พบผลลัพธ์ทั้งหมด 128 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 278-279/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมและควบคุมตัวโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายและการปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานเข้าไปค้นกุฏิของโจทก์ที่ 1 โดยไม่มีหมายค้นค้นไม่พบของผิดกฎหมาย แล้วคุมตัวโจทก์ทั้งสองไปสถานีตำรวจโดยไม่มีหมายจับไม่แจ้งข้อหา โดยโจทก์ทั้งสองไม่เต็มใจไป เมื่อไปถึงสถานีตำรวจก็กำหนดให้นั่งจนถึงเวลา 14 นาฬิกาจึงให้กลับได้ พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการจับโดยไม่มีอำนาจจะทำได้ ซึ่งอาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 ได้ แต่กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 309เพราะเป็นการที่โจทก์ทั้งสองถูกจับพาไป มิใช่ถูกจำเลยข่มขืนใจให้ไปโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง เกียรติยศ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีฟ้องเท็จเป็นคดีอาญาแผ่นดิน สัญญาประนีประนอมยอมความใช้ไม่ได้ ผู้ถูกฟ้องเป็นผู้เสียหายฟ้องได้
คดีความผิดฐานฟ้องเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175เป็นคดีอาญาแผ่นดิน มิใช่ความผิดต่อส่วนตัวหรือความผิดอันยอมความได้ คดีอาญาที่จะระงับไปเพราะการยอมความนั้นมีได้เฉพาะแต่ความผิดต่อส่วนตัว ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 39(2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ฉะนั้นแม้โจทก์จำเลยจะได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อกันไว้ก็ไม่ทำให้คดีซึ่งมีข้อหาดังกล่าวข้างต้นระงับไป
จำเลยนำความเท็จมาฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญา ถึงแม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องก็ตาม แต่โจทก์ผู้ถูกฟ้องย่อมได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยแล้ว โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย และคำฟ้องในคดีดังกล่าวนั้นถือได้ว่าเป็นฟ้องโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานฟ้องเท็จ
คดีที่คู่ความฎีกาได้แต่เฉพาะข้อกฎหมาย ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิด และรอการลงโทษให้แก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
จำเลยนำความเท็จมาฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญา ถึงแม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องก็ตาม แต่โจทก์ผู้ถูกฟ้องย่อมได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยแล้ว โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย และคำฟ้องในคดีดังกล่าวนั้นถือได้ว่าเป็นฟ้องโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานฟ้องเท็จ
คดีที่คู่ความฎีกาได้แต่เฉพาะข้อกฎหมาย ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิด และรอการลงโทษให้แก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษายกฟ้องคดีอาญา แม้ยังไม่ได้ไต่สวนมูลฟ้อง หากโจทก์ไม่สามารถนำสืบพยานหลักฐานได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 167 บัญญัติว่า'ถ้าปรากฏว่าคดีมีมูลให้ศาลประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไปเฉพาะกระทงที่มีมูล ถ้าคดีไม่มีมูล ให้พิพากษา ยกฟ้อง' คำว่า ถ้าคดีไม่มีมูลให้พิพากษายกฟ้อง นั้น มิได้หมายความว่าศาลจะฟังพยานหลักฐานจากการ ไต่สวนมูลฟ้องแต่เพียงอย่างเดียว กรณีที่โจทก์ไม่สามารถนำพยานมาไต่สวนเพื่อวินิจฉัยถึงมูลคดีซึ่งจำเลยต้องหาก็ถือได้ว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 167 เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษายกฟ้องคดีอาญาเมื่อโจทก์ไม่สามารถนำพยานมาไต่สวนได้ ศาลพิจารณาจากเหตุผลที่โจทก์ไม่มีมูลคดีได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 167 บัญญัติว่า'ถ้าปรากฏว่าคดีมีมูลให้ศาลประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไปเฉพาะกระทงที่มีมูล ถ้าคดีไม่มีมูล ให้พิพากษา ยกฟ้อง'คำว่า ถ้าคดีไม่มีมูลให้พิพากษายกฟ้อง นั้น มิได้หมายความว่าศาลจะฟังพยานหลักฐานจากการ ไต่สวนมูลฟ้องแต่เพียงอย่างเดียวกรณีที่โจทก์ไม่สามารถนำพยานมาไต่สวนเพื่อวินิจฉัยถึงมูลคดีซึ่งจำเลยต้องหาก็ถือได้ว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 167 เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่มีวันที่ออก ไม่ถือเป็นความผิดอาญา
การที่จำเลยออกเช็คโดยไม่ลงวันเดือนปีที่ออกเช็คย่อมถือได้ว่าไม่มีวันที่ผู้ออกเช็คกระทำผิด แม้จำเลยได้ตกลงกำหนดวันเดือนปีที่ผู้ทรงเช็คจะนำเช็คไปเบิกเงินจากธนาคารไว้แน่นอน โจทก์ผู้ทรงเช็คได้นำเช็คไปเบิกเงินจากธนาคารตามวันที่ตกลงกัน และเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ลงวันเดือนปีตามที่โจทก์ยื่นเช็ค ก็เป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ธนาคารลงวันออกเช็คไปตามอำนาจของโจทก์ ที่โจทก์มีอยู่ตามกฎหมายในฐานะเป็นผู้ทรงเช็ค มีผลเพียงให้เช็คนั้นมีรายการสมบูรณ์ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลที่จะปรับเป็นความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้ไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว (ประชุมใหญ่ครั้งที่2/2524)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2737/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กระบวนการพิจารณาเบิกความเท็จ: ศาลอุทธรณ์สั่งให้วินิจฉัยความเท็จ แต่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตาม
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่าข้อความที่จำเลยเบิกความมิใช่ข้อสำคัญในคดี พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อความที่จำเลยเบิกความเป็นข้อสำคัญแต่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยว่าข้อความเหล่านั้นมีมูลเป็นความเท็จหรือไม่ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วมิได้วินิจฉัยพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง กลับหมายเรียกจำเลยแก้คดีมิได้ประทับฟ้อง แล้วสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นด้วย คำพิพากษาศาลชั้นต้นฉบับที่ 2 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับที่ 2 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับที่ 2 คำพิพากษาศาลชั้นต้นฉบับที่ 2 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2737/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กระบวนการพิจารณาเบิกความเท็จ: ศาลอุทธรณ์สั่งให้วินิจฉัยความเท็จ แต่ศาลชั้นต้นกลับสืบพยาน ทำให้กระบวนการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่าข้อความที่จำเลยเบิกความมิใช่ข้อสำคัญในคดี พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อความที่จำเลยเบิกความเป็นข้อสำคัญแต่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยว่าข้อความเหล่านั้นมีมูลเป็นความเท็จหรือไม่ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วมิได้วินิจฉัยพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง กลับหมายเรียกจำเลยแก้คดีโดยมิได้ประทับฟ้องแล้วสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นคำพิพากษาศาลชั้นต้นฉบับที่ 2 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับที่ 2ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับที่ 2 คำพิพากษาศาลชั้นต้นฉบับที่ 2 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฉบับแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2110/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จเกี่ยวกับวันที่ในเช็คไม่เป็นเหตุให้ความผิดอาญาตาม พ.ร.บ. เช็ค หากเป็นเพียงการทำให้รายการในเช็คสมบูรณ์เพื่อฟ้องคดีแพ่ง
ในคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ จำเลยเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่าโจทก์ผู้ออกเช็คไม่ได้ลงวันที่ในเช็คจำเลยให้เสมียนลงวันที่ออกเช็คเป็นวันที่ 15 มิถุนายน2522 ตามที่โจทก์มีจดหมายบอกให้นำเช็คไปขึ้นเงินคำเบิกความของจำเลยดังกล่าวแสดงชัดว่า วันที่ไม่ได้ลงในเช็คที่โจทก์สั่งจ่ายชำระหนี้จำเลย และจำเลยผู้ทรงจดวันที่ลงเอง จะเป็นวันที่ซึ่งตกลงกันโดยโจทก์เขียนจดหมายมาบอกจริงหรือไม่ ก็มีผลเพียงให้รายการในเช็คสมบูรณ์เพื่อฟ้องคดีแพ่งเท่านั้น ไม่มีผลเป็นความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯดังนั้นคำเบิกความของจำเลยที่ว่าโจทก์มีจดหมายบอกให้นำเช็คไปขึ้นเงิน หากจะเป็นเท็จก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีดังกล่าวจำเลยไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จ คดีโจทก์ไม่มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2110/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จเกี่ยวกับวันที่ในเช็ค ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีอาญา
ในคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ จำเลยเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่าโจทก์ผู้ออกเช็คไม่ได้ลงวันที่ในเช็ค จำเลยให้เสมียนลงวันที่ออกเช็คเป็นวันที่ 15 มิถุนายน 2522 ตามที่โจทก์มีจดหมายบอกให้นำเช็คไปขึ้นเงิน คำเบิกความของจำเลยดังกล่าวแสดงชัดว่า วันที่ไม่ได้ลงในเช็คที่โจทก์สั่งจ่ายชำระหนี้จำเลย และจำเลยผู้ทรงจดวันที่ลงเอง จะเป็นวันที่ซึ่งตกลงกันโดยโจทก์เขียนจดหมายมาบอกจริงหรือไม่ ก็มีผลเพียงให้รายการในเช็คสมบูรณ์เพื่อฟ้องคดีแพ่งเท่านั้นไม่มีผลเป็นความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ดังนั้น คำเบิกความของจำเลยที่ว่าโจทก์มีจดหมายบอกให้นำเช็คไปขึ้นเงิน หากจะเป็นเท็จก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีดังกล่าว จำเลยไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จ คดีโจทก์ไม่มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลทหารคดีความมั่นคงและผลของประกาศคณะปฏิวัติ แม้มีรัฐธรรมนูญ
การที่ศาลได้รับคำฟ้องไว้เพื่อไต่สวนมูลฟ้องนั้น ไม่จำเป็นจะต้องสืบพยานหรือต้องวินิจฉัยว่าฟ้องมีมูลหรือไม่เสมอไป ถ้าศาลเห็นว่าเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ชอบที่จะงดการไต่สวนมูลฟ้องและพิพากษายกฟ้องได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยโฆษณาหรือประกาศให้บุคคลอื่นประทุษร้ายต่อชีวิตโจทก์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85และมีคำขอท้ายฟ้องโดยอ้างมาตรา 288 มาด้วย ต้องถือว่า โจทก์มีความประสงค์ให้ลงโทษตามมาตรา 288 เพราะตามมาตรา 85 นั้น เมื่อจะใช้ก็ต้องโยงไปประกอบมาตรา 288 ด้วย ดังนั้น เมื่อเหตุในคดีนี้เกิดขึ้นระหว่างที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก และความผิดตามมาตรา 288 อยู่ในอำนาจของศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษา คดีนี้จึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลอาญา
เมื่อคณะปฏิวัติหรือคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินได้เป็นผลสำเร็จ หัวหน้าคณะปฏิวัติหรือหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินย่อมมีอำนาจออกประกาศ หรือคำสั่งอันถือว่าเป็นกฎหมายใช้บังคับแก่ประชาชนได้ แม้จะมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยประกาศใช้แล้วก็ตาม แต่เมื่อไม่มีกฎหมายยกเลิกประกาศหรือคำสั่งดังกล่าวประกาศหรือคำสั่งนั้นก็ยังคงเป็นกฎหมายใช้บังคับอยู่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยโฆษณาหรือประกาศให้บุคคลอื่นประทุษร้ายต่อชีวิตโจทก์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85และมีคำขอท้ายฟ้องโดยอ้างมาตรา 288 มาด้วย ต้องถือว่า โจทก์มีความประสงค์ให้ลงโทษตามมาตรา 288 เพราะตามมาตรา 85 นั้น เมื่อจะใช้ก็ต้องโยงไปประกอบมาตรา 288 ด้วย ดังนั้น เมื่อเหตุในคดีนี้เกิดขึ้นระหว่างที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก และความผิดตามมาตรา 288 อยู่ในอำนาจของศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษา คดีนี้จึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลอาญา
เมื่อคณะปฏิวัติหรือคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินได้เป็นผลสำเร็จ หัวหน้าคณะปฏิวัติหรือหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินย่อมมีอำนาจออกประกาศ หรือคำสั่งอันถือว่าเป็นกฎหมายใช้บังคับแก่ประชาชนได้ แม้จะมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยประกาศใช้แล้วก็ตาม แต่เมื่อไม่มีกฎหมายยกเลิกประกาศหรือคำสั่งดังกล่าวประกาศหรือคำสั่งนั้นก็ยังคงเป็นกฎหมายใช้บังคับอยู่