คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อัมพล สุวรรณภักดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 395 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมกันในการยักยอกทรัพย์ การรับช่วงสิทธิ และการบังคับค้ำประกัน
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกันยักยอกเงินของสหกรณ์ฯไป ต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นแก่สหกรณ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 432 วรรคแรก ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่มีพฤติการณ์ที่จะต้องรับผิดยิ่งหย่อนกว่ากันจึงต้องรับผิดเป็นส่วนเท่าๆกันตามมาตรา 432 วรรคสาม เมื่อโจทก์ได้ชำระเงินที่ยักยอกให้สหกรณ์ฯ ไป ย่อมรับช่วงสิทธิของสหกรณ์ฯ มาไล่เบี้ยเอากับจำเลยที่ 1 ได้ตามมาตรา 229(3),226การที่โจทก์ใช้เงินคืนแก่สหกรณ์ฯ ไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนโจทก์ฟ้องเรียกเงินส่วนที่จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อสหกรณ์ฯ จากจำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์ได้ชำระให้ไปแล้วมิใช่ฟ้องเรียกเงินที่โจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1 ยักยอกมาจึงไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายและถือไม่ได้ว่าเป็นการมาศาลด้วยมืออันไม่บริสุทธิ์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ในการเข้าทำงานกับสหกรณ์ฯ เมื่อหนี้ที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นต่อสหกรณ์ฯ นี้เป็นหนี้ที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันแล้ว โจทก์เข้ารับช่วงสิทธิจากสหกรณ์ จึงใช้สิทธิของสหกรณ์ฯ บังคับเอาแก่จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ได้ตามมาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมกันจากการยักยอกเงินและสิทธิในการไล่เบี้ยของผู้รับช่วงสิทธิ
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกันยักยอกเงินของสหกรณ์ ไป ต้องร่วมกันรับผิดชอใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นแก่สหกรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 432 วรรคแรก ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่มีพฤติการณ์ที่จะต้องรับผิดยิ่งหย่อนกว่ากันจึงต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กันตามมาตรา 432 วรรคสาม เมื่อโจทก์ได้ชำระเงินที่ยักยอกให้สหกรณ์ฯ ไป ย่อมรับช่วงสิทธิของสหกรณ์ฯ มาไล่เบี้ยเอากับจำเลยที่ 1 ได้ตามมาตรา 229 (3), 266 การที่โจทก์ใช้เงินคืนแก่สหกรณ์ฯ ไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน โจทก์ฟ้องเรียกเงินส่วนที่จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อสหกรณ์ฯ จากจำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์ได้ชำระให้ไปแล้ว มิใช่ฟ้องเรียกเงินที่โจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1 ยักยอกมา จึงไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายและถือไม่ได้ว่าเป็นการมาศาลด้วยมืออันไม่บริสุทธิ์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ในการเข้าทำงานกับสหกรณ์ฯ เมื่อหนี้ที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นต่อสหกรณ์ฯ นี้เป็นหนี้ที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันแล้ว โจทก์เข้ารับช่วงสิทธิจากสหกรณ์ จึงใช้สิทธิของสหกรณ์ฯ บังคับเอาแก่จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ได้ตามมาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1052/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายรถยนต์โดยสุจริตและการคุ้มครองตามมาตรา 1332 ป.พ.พ. กรณีผู้ขายไม่มีสิทธิในทรัพย์สิน
