คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อัมพล สุวรรณภักดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 395 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2051/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ดินและสถานีขนส่ง: สัญญาไม่สมบูรณ์หากยังไม่มีสัญญาเป็นหนังสือกับกรมการขนส่งทางบก
โจทก์ยื่นข้อเสนอต่อจำเลยให้ใช้ที่ดินที่โจทก์มีสิทธิเช่าเป็นที่ก่อสร้างสถานีจอดรถยนต์โดยสารประจำจังหวัด จำเลยนำเรื่องเสนอที่ประชุมคณะอนุกรรมการควบคุมการขนส่งประจำจังหวัด คณะอนุกรรมการเห็นชอบ จำเลยจึงเสนอเรื่องต่อไปยังกรมการขนส่งทางบกกรมการขนส่งทางบกพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วย จึงมีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยให้ดำเนินการแจ้งให้โจทก์ไปทำสัญญากับกรมการขนส่งทางบก ดังนี้ กรณีต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 366 ตราบใดที่โจทก์ยังมิได้ทำสัญญากับกรมการขนส่งทางบกตามที่กรมการขนส่งทางบกประสงค์จะให้ทำสัญญาเป็นหนังสือตามที่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยก็ยังไม่เกิดขึ้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาเอาจากจำเลยได้
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2682/2519 และ 1957/2522)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2051/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 366: สัญญาต้องทำเป็นหนังสือจึงมีผลผูกพัน
โจทก์ยื่นข้อเสนอต่อจำเลยให้ใช้ที่ดินที่โจทก์มีสิทธิเช่าเป็นที่ก่อสร้างสถานีจอดรถยนต์โดยสารประจำจังหวัด จำเลยนำเรื่องเสนอที่ประชุมคณะอนุกรรมการควบคุมการขนส่งประจำจังหวัดคณะอนุกรรมการเห็นชอบ จำเลยจึงเสนอเรื่องต่อไปยังกรมการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบกพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วย จึงมีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยให้ดำเนินการแจ้งให้โจทก์ไปทำสัญญากับกรมการขนส่งทางบก ดังนี้ กรณีต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 366 ตราบใดที่โจทก์ยังมิได้ทำสัญญากับกรมการขนส่งทางบกตามที่กรมการขนส่งทางบกประสงค์จะให้ทำสัญญาเป็นหนังสือตามที่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยก็ยังไม่เกิดขึ้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาเอาจากจำเลยได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2682/2519 และ 1957/2522)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2033/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องฐานบุกรุกต้องระบุเจตนาและองค์ประกอบความผิดชัดเจน มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องในข้อหาฐานบุกรุกว่า จำเลยได้ใช้พลั่วขุดดินในลำรางซึ่งอยู่ติดกับที่นาของโจทก์ แล้วจำเลยเหวี่ยงดินที่ขุดเข้าไปในที่นาของโจทก์ และจำเลยได้ขนเอาหนามมากองไว้ในที่นาของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายทำนาไม่ได้ ฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายถึงองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าจำเลยได้บุกรุกเข้าไปในที่นาของโจทก์โดยเจตนา เพื่อยึดถือการครอบครองที่นาของโจทก์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือจำเลยได้บุกรุกเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุข คำฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2033/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องฐานบุกรุกต้องระบุเจตนาและลักษณะการกระทำที่ชัดเจน หากไม่ชัดเจนถือว่าฟ้องไม่สมบูรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องในข้อหาฐานบุกรุกว่า จำเลยได้ใช้พลั่วขุดดินในลำรางซึ่งอยู่ติดกับที่นาของโจทก์แล้วจำเลยเหวี่ยงดินที่ขุดเข้าไปในที่นาของโจทก์ และจำเลยได้ขนเอาหนามมากองไว้ในที่นาของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายทำนาไม่ได้ ฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายถึงองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าจำเลยได้บุกรุกเข้าไปในที่นาของโจทก์โดยเจตนาเพื่อยึดถือการครอบครองที่นาของโจทก์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือจำเลยได้บุกรุกเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุข คำฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2002/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดป่าไม้ ต้องระบุรายละเอียดการได้มาซึ่งของป่าที่เป็นความผิดด้วย
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการได้มาอันเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ของผู้ได้มาซึ่งไม้หรือของป่าที่เป็นวัตถุแห่งการกระทำผิดตามมาตรา 70 ย่อมเป็นองค์ประกอบความผิดที่โจทก์ต้องบรรยายมาในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจรับถ่านไม้ 6 กระสอบปริมาตร 0.75 ลูกบาศก์เมตร อันเป็นของป่าหวงห้ามโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของป่าที่มีผู้ได้มาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และไม่ได้เสียค่าภาคหลวง และจำเลยช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งถ่านไม้จำนวนดังกล่าว โจทก์มิได้บรรยายว่าผู้ที่ได้ถ่านไม้มาได้เก็บหาของป่าหรือทำอันตรายด้วยประการใด ๆ แก่ของป่าหวงห้ามในป่า อันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 29 ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว เมื่อตามฟ้องไม่ปรากฏว่าผู้ได้ถ่านไม้มา.ได้ถ่านไม้นั้นมาโดยการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 29 ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว จำเลยซึ่งเป็นผู้รับและช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งถ่านไม้ดังกล่าวก็ไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการฟ้องโจทก์บรรยายไม่ครบถ้วน แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2002/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดป่าไม้ ต้องระบุการได้มาซึ่งของป่าที่เป็นความผิดด้วย
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการได้มาอันเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ของผู้ได้มาซึ่งไม้หรือของป่าที่เป็นวัตถุแห่งการกระทำผิดตามมาตรา 70 ย่อมเป็นองค์ประกอบความผิดที่โจทก์ต้องบรรยายมาในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจรับถ่านไม้ 6 กระสอบปริมาตร 0.75 ลูกบาศก์เมตร อันเป็นของป่าหวงห้ามโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของป่าที่มีผู้ได้มาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และไม่ได้เสียค่าภาคหลวง และจำเลยช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งถ่านไม้จำนวนดังกล่าว โจทก์มิได้บรรยายว่าผู้ที่ได้ถ่านไม้มาได้เก็บหาของป่าหรือทำอันตรายด้วยประการใด ๆ แก่ของป่าหวงห้ามในป่า อันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 29 ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว เมื่อตามฟ้องไม่ปรากฏว่าผู้ได้ถ่านไม้มาได้ถ่านไม้นั้นมาโดยการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 29 ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว จำเลยซึ่งเป็นผู้รับและช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งถ่านไม้ดังกล่าวก็ไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการ ฟ้องโจทก์บรรยายไม่ครบถ้วน แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1702/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องผิดตัวและการเรียกคู่ความเพิ่มเติม: ศาลไม่อนุญาตเรียกจำเลยร่วมเมื่อไม่มีนิติสัมพันธ์กัน และควรฟ้องคดีใหม่
โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์นั่ง ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะเจ้าของรถยนต์บรรทุกและเป็นนายจ้างของ ส. และฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุก โดยมิได้ฟ้อง ส. คนขับรถยนต์บรรทุกผู้กระทำละเมิด ต่อมาในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์เพิ่งเทราบว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกและเป็นนายจ้างของ ส. จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมโดยอ้างว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ดังนี้ จำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องเดิมกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. ไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน รูปคดีเป็นเรื่องฟ้องผิดตัว โจทก์จะขอให้ศาลหมายเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57 (3) หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1702/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องผิดตัวและการเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม จำเลยร่วมไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยเดิม
โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์นั่ง ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะเจ้าของรถยนต์บรรทุกและเป็นนายจ้างของ ส. และฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุก โดยมิได้ฟ้อง ส. คนขับรถยนต์บรรทุกผู้กระทำละเมิด ต่อมาในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์เพิ่งทราบว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกและเป็นนายจ้างของ ส. จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมโดยอ้างว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ดังนี้ จำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องเดิมกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. ไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน รูปคดีเป็นเรื่องฟ้องผิดตัว โจทก์จะขอให้ศาลหมายเรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูป การกระทำเป็นคนละกรรม
จำเลยที่ 1 วานให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 แปรรูปไม้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการในการกระทำความผิดฐานแปรรูปไม้กระทงหนึ่งเมื่อแปรรูปไม้สำเร็จเป็นไม้แปรรูปแล้ว จำเลยที่ 1 มีไม้แปรรูปนั้นไว้จึงเป็นการกระทำต่างกรรมต้องมีความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองอีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1678/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งห้ามชั่วคราวต้องไม่เกินขอบเขตคำฟ้อง การขอห้ามขุดแร่ในที่พิพาทที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นฟ้องเดิมเป็นเรื่องนอกคำขอ
ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทระหว่างจำเลยทั้งสอง และเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับที่พิพาทที่จำเลย ทั้งสองทำไว้ต่อศาล ให้โอนที่พิพาทให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย ที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์ เมื่อคำฟ้องของโจทก์ไม่เกี่ยวกับเหมืองแร่ ในที่พิพาทหรือสิทธิในประทานบัตรของจำเลยที่ 2 โจทก์จะร้องขอให้ ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยทั้งสองและบริวารขุดแร่ในที่พิพาท หาได้ไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ตรงกับการกระทำที่จำเลยถูกฟ้อง เป็นเรื่องนอกคำขอท้ายฟ้อง จำเลยย่อมขอให้ยกเลิกคำสั่งห้ามชั่วคราวของศาลได้
of 40