คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สง่า อำพันแสง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 161 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3073/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญา มาตรา 157 ต้องระบุเจตนาทำให้เสียหาย และการใส่ความต้องมีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาท
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แต่มิได้บรรยายฟ้องว่า การที่จำเลยปฏิบัติหน้าที่โดย มิชอบนั้น จำเลยกระทำลงด้วยเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ อันเป็นองค์ประกอบความผิดประการหนึ่งด้วย คำฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับ ข้อหานี้จึงไม่สมบูรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
แม้ข้อความที่จำเลยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ผิดพลาดไม่ถูกต้อง แต่ข้อความนั้นก็ไม่มีลักษณะเป็นการใส่ความโจทก์ที่จำเลยกล่าวถึง วัว ควายและช้าง ก็กล่าวในทำนองเปรียบเทียบว่า โจทก์จะร้องเรียน ให้ความจริงเป็นอย่างอื่นย่อมเป็นไปไม่ได้เท่านั้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการ หมิ่นประมาทโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2954/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสิทธิครอบครองที่ดินเนื่องจากการทิ้งร้างและการครอบครองของผู้อื่น
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์ไม่ได้เข้ายึดถือครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ระหว่างปี พ.ศ. 2506-2507 ถึงปัจจุบัน และฝ่ายจำเลยบางคนเข้าไปยึดถือครอบครองปลูกผักมา 8-9 ปีแล้ว เช่นนี้ การครอบครองของโจทก์ย่อมสิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 วรรคแรก โจทก์จึงไม่ใช่เจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ การที่โจทก์ยอมออกจากที่พิพาทโดยเชื่อคำบอกกล่าวของเจ้าพนักงานว่า เป็นที่สาธารณะตั้งแต่ก่อนฟ้องคดีนี้เป็นเวลาถึง 10 ปีเศษ ถือไม่ได้ว่ามีเหตุอันมีสภาพเป็นเหตุชั่วคราวมาขัดขวางการครอบครองยึดถือทรัพย์สินของโจทก์ ตามมาตรา 1377 วรรคสอง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า กรณีนี้ต้องนำกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จมาใช้บังคับนั้นโจทก์มิได้ตั้งประเด็นมาในคำฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่บ้าน ที่สวนตามกฎหมายดังกล่าว กรณีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนอันจะอยู่ในบังคับของกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2954/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสิทธิครอบครองที่ดินเนื่องจากขาดการครอบครองต่อเนื่องและการเข้าครอบครองของผู้อื่น
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์ไม่ได้เข้ายึดถือครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ระหว่างปี พ.ศ. 2506 - 2507 ถึงปัจจุบัน และฝ่ายจำเลยบางคนเข้าไปยึดถือครอบครองปลูกผักมา 8 - 9 ปีแล้ว เช่นนี้ การครอบครองของโจทก์ย่อมสิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 วรรคแรก โจทก์จึงไม่ใช่เจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ การที่โจทก์ยอมออกจากที่พิพาทโดยเชื่อคำบอกล่าวของเจ้าพนักงานว่าเป็นที่สาธารณะตั้งแต่ก่อนฟ้องคดีนี้เป็นเวลาถึง 10 ปีเศษ ถือไม่ได้ว่ามีเหตุอันมีสภาพเป็นเหตุชั่วคราวมาขัดขวางการครอบครองยึดถือทรัพย์สินของโจทก์ ตามมาตรา 1377 วรรคสอง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า กรณีนี้ต้องนำกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จมาใช้บังคับนั้น โจทก์มิได้ตั้งประเด็นมาให้คำฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่บ้าน ที่สวนตามกฎหมายดังกล่าว กรณีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึงว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนอันจะอยู่ในบังคับของกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2953/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดกและการสละที่ดินทำถนนร่วมกัน ผู้จัดการมรดกมีอำนาจฟ้องได้
ป. บ. และ ส. กับจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน ได้จัดแบ่งที่ดินมรดกและตกลงให้มีการทำถนนเพื่อให้ผู้เป็นเจ้าของที่ดินด้านในๆ มีทางออกสู่ถนนได้กับตกลงกำหนดแนวทางที่จะทำถนนไว้แล้ว ป.บ. และ ส.เป็นโจทก์โดยป.และบ.มอบอำนาจให้ส. ฟ้อง อ้างว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงโดยไม่ยอมสละที่ดินให้ทำถนนอันเป็นการฟ้องให้สละที่ดินทำถนนเพื่อทายาทอื่นใช้ร่วมกันตามข้อตกลงแบ่งมรดกตามที่ ป. บ. และ ส. ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกเห็นพ้องต้องกัน ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการมรดกร่วมกันนั่นเอง ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผู้จัดการมรดกตั้งตัวแทนให้จัดการมรดกรายนี้โดยไม่มีอำนาจอันจะเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1723

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2953/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องจัดการมรดก: การจัดการมรดกโดยผู้จัดการร่วมกันย่อมมีอำนาจฟ้องได้ ไม่ถือเป็นการตั้งตัวแทน
ป. บ. และ ส. กับจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน ได้จัดแบ่งที่ดินมรดกและตกลงให้มีการทำถนนเพื่อให้ผู้เป็นเจ้าของที่ดินด้านในๆ มีทางออกสู่ถนนได้กับตกลงกำหนดแนวทางที่จะทำถนนไว้แล้ว ป. บ. และ ส. เป็นโจทก์โดย ป. และ บ. มอบอำนาจให้ ส. ฟ้อง อ้างว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงโดยไม่ยอมสละที่ดินให้ทำถนน อันเป็นการฟ้องให้สละที่ดินทำถนนเพื่อทายาทอื่นใช้ร่วมกันตามข้อตกลงแบ่งมรดกตามที่ ป. บ. และ ส. ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกเห็นพ้องต้องกัน ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการมรดกร่วมกันนั่นเองไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผู้จัดการมรดกตั้งตัวแทนให้จัดการมรดกรายนี้โดยไม่มีอำนาจ อันจะเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1723

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2947/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเจ้าหน้าที่ที่ดิน, ผู้รับซื้อฝาก และการประมาทเลินเล่อในการจดทะเบียนสิทธิที่ดิน
จำเลยที่ 2 ผู้ช่วยหัวหน้าเขตที่ดินมีหน้าที่สอบสวนการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้แทนของกรมที่ดินจำเลยที่ 3 เมื่อจำเลยที่ 2ตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ ของผู้ขายฝากโดยประมาทเลินเล่อจึงไม่ทราบว่าผู้ขายฝากไม่ใช่เจ้าของที่ดินและรับจดทะเบียนขายฝากไปทำให้โจทก์ผู้รับซื้อฝากเสียหาย จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วย
โจทก์รับซื้อฝากที่ดิน โดยไม่ได้สืบสวนว่าจำเลยที่ 1เป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนดหรือไม่ แต่ให้คำรับรองต่อจำเลยที่ 2 ว่าโจทก์ติดต่อกับเจ้าของที่ดินโดยตรง หากเกิดความผิดพลาดโจทก์ขอรับผิดชอบเอง ถือได้ว่าโจทก์มีส่วนส่งเสริมให้จำเลยที่ 2ประมาทนับว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อด้วยควรร่วมรับผิดในผลละเมิดเป็นจำนวนหนึ่งในห้า
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามให้ร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิด กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 รับผิดน้อยลง ศาลฎีกาพิพากษาให้มีผลตลอดถึงจำเลยที่ 1 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2937/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของบุคคลภายนอกในสัญญาและการชดใช้ค่าเสียหายจากการผิดสัญญาเช่าซื้อ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับจำเลยที่ 3 ที่ 4 ทำสัญญากันให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 ปลูกตึกแถวในที่ดินของจำเลยที่ 1 ที่ 2 แล้วให้ตึกแถวนั้นตกเป็นกรรมสิทธิ์ ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยอมให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 มีสิทธิเรียกเงินช่วยค่าก่อสร้างจากผู้ขอเช่า และจำเลยที่ 1 ที่ 2 จะทำสัญญาเช่าให้มีกำหนด 10 ปี สัญญานี้เป็นสัญญาที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ตกลงจะชำระหนี้แก่บุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374วรรคหนึ่งและตามวรรคสองเมื่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้แสดงเจตนาถือเอาประโยชน์จากสัญญาดังกล่าวต่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 แล้ว จำเลยทั้งสี่ก็หาอาจเปลี่ยนแปลงหรือระงับสิทธิของโจทก์ได้ไม่ การที่ จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ส่งมอบตึกแถวพิพาท และไม่ทำสัญญาเช่าให้โจทก์แต่กลับไปทำสัญญาเช่ากับผู้อื่น จำเลยทั้งสี่ก็ต้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่การที่จำเลยที่ 3 ที่ 4 เรียกเงินช่วยค่าก่อสร้างจากโจทก์จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดคืนเงินจำนวนนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2932/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความโกงเจ้าหนี้: ตัวแทนรู้เรื่อง-รายงานนาย = โจทก์รู้ความผิด
การที่ ก. ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จำเลยในคดีล้มละลาย ได้รู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการที่จำเลยร่วมกันจำหน่ายทรัพย์ไปในราคาที่ต่ำมาก ทำให้โจทก์เกิดความเสียหายและได้ขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินคดีกับฝ่ายจำเลยแสดงว่าโจทก์ได้ทราบเรื่องการจำหน่ายทรัพย์รายนี้แล้วและจะอ้างว่าการกระทำผิดฐานโกงเจ้าหนี้ต่อโจทก์ เป็นเรื่องนอกขอบเขตวัตถุประสงค์ของการมอบอำนาจไม่ได้เพราะ ก. เป็นตัวแทนกระทำการแทนโจทก์ทั้งสิ้น จะแยกฟังเฉพาะเรื่องที่เป็นคุณต่อโจทก์โจทก์จึงทราบ ส่วนเรื่องที่เป็นผลร้ายแก่โจทก์โจทก์ไม่ทราบ เป็นการผิดวิสัยและขัดต่อเหตุผล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2919/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของตัวแทนและความรับผิดทางละเมิด: การเปลี่ยนแปลงตัวแทนและการฟ้องร้องที่ไม่ชัดเจน
แม้โจทก์จะมีสัญญากับบริษัท พ. ให้โจทก์แต่ผู้เดียวเป็นผู้จำหน่ายและผูกขาดการนำสินค้าของบริษัท พ. เข้ามาในประเทศไทย แต่ต่อมาบริษัท พ. ได้มอบหมายให้จำเลยเป็นตัวแทนเกี่ยวกับสินค้าดังกล่าวแทนโจทก์แล้ว ดังนั้นจึงถือไม่ได้ว่าการที่จำเลยสั่งสินค้าดังกล่าวเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ หากสัญญาระหว่างโจทก์กับบริษัท พ. ยังมีผลบังคับและโจทก์ได้รับความเสียหายก็อาจเป็นเรื่องผิดสัญญาที่โจทก์ชอบที่จะว่ากล่าวเอากับบริษัท พ. ซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยตรง
โจทก์อ้างว่าจำเลยร่วมกันใส่ร้ายโจทก์ต่อบริษัท พ. เพื่อให้บริษัท พ. ตั้งจำเลยเป็นตัวแทนในประเทศไทยแทนโจทก์ แต่มิได้บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าจำเลยใส่ความโจทก์อย่างไรคำฟ้องในเรื่องนี้จึงเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2874/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์โดยสุจริต แม้ทราบการซื้อขายแล้ว หากมีเหตุเชื่อว่ามีการฉ้อฉล ไม่เป็นละเมิด
แม้จำเลยที่ 2 รู้ว่า พ. ขายทรัพย์พิพาทให้โจทก์แล้ว แต่เมื่อมีเหตุผลให้จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่า พ. สมคบกับโจทก์ฉ้อฉลจำเลยการที่จำเลยนำยึดทรัพย์พิพาทในการบังคับคดีจึงเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์
of 17