ส. ต้องการเช่าซื้อรถยนต์พิพาทจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ป.ซึ่งมีจำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ แต่จำเลยที่1 ไม่มีเงินทุนเพียงพอจึงขายรถเป็นเงินสดให้แก่จำเลยที่ 2แล้วให้ ส. เช่าซื้อไปจากจำเลยที่ 2 โดยที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ป. เป็นร้านค้าบริการขายรถยนต์การที่จำเลยที่ 2 ซื้อรถยนต์พิพาทไปจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ซื้อรถยนต์พิพาทมาจากพ่อค้าขายของชนิดนั้นโดยสุจริต จำเลยที่ 2ย่อมได้รับความคุ้มครองตามความในมาตรา 1332 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คือไม่จำต้องคืนรถยนต์พิพาทแก่เจ้าของแท้จริง เว้นแต่เจ้าของจะชดใช้ราคาที่ซื้อมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการจัดการมรดกโดยผู้จัดการมรดก ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
ศาลมีคำสั่งตั้งให้ ล. เป็นผู้จัดการมรดก ป. ต่อมาอีก 5 ปี ล. ได้โอนทรัพย์พิพาทเป็นของตนในฐานะทายาท โดยไม่มีบุคคลใดคัดค้าน เป็นการแบ่งปันทรัพย์มรดกตามหน้าที่ผู้จัดการมรดกโดยสุจริต มิใช่เป็นการกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก จึงไม่เป็นกรณีที่ผู้จัดการมรดกจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลก่อนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722
ล. ครอบครองทรัพย์พิพาทในฐานะผู้จัดการมรดก ย่อมเป็นการครอบครองแทนทายาท จำเลยผู้สืบสิทธิจาก ล. จะนำอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 มาใช้บังคับไม่ได้ แต่ในระหว่างที่ ล. เป็นผู้จัดการมรดกอยู่ 5 ปี ไม่มีบุคคลใดอ้างว่าเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิได้รับทรัพย์พิพาท จึงเป็นกรณีที่ ล. ไม่อาจทราบได้ว่าตนได้ยึดถือทรัพย์พิพาทไว้แทนบุคคลใด อันจะต้องบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังบุคคลนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันโจทก์ สละสิทธิในมรดก
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบิดาและเป็นทายาทของ ถ.ผู้ตายจำเลยเป็นภริยาของ ถ..ก่อนตายถ.มีที่ดินมรดก 2 แปลง จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกได้โอนรับมรดกเอาเป็นของตนแต่ผู้เดียวเป็นการปิดบังเอาทรัพย์มรดกเกินส่วนที่ควรจะได้รับ ขอให้ศาลพิพากษากำจัดจำเลยไม่ให้รับมรดกของ ถ.แต่ได้ความว่าหลังจากถ.ตาย โจทก์จำเลยได้พากันไปที่สำนักงานที่ดิน แล้วโจทก์ได้ให้เจ้าพนักงานที่ดินทำบันทึกความว่า ที่โจทก์ยื่นคัดค้านการที่จำเลยขอรับมรดกของ ถ.นั้น โจทก์ขอถอนยอมให้จำเลยเป็นผู้รับมรดกแต่ผู้เดียว แล้วโจทก์พิมพ์มือโดยมีพยานรับรอง 2 คน ดังนี้เอกสารดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งผูกพันโจทก์ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกเอาส่วนแบ่งมรดก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 726/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการคืนของกลาง ยึดถือเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
จำเลยทั้งสองเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ได้ออกตรวจท้องที่ตามปกติและได้พบเลื่อยวงเดือน 2 ใบ ของ ส. ซึ่งจำเลยเชื่อว่าเป็นเครื่องมือที่มีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ จึงยึดไว้เป็นของกลางแล้วจำเลยเรียกเอาเงิน 500 บาทจาก ส. เป็นการไถ่ใบเลื่อยคืน ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานเอกสารสำเนาที่ศาลอนุญาต และการนำสืบข้อเท็จจริงที่แตกต่างจากที่กล่าวอ้างในฟ้อง
แม้เอกสารที่โจทก์อ้างส่งจะเป็นสำเนา แต่โจทก์ก็ได้ส่งต้นฉบับเพื่อให้ศาลตรวจดูแล้ว และศาลอนุญาตให้โจทก์ส่งสำเนาแทนได้ จึงถือว่าสำเนาเอกสารนั้นถูกต้องรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยเป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ แต่นำสืบว่า ศ.เป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ โจทก์นำสืบได้ว่า ศ. ว่าจ้างโจทก์แทนจำเลย ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: สัญญาประกันกับศาลทหาร แม้มีชื่อศาลจังหวัด แต่ศาลพลเรือนไม่มีอำนาจรับอุทธรณ์
ศาลมณฑลทหารบกที่6(ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์) ออกหมายขังจำเลย ไว้ในระหว่างสอบสวน คำร้องของนายประกันขอให้ปล่อยจำเลย ชั่วคราวก็ดี สัญญาประกันก็ดี ระบุชื่อศาลว่าศาลมณฑลทหารบกที่6(ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์) แม้ลายมือชื่อที่ลงไว้ท้ายคำสั่งศาลต่อท้ายสัญญาประกันจะระบุว่า'ผู้พิพากษา' แต่ก็หมายถึงตุลาการศาลทหารนั่นเอง
นายประกันทำสัญญาประกันไว้ต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 6(ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์) การสั่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวสั่งสัญญาประกันและสั่งปรับนายประกันก็ดี เป็นเรื่องของศาลมณฑลทหารบกที่6(ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์) ทั้งสิ้น มิใช่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ในฐานะศาลพลเรือนเป็นผู้สั่ง ศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นศาลพลเรือนจึงไม่มีอำนาจที่จะรับอุทธรณ์ของนายประกันไว้พิจารณา (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 732/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 488/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารรับเงินประกันการรื้อถอน ไม่ถือเป็นสัญญาเช่า ขาดหลักฐานฟ้องบังคับสัญญา
เอกสารแสดงการรับเงินประกันการรื้อถอนอาคารเพื่อดัดแปลงให้เหมาะสมแก่การที่โจทก์จะใช้เป็นสถานที่ประกอบการค้ารถยนต์ ซึ่งมีข้อความว่าจะให้ทนายความทำสัญญาเช่าในภายหลัง ไม่เป็นหลักฐานการเช่า โจทก์จะใช้เอกสารดังกล่าวฟ้องขอบังคับจำเลยให้โจทก์เช่าหรือเรียกร้องค่าเสียหายไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458-459/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างเหมาผิดสัญญา การริบผลงานเป็นเบี้ยปรับ การลดเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วน และการคืนหนังสือค้ำประกัน
โจทก์รับจ้างจำเลยหล่อและปักเสาพาดสายโทรเลข สัญญาจ้างมีข้อความว่า ถ้าผู้รับจ้างผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด ให้ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ และผู้รับจ้างยินยอมให้สิ่งก่อสร้างและสัมภาระอุปกรณ์ในการก่อสร้างของผู้รับจ้างตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ว่าจ้างโดยไม่ต้องใช้ราคาแก่ผู้รับจ้าง โจทก์ผิดสัญญาใช้เสาผิดแบบและก่อสร้างไม่ทันกำหนด จำเลยบอกเลิกสัญญาแล้วใช้สิทธิริบสิ่งก่อสร้างหรือผลงานที่โจทก์ทำมาแล้วดังนี้ กรรมสิทธิ์ในสิ่งก่อสร้างดังกล่าวตกเป็นของจำเลยแล้วโดยจำเลยไม่ต้องใช้ราคาเมื่อเป็นดังนี้แล้วจำเลยไม่เสียหายแต่ประการใด จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายเพราะเสาผิดแบบและขาดจำนวนอีก
ข้อตกลงให้ผู้ว่าจ้างริบเอาสิ่งก่อสร้างหรือผลงานโดยไม่ต้องใช้ราคาเป็นข้อตกลงที่มีลักษณะเป็นการที่ผู้รับจ้างให้สัญญาว่าจะทำการชำระหนี้อย่างอื่นที่มิใช่จำนวนเงินให้เป็นเบี้ยปรับแก่ผู้ว่าจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 382 ถ้าเบี้ยปรับนี้สูงเกินส่วน ศาลมีอำนาจที่จะลดลงให้เหลือเป็นจำนวนพอสมควรได้ตามมาตรา 383 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2524)
เมื่อจำเลยริบเอาสิ่งก่อสร้างหรือผลงานของโจทก์ไว้เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยและศาลลดเบี้ยปรับให้โจทก์โดยลดให้คิดเป็นจำนวนเท่ากับเงินค่าปรับ ค่าคุมงานและค่าเครื่องอุปกรณ์การก่อสร้างเหลือใช้ที่โจทก์จะต้องชดใช้หรือคืนให้จำเลยแล้ว จึงถือได้ว่าโจทก์ได้ชำระค่าปรับ ค่าคุมงานและค่าเครื่องอุปกรณ์การก่อสร้างเหลือใช้ให้แก่จำเลยครบถ้วนแล้วไม่มีหนี้ที่โจทก์จะต้องรับผิดชดใช้ให้จำเลยอีก จำเลยต้องคืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารให้แก่โจทก์
of 40