คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อัมพล สุวรรณภักดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 395 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3273/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องล้มละลายแม้มีเจ้าหนี้เพียงรายเดียว และมีหนี้สินล้นพ้นตัว
ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้จำนวน 1 ล้านบาทเศษคดีถึงที่สุดจำเลยไม่มีทรัพย์สินนอกจากสิทธิได้รับเงินบำนาญดังนี้ จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว แม้จำเลยเป็นหนี้โจทก์รายเดียว โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องล้มละลาย กฎหมายมิได้กำหนดว่าลูกหนี้ต้องเป็นหนี้ต่อเจ้าหนี้หลายราย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3247/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารขอรังวัดที่ดิน ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ เหตุไม่ระงับข้อพิพาท
เอกสารมีข้อความว่า โจทก์จำเลยต่างแสดงความประสงค์ จะขอให้ช่างแผนที่ของสำนักงานที่ดินออกไปรังวัดที่ดินของตนเพื่อให้ทราบเขตที่แน่นอนของโจทก์และจำเลยแต่ละฝ่ายดังนี้ ไม่มีลักษณะที่จะระงับข้อพิพาทของคู่กรณีโดยต่างฝ่ายยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3247/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารขอรังวัดที่ดิน ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ เหตุผลคือไม่มีการยอมผ่อนผันเพื่อระงับข้อพิพาท
เอกสารมีข้อความว่า โจทก์จำเลยต่างแสดงความประสงค์ จะขอให้ช่างแผนที่ของสำนักงานที่ดินออกไปรังวัดที่ดินของตนเพื่อให้ทราบเขตที่แน่นอนของโจทก์และจำเลยแต่ละฝ่ายดังนี้ ไม่มีลักษณะที่จะระงับข้อพิพาทของคู่กรณีโดยต่างฝ่ายยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3181/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: เจตนาชำระหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงคดีอาญา vs. เพื่อให้เจ้าหนี้ได้เปรียบ
ผู้คัดค้านที่ 1 ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีอาญา กับลูกหนี้ในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงิน ตามเช็คลูกหนี้จึงได้ขายที่ดินเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ตามเช็คเพื่อมิให้ต้องรับโทษทางอาญา มิใช่เจตนาชำระหนี้เพื่อให้ได้เปรียบเจ้าหนี้คนอื่นกรณีไม่อยู่ในบังคับตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 115 ผู้ร้องขอเพิกถอนการชำระหนี้ดังกล่าวไม่ได้
ผู้คัดค้านที่ 2 เป็นเจ้าหนี้เงินกู้ เมื่อลูกหนี้ขายที่ดินได้เงิน มาก็นำเงินนั้นชำระหนี้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 กรณีไม่มีเหตุดัง ผู้คัดค้านที่ 1 การชำระหนี้ที่ได้กระทำต่อกันจึงเป็นการชำระหนี้โดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านที่ 2 ได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ผู้ร้องขอเพิกถอนการชำระหนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3181/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: เจตนาชำระหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงคดีอาญา vs. เพื่อให้เจ้าหนี้ได้เปรียบ
ผู้คัดค้านที่ 1 ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีอาญา กับลูกหนี้ในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงิน ตามเช็ค ลูกหนี้จึงได้ขายที่ดินเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ตามเช็คเพื่อมิให้ต้องรับโทษทางอาญา มิใช่เจตนาชำระหนี้เพื่อให้ได้เปรียบเจ้าหนี้คนอื่น กรณีไม่อยู่ในบังคับตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 115 ผู้ร้องขอเพิกถอนการชำระหนี้ดังกล่าวไม่ได้
ผู้คัดค้านที่ 2 เป็นเจ้าหนี้เงินกู้ เมื่อลูกหนี้ขายที่ดินได้เงิน มาก็นำเงินนั้นชำระหนี้แก่ผู้คัดค้านที่2 กรณีไม่มีเหตุดัง ผู้คัดค้านที่ 1 การชำระหนี้ที่ได้กระทำต่อกันจึงเป็นการชำระหนี้โดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านที่ 2 ได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ผู้ร้องขอเพิกถอนการชำระหนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3177/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมัครรับเลือกตั้งโดยขาดคุณสมบัติเป็นเหตุให้มีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง และการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามบทบัญญัติ
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่ให้ลงโทษปรับจำเลย ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
เมื่อจำเลยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดเพราะขาดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ สมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากเป็นกรรมการสุขาภิบาลแต่บังอาจ ไปยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งจึงถือได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดตั้งแต่วันที่จำเลยได้ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งนั้นแล้ว
การสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดแปดปี เป็นการสั่งไปตามบทกฎหมายที่กำหนดไว้เช่นนั้น ไม่อาจจะใช้ดุลพินิจลดลงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2971/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จต่อศาล: การครบองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 177 และการไม่ต้องรอคำพิพากษาในคดีที่เบิกความ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 58/2521 ของศาลจังหวัดเพชรบุรีว่า ที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ ความจริงจำเลยรู้ว่าที่พิพาทในคดีนั้นไม่ใช่ที่สาธารณะ ซึ่งถ้าศาลเชื่อตามที่จำเลยเบิกความในคดีนั้นแล้ว โจทก์จะเป็นผู้แพ้ ในคดีดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อสำคัญในคดีดังกล่าว ดังนี้ พอเข้าใจ ได้ว่าคำเบิกความเท็จของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีคือทำให้โจทก์แพ้ในคดีนั้นฟ้องโจทก์จึงครบองค์ประกอบความผิด มาตรา 177 แห่งประมวลกฎหมายอาญาแล้ว
การฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จหาจำต้องรอให้ศาลพิพากษาคดีที่จำเลยเบิกความเท็จเสียก่อนไม่ เพราะความผิดเกิดตั้งแต่จำเลยเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาลในคดีนั้นแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2850/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูแลควบคุมบุตร การใช้รถผิดประเภท และความรับผิดในความเสียหาย
จำเลยที่ 1 อายุ 17 ปี อยู่ในความปกครองของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดา จำเลยที่ 1 ขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์เข้าไปดับไฟซึ่งลุกไหม้ที่ไร่อ้อยเป็นเหตุให้รถแทรกเตอร์ของโจทก์ถูกไฟไหม้เสียหาย แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 เคยเห็นจำเลยที่ 1 ขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์มาก่อนและมิได้ว่ากล่าวห้ามปรามก็ตามการขับรถแทรกเตอร์ของจำเลยที่ 1 ที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 รู้เห็นและมิได้ห้ามปรามนั้นเป็นการขับรถแทรกเตอร์ตามปกติแต่การกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้เป็นการขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์เข้าไปดับไฟ โดยรถแทรกเตอร์ของโจทก์มิได้มีไว้เพื่อใช้ในการดับไฟ เป็นการใช้รถแทรกเตอร์ของโจทก์ผิดจากปกติ หาใช่การขับรถที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 มิได้ว่ากล่าวห้ามปรามไม่ ทั้งขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ที่ 3 อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุถึง 1 กิโลเมตรเศษย่อมไม่อาจห้ามปรามมิให้จำเลยที่ 1 ขับรถเข้าไปดับไฟได้ และการที่ไฟไหม้ไร่อ้อยเป็นเหตุเกิดขึ้นโดยปัจจุบัน จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่อาจคาดหมายและกำชับล่วงหน้ามิให้จำเลยที่ 1 ขับรถเข้าไปดับไฟ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ต้องรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2850/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตร การใช้รถผิดประเภท และการดูแลตามสมควร
จำเลยที่ 1 อายุ 17 ปี อยู่ในความปกครองของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดา จำเลยที่ 1 ขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์เข้าไปดับไฟซึ่งลุกไหม้ที่ไร่อ้อยเป็นเหตุให้รถแทรกเตอร์ของโจทก์ถูกไฟไหม้เสียหาย แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 เคยเห็นจำเลยที่ 1 ขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์มาก่อนและมิได้ว่ากล่าวห้ามปรามก็ตามการขับรถแทรกเตอร์ของจำเลยที่ 1 ที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 รู้เห็นและมิได้ห้ามปรามนั้นเป็นการขับรถแทรกเตอร์ตามปกติ แต่การกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1ในคดีนี้เป็นการขับรถแทรกเตอร์ของโจทก์เข้าไปดับไฟ โดยรถแทรกเตอร์ของโจทก์มิได้มีไว้เพื่อใช้ในการดับไฟ เป็นการใช้รถแทรกเตอร์ของโจทก์ผิดจากปกติ หาใช่การขับรถที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 มิได้ว่ากล่าวห้ามปรามไม่ ทั้งขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ที่ 3 อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุถึง1 กิโลเมตรเศษย่อมไม่อาจห้ามปรามมิให้จำเลยที่ 1 ขับรถเข้าไปดับไฟได้ และการที่ไฟไหม้ไร่อ้อยเป็นเหตุเกิดขึ้นโดยปัจจุบัน จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่อาจคาดหมายและกำชับล่วงหน้ามิให้จำเลยที่ 1 ขับรถเข้าไปดับไฟ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลจำเลยที่ 1แล้ว จำเลยที่ 2 ที่ 3ไม่ต้องรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2788/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องซ้ำในประเด็นที่ศาลตัดสินแล้ว ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
จำเลยได้ยื่นคำร้องใหม่ มีข้ออ้างและคำขอให้ศาลวินิจฉัยเช่นเดียวกับคำร้องของจำเลยที่ได้ยื่นไว้แต่เดิม ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว การที่จำเลยยื่นคำร้องเข้ามาใหม่ดังกล่าว จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
of 40