พบผลลัพธ์ทั้งหมด 395 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2895/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการจอดรถและติดตั้งเสาไฟฟ้าในที่ดินของผู้อื่น สัญญาจะบังคับได้เมื่อมีการสนองรับ
โจทก์มีที่ดินและต้องการจะก่อสร้างศูนย์การค้า โรงแรม โรงภาพยนต์และอาคารพาณิชย์ โจทก์กับผู้มีชื่อจึงทำสัญญาร่วมลงทุนกันให้ก่อตั้งบริษัทจำเลยขึ้นประกอบกิจการต่างๆ ดังกล่าวแล้ว สัญญาข้อ 4 กำหนดว่า โจทก์ต้องอนุญาตให้จำเลยใช้ถนนทั้งสองข้างของโรงแรมจำเลย และจะต้องสงวนไว้ให้แก่จำเลยซึ่งสิทธิจอดรถที่ชอบถนน ข้อ 4 (8) ว่า จำเลยต้องชำระเงินครึ่งหนึ่งของค่าก่อสร้างถนนให้แก่โจทก์ เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บริษัทจำเลยที่จะตั้งขึ้น บริษัทจำเลยชอบที่จะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นภายหลังได้ ปรากฏว่า เมื่อบริษัทจำเลยตั้งขึ้นแล้วจำเลยได้ชำระค่าทำถนนให้โจทก์ครบถ้วนตามสัญญาแล้ว และมีพฤติการณ์ที่ถือว่าจำเลยได้ถือเอาประโยชน์จากสัญญาร่วมลงทุนแล้ว แม้ต่อมาสัญญาร่วมลงทุนจะสิ้นสุดหรือยกเลิกไป ก็หาทำให้สิทธิของจำเลยอันเกิดขึ้นแล้วระงับไปด้วยไม่
โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยว่า จะให้สิทธิใช้ที่ดินสำหรับตั้งเสาไฟฟ้าแก่จำเลยเพียงแต่จำเลยเข้าติดตั้งเสาและสายไฟฟ้าตามที่โจทก์เสนอก็เป็นการสนองรับ มีผลให้สัญญาเกิดขึ้นแล้ว สัญญายินยอมให้ติดตั้งเสาและสายไฟฟ้าในที่ดินเพื่อประโยชน์ในที่ดินเพื่อประโยชน์ร่วมกันเช่นนี้แม้มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็บังคับกันได้ในระหว่างคู่สัญญา
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทรวม 11 ประเด็น เป็นประเด็นไม่ต้องสืบพยาน 1 ประเด็น ตกภาระโจทก์นำสืบ 8 ประเด็น ตกภาระจำเลยนำสืบ 2 ประเด็น ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์มีภาระการพิสูจน์มากกว่า ทั้งประเด็นที่เป็นภาระจำเลยพิสูจน์ถึงจะให้โจทก์นำสืบก่อนโจทก์ไม่เสียเปรียบ จึงให้โจทก์นำสืบก่อนทุกประเด็น พยานหลักฐานในประเด็นที่โจทก์แย้ง เป็นเรื่องที่อยู่ในความรู้เห็นของโจทก์จำเลยร่วมกัน แม้โจทก์นำสืบก่อน จำเลยก็ถามด้านให้พยานโจทก์มีโอกาสอธิบายและนำสืบถึงข้อความเหล่านั้นโดยบริบูรณ์แล้ว โจทก์หาเสียเปรียบไม่ ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจให้โจทก์นำสืบก่อนทุกประเด็นชอบแล้ว
โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยว่า จะให้สิทธิใช้ที่ดินสำหรับตั้งเสาไฟฟ้าแก่จำเลยเพียงแต่จำเลยเข้าติดตั้งเสาและสายไฟฟ้าตามที่โจทก์เสนอก็เป็นการสนองรับ มีผลให้สัญญาเกิดขึ้นแล้ว สัญญายินยอมให้ติดตั้งเสาและสายไฟฟ้าในที่ดินเพื่อประโยชน์ในที่ดินเพื่อประโยชน์ร่วมกันเช่นนี้แม้มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็บังคับกันได้ในระหว่างคู่สัญญา
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทรวม 11 ประเด็น เป็นประเด็นไม่ต้องสืบพยาน 1 ประเด็น ตกภาระโจทก์นำสืบ 8 ประเด็น ตกภาระจำเลยนำสืบ 2 ประเด็น ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์มีภาระการพิสูจน์มากกว่า ทั้งประเด็นที่เป็นภาระจำเลยพิสูจน์ถึงจะให้โจทก์นำสืบก่อนโจทก์ไม่เสียเปรียบ จึงให้โจทก์นำสืบก่อนทุกประเด็น พยานหลักฐานในประเด็นที่โจทก์แย้ง เป็นเรื่องที่อยู่ในความรู้เห็นของโจทก์จำเลยร่วมกัน แม้โจทก์นำสืบก่อน จำเลยก็ถามด้านให้พยานโจทก์มีโอกