พบผลลัพธ์ทั้งหมด 105 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4641/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์, ข่มขืน, หน่วงเหนี่ยวกักขัง: ผู้เสียหายไม่เต็มใจ การกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียว
ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ยินยอมไปกับจำเลยกับพวกก็เพราะถูกจำเลยกับพวกหลอกลวงว่าจะไปส่ง แต่จำเลยกับพวกกลับพาไปในที่เกิดเหตุแล้วร่วมกันขู่เข็ญฉุดคร่าผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา จึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายเต็มใจไปกับจำเลย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคท้าย
แม้ว่าหลังจากจำเลยกับพวกร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว จำเลยกับพวกจะพาผู้เสียหายไปส่งก็ตาม แต่ก่อนจะไปส่ง จำเลยกับพวกพาผู้เสียหายไปในที่เกิดเหตุและควบคุมผู้เสียหายไว้เพื่อให้จำเลยกับพวกมีโอกาสผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งขณะนั้นผู้เสียหายไม่อยู่ในภาวะที่จะขัดขืนหรือหลบหนีไปได้ ทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 วรรคแรก แต่ความผิดตามมาตรา 310 วรรคแรก กับความผิดตามมาตรา 284 วรรคแรก เป็นการกระทำขณะเดียวกันต่อเนื่องกันไป เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา 284 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทที่หนักที่สุดเพียงบทเดียว
แม้ว่าหลังจากจำเลยกับพวกร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว จำเลยกับพวกจะพาผู้เสียหายไปส่งก็ตาม แต่ก่อนจะไปส่ง จำเลยกับพวกพาผู้เสียหายไปในที่เกิดเหตุและควบคุมผู้เสียหายไว้เพื่อให้จำเลยกับพวกมีโอกาสผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งขณะนั้นผู้เสียหายไม่อยู่ในภาวะที่จะขัดขืนหรือหลบหนีไปได้ ทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 วรรคแรก แต่ความผิดตามมาตรา 310 วรรคแรก กับความผิดตามมาตรา 284 วรรคแรก เป็นการกระทำขณะเดียวกันต่อเนื่องกันไป เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา 284 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทที่หนักที่สุดเพียงบทเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4641/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานพรากผู้เยาว์, ข่มขืน, และหน่วงเหนี่ยวกักขัง โดยหลอกลวงและใช้กำลัง
ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ยินยอมไปกับจำเลยกับพวกก็เพราะถูกจำเลยกับพวกหลอกลวงว่าจะไปส่ง แต่จำเลยกับพวกกลับพาไปในที่เกิดเหตุแล้วร่วมกันขู่เข็ญฉุดคร่าผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา จึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายเต็มใจไปกับจำเลย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318วรรคท้าย
แม้ว่าหลังจากจำเลยกับพวกร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว จำเลยกับพวกจะพาผู้เสียหายไปส่งก็ตาม แต่ก่อนจะไปส่ง จำเลยกับพวกพาผู้เสียหายไปในที่เกิดเหตุและควบคุมผู้เสียหายไว้เพื่อให้จำเลยกับพวกมีโอกาสผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งขณะนั้นผู้เสียหายไม่อยู่ในภาวะที่จะขัดขืนหรือหลบหนีไปได้ ทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 วรรคแรกแต่ความผิดตามมาตรา310 วรรคแรก กับความผิดตามมาตรา 284 วรรคแรก เป็นการกระทำขณะเดียวกันต่อเนื่องกันไป เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา284 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทที่หนักที่สุดเพียงบทเดียว.
แม้ว่าหลังจากจำเลยกับพวกร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้ว จำเลยกับพวกจะพาผู้เสียหายไปส่งก็ตาม แต่ก่อนจะไปส่ง จำเลยกับพวกพาผู้เสียหายไปในที่เกิดเหตุและควบคุมผู้เสียหายไว้เพื่อให้จำเลยกับพวกมีโอกาสผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งขณะนั้นผู้เสียหายไม่อยู่ในภาวะที่จะขัดขืนหรือหลบหนีไปได้ ทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 วรรคแรกแต่ความผิดตามมาตรา310 วรรคแรก กับความผิดตามมาตรา 284 วรรคแรก เป็นการกระทำขณะเดียวกันต่อเนื่องกันไป เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา284 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทที่หนักที่สุดเพียงบทเดียว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำร้องทุกข์ในคดีความผิดทางเพศและการพิจารณาอำนาจฟ้องของศาล
ศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนตามกันมาให้ลงโทษจำคุกจำเลยฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร กระทำอนาจาร ข่มขืนใจผู้อื่น และหน่วงเหนี่ยวกักขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278,281,284,309และ 310 กับฐานมีและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7,8 ทวิ,72 และ 72 ทวิ รวม 3 กระทงเรียงกระทงลงโทษ กระทงละไม่เกิน 5 ปี โดยเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278,281,284,309,310 เป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 284 ซึ่งเป็นบทหนัก คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยอุทธรณ์และอ้างว่า ผู้เสียหายยื่นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์สำหรับความผิดต่อส่วนตัวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 แล้ว ซึ่งถ้าเป็นความจริง โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดดังกล่าว แต่โจทก์มิได้รับรองว่าเป็นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายที่แท้จริง ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสอบถามผู้เสียหายเพื่อให้ยืนยันคำแถลงดังกล่าว จึงเป็นการมิชอบ.
จำเลยอุทธรณ์และอ้างว่า ผู้เสียหายยื่นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์สำหรับความผิดต่อส่วนตัวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 แล้ว ซึ่งถ้าเป็นความจริง โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดดังกล่าว แต่โจทก์มิได้รับรองว่าเป็นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายที่แท้จริง ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสอบถามผู้เสียหายเพื่อให้ยืนยันคำแถลงดังกล่าว จึงเป็นการมิชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายมีผลต่ออำนาจฟ้องคดีอาญาหรือไม่ ศาลต้องสอบถามความจริงก่อนพิพากษา
ศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนตามกันมาให้ลงโทษจำคุกจำเลยฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร กระทำอนาจาร ข่มขืนใจผู้อื่น และหน่วงเหนี่ยวกักขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278, 281, 284, 309และ 310 กับฐานมีและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7, 8 ทวิ, 72 และ 72 ทวิ รวม 3 กระทง เรียงกระทงลงโทษ กระทงละไม่เกิน 5 ปี โดยเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278, 281, 284, 309, 310 เป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 284 ซึ่งเป็นบทหนัก คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยอุทธรณ์และอ้างว่า ผู้เสียหายยื่นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์สำหรับความผิดต่อส่วนตัวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 แล้ว ซึ่งถ้าเป็นความจริง โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดดังกล่าว แต่โจทก์มิได้รับรองว่าเป็นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายที่แท้จริง ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสอบถามผู้เสียหายเพื่อให้ยืนยันคำแถลงดังกล่าว จึงเป็นการมิชอบ
จำเลยอุทธรณ์และอ้างว่า ผู้เสียหายยื่นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์สำหรับความผิดต่อส่วนตัวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 แล้ว ซึ่งถ้าเป็นความจริง โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดดังกล่าว แต่โจทก์มิได้รับรองว่าเป็นคำแถลงขอถอนคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายที่แท้จริง ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสอบถามผู้เสียหายเพื่อให้ยืนยันคำแถลงดังกล่าว จึงเป็นการมิชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4502/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฉุดกระชากพาไปเพื่อการอนาจาร ความร่วมมือในการกระทำผิด
จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันฉุดโจทก์ร่วมที่ 3 จากรถยนต์ที่โจทก์ร่วมที่ 3 โดยสารอยู่ พาไปขึ้นรถยนต์ปิคอัพซึ่งเตรียมไว้ไปเพื่อการอนาจาร การกระทำผิดของจำเลยที่ 1หาได้สำเร็จเด็ดขาดเพียงพาโจทก์ร่วมที่ 3 ขึ้นรถยนต์ปิคอัพไม่แต่การพาโจทก์ร่วมที่ 3 ไปดังกล่าว ยังคงเป็นความผิดตลอดเวลาที่พาไป จำเลยที่ 2 ได้วิ่งออกมาจากบ้านพักยามชลประทานใกล้ที่เกิดเหตุ แล้วกระโดดขึ้นรถยนต์ปิคอัพไปกับจำเลยที่ 1 พาโจทก์ร่วมที่ 3 ไปที่บ้าน ม. น้องเขยจำเลยที่ 2 ระหว่างอยู่ที่บ้านม. จำเลยที่ 2 ร่วมเฝ้าโจทก์ร่วมที่ 3 มิให้ออกไปไหน เป็นการแบ่งหน้าที่กับจำเลยที่ 1 ทำตลอดเวลาที่พาโจทก์ร่วมที่ 3 ไปจำเลยที่ 2 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 284,83
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4194/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย ศาลลงโทษเฉพาะบทหนัก
จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายฉุดผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารแล้วจำเลยได้กระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายในขณะเดียวกัน ทั้งนี้ก็โดยมีเจตนาอันแท้จริงเพียงอย่างเดียวคือจะกระทำอนาจารผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทคือประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278,284 ต้องลงโทษตามมาตรา 284 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดแม้โจทก์จะแยกบรรยายการกระทำความผิดดังกล่าวของจำเลยมาในฟ้องเป็นข้อก.และข้อ ค. เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันและจำเลยให้การรับสารภาพศาลจะลงโทษจำเลยหลายกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4194/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การฉุดกระชากเพื่ออนาจารและการกระทำอนาจารเป็นกรรมเดียว
จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายฉุดผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารแล้วจำเลยได้กระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายในขณะเดียวกัน ทั้งนี้ก็โดยมีเจตนาอันแท้จริงเพียงอย่างเดียวคือจะกระทำอนาจารผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทคือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278, 284 ต้องลงโทษตามมาตรา 284 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดแม้โจทก์จะแยกบรรยายการกระทำความผิดดังกล่าวของจำเลยมาในฟ้องเป็นข้อ ก.และข้อ ค. เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันและจำเลยให้การรับสารภาพศาลจะลงโทษจำเลยหลายกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3279/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพรากผู้เยาว์, ข่มขืนกระทำชำเรา, ฆ่าเพื่อปกปิดความผิด และการสนับสนุนความผิด
โจทก์มีพยานเห็นเพียงจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่1 และพวกฉุดผู้ตายลงจากรถจักรยานพาเข้าไปข้างทางแต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 พรากผู้เยาว์ข่มขืนกระทำชำเราและฆ่าผู้ตายเพื่อปกปิดความผิดและสถานที่ซึ่งผู้ตายถูกข่มขืนกระทำชำเราอยู่ต่อเนื่องกับสถานที่ซึ่งจำเลยที่ 2 กับพวกฉุดผู้ตายลงจากรถเช่นนี้แม้หลังจากนั้นโจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยที่ 2เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำของจำเลยที่1กับพวกอีก มีแต่คำรับของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วยกัน และจำเลยที่ 2 ปฏิเสธข้อหาตามฟ้องโจทก์มาแต่แรกก็ตาม พยานหลักฐานโจทก์ก็ยังคง ฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 พรากผู้ตาย ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร และสนับสนุนการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราแล้ว
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้วจะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 อีกไม่ได้
จำเลยมีความผิด 3 กระทงตามมาตรา 318 วรรคสาม,276 วรรคสอง และ 289(7) ถูกจำคุก 4 ปี,33 ปี 4เดือน และตลอดชีวิตตามลำดับ เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91ที่แก้ไขแล้ว
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้วจะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 อีกไม่ได้
จำเลยมีความผิด 3 กระทงตามมาตรา 318 วรรคสาม,276 วรรคสอง และ 289(7) ถูกจำคุก 4 ปี,33 ปี 4เดือน และตลอดชีวิตตามลำดับ เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91ที่แก้ไขแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3279/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการพรากผู้เยาว์, ข่มขืน, และฆ่าเพื่อปกปิดความผิด การลงโทษผู้กระทำผิดและผู้สนับสนุน
โจทก์มีพยานเห็นเพียงจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และพวกฉุดผู้ตายลงจากรถจักรยานพาเข้าไปข้างทาง แต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 พรากผู้เยาว์ ข่มขืนกระทำชำเราและฆ่าผู้ตายเพื่อปกปิดความผิด และสถานที่ซึ่งผู้ตายถูกข่มขืนกระทำชำเราอยู่ต่อเนื่องกับสถานที่ซึ่งจำเลยที่ 2 กับพวกฉุดผู้ตายลงจากรถเช่นนี้แม้หลังจากนั้นโจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยที่ 2 เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำของจำเลยที่ 1 กับพวกอีกมีแต่คำรับของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วยกันและจำเลยที่ 2 ปฏิเสธข้อหาตามฟ้องโจทก์มาแต่แรกก็ตามพยานหลักฐานโจทก์ก็ยังคง ฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 พรากผู้ตาย ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร และสนับสนุนการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราแล้ว
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้วจะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 93 อีกไม่ได้
จำเลยมีความผิด 3 กระทงตามมาตรา 318 วรรคสาม, 276 วรรคสองและ 289 (7) ถูกจำคุก 4 ปี, 33 ปี 4 เดือน และตลอดชีวิตตามลำดับเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขแล้ว
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้วจะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 93 อีกไม่ได้
จำเลยมีความผิด 3 กระทงตามมาตรา 318 วรรคสาม, 276 วรรคสองและ 289 (7) ถูกจำคุก 4 ปี, 33 ปี 4 เดือน และตลอดชีวิตตามลำดับเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2010/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพาหญิงไปเพื่ออนาจาร, ทำให้เสรีภาพถูกจำกัด, และการใช้กฎหมายโทษหนักที่สุด
จำเลยฎีกาประสงค์จะให้ศาลฎีการับฟังข้อเท็จจริงว่าเหตุเกิดตามวันเวลาที่ผู้เสียหายเบิกความซึ่งแตกต่างไปจากที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาดังนี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284,309,310 ว่าเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทอันเป็นการแก้ไขเล็กน้อยเมื่อ ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานนี้ไม่เกิน 5 ปีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนขู่เข็ญและใช้กำลังฉุดผู้เสียหายจากในซอย ให้ขึ้นรถยนต์แล้วพาไปถึงโรงแรมแต่ผู้เสียหายหนีออกมาได้ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียววาระเดียวโดยมีเจตนาเพียงอย่างเดียวคือการพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารเท่านั้น แต่โดยลักษณะของการกระทำคือ การบังคับพาเอาตัวผู้เสียหายจากที่แห่งหนึ่งไปยังที่อีกแห่งหนึ่งเช่นนี้ ย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 และ 310 อยู่ในตัวการกระทำความผิดของจำเลยในส่วนนี้จึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288เนื่องจากการพิมพ์ผิดพลาดไป ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2525 มาตรา4 มาด้วยตามคำขอของโจทก์นั้นปรากฏว่าจำเลยกระทำความผิดก่อนที่กฎหมายฉบับนี้จะออกมามีผลบังคับใช้โดย เพิ่มอัตราโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 ให้สูงขึ้นกฎหมายฉบับนี้จึงเป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิด และมิได้เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดจะนำมาปรับบทลงโทษจำเลยด้วยหาได้ไม่เมื่อศาลอุทธรณ์มิได้แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นในเรื่องนี้ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข ให้ถูกต้อง