟังข้อเท็จจริงอยู่ด้วยซึ่งศาลฎีกาจะวินิจฉัยเสียเองมิได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 56 วรรคสอง หาได้แสดงว่าศาลฎีกาประสงค์ให้สืบพยานเพิ่มเติมอีกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะกรรมการผู้จัดการกับการเป็นลูกจ้าง: การพิจารณาความสัมพันธ์ทางแรงงานเมื่อมีพฤติการณ์ปฏิบัติงานที่ไม่เป็นกิจจะลักษณะ
การปฏิบัติงานของ ล. กรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ไม่เป็นกิจจะลักษณะ ไปปฏิบัติงานบ้าง ไม่ปฏิบัติงานบ้าง สุดแท้แต่จะมีสุขภาพดีหรือไม่ ไม่มีหลักเกณฑ์การทำงานแน่นอน แต่อย่างใด แม้เงินเดือนจำน้อย ล. ก็พอใจ เพราะไม่มีเงินก็ขอเอาจากประธานกรรมการบริษัทได้ แสดงว่า ล. เป็นเพียงกรรมการผู้จัดการแต่เพียงในนาม เพราะหาก ล.เป็นลูกจ้างของบริษัทโจทก์ก็จะปฏิบัติตนเช่นนั้นไม่ได้ล. คงเป็นเพียงกรรมการของบริษัทโจทก์ตามมติที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นแต่อย่างเดียว มิได้ตกลงทำงานให้แก่บริษัทโจทก์อีกชั้นหนึ่ง ล. จึงมิใช่ลูกจ้างของบริษัทโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะกรรมการบริษัทที่ไม่ใช่ลูกจ้าง: การพิจารณาจากลักษณะการทำงานและเจตนาในการรับค่าตอบแทน
การปฏิบัติงานของ ล. กรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ไม่เป็นกิจจะลักษณะ ไปปฏิบัติงานบ้าง ไม่ปฏิบัติงานบ้าง สุดแท้แต่จะมีสุขภาพดีหรือไม่ ไม่มีหลักเกณฑ์การทำงานแน่นอน แต่อย่างใดแม้เงินเดือนจำน้อย ล. ก็พอใจ เพราะไม่มีเงินก็ขอเอาจากประธานกรรมการบริษัทได้ แสดงว่า ล. เป็นเพียงกรรมการผู้จัดการแต่เพียงในนาม เพราะหาก ล. เป็นลูกจ้างของบริษัทโจทก์ก็จะปฏิบัติตนเช่นนั้นไม่ได้ ล. คงเป็นเพียงกรรมการของบริษัทโจทก์ตามมติที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นแต่อย่างเดียว มิได้ตกลงทำงานให้แก่บริษัทโจทก์อีกชั้นหนึ่ง ล. จึงมิใช่ลูกจ้างของบริษัทโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1702/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องผิดตัวและการเรียกคู่ความเพิ่มเติม: ศาลไม่อนุญาตเรียกจำเลยร่วมเมื่อไม่มีนิติสัมพันธ์กัน และควรฟ้องคดีใหม่
โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์นั่ง ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะเจ้าของรถยนต์บรรทุกและเป็นนายจ้างของ ส. และฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุก โดยมิได้ฟ้อง ส. คนขับรถยนต์บรรทุกผู้กระทำละเมิด ต่อมาในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์เพิ่งเทราบว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกและเป็นนายจ้างของ ส. จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมโดยอ้างว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ดังนี้ จำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องเดิมกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. ไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน รูปคดีเป็นเรื่องฟ้องผิดตัว โจทก์จะขอให้ศาลหมายเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57 (3) หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1702/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องผิดตัวและการเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม จำเลยร่วมไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยเดิม
โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์นั่ง ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะเจ้าของรถยนต์บรรทุกและเป็นนายจ้างของ ส. และฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุก โดยมิได้ฟ้อง ส. คนขับรถยนต์บรรทุกผู้กระทำละเมิด ต่อมาในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์เพิ่งทราบว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกและเป็นนายจ้างของ ส. จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมโดยอ้างว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ดังนี้ จำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องเดิมกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. ไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน รูปคดีเป็นเรื่องฟ้องผิดตัว โจทก์จะขอให้ศาลหมายเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูป การกระทำเป็นคนละกรรม
จำเลยที่ 1 วานให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 แปรรูปไม้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการในการกระทำความผิดฐานแปรรูปไม้กระทงหนึ่งเมื่อแปรรูปไม้สำเร็จเป็นไม้แปรรูปแล้ว จำเลยที่ 1 มีไม้แปรรูปนั้นไว้จึงเป็นการกระทำต่างกรรมต้องมีความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองอีกกระทงหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1678/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งห้ามชั่วคราวต้องไม่เกินขอบเขตคำฟ้อง การขอห้ามขุดแร่ในที่พิพาทที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นฟ้องเดิมเป็นเรื่องนอกคำขอ
ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทระหว่างจำเลยทั้งสอง และเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับที่พิพาทที่จำเลย ทั้งสองทำไว้ต่อศาล ให้โอนที่พิพาทให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย ที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์ เมื่อคำฟ้องของโจทก์ไม่เกี่ยวกับเหมืองแร่ ในที่พิพาทหรือสิทธิในประทานบัตรของจำเลยที่ 2 โจทก์จะร้องขอให้ ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยทั้งสองและบริวารขุดแร่ในที่พิพาท หาได้ไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ตรงกับการกระทำที่จำเลยถูกฟ้อง เป็นเรื่องนอกคำขอท้ายฟ้อง จำเลยย่อมขอให้ยกเลิกคำสั่งห้ามชั่วคราวของศาลได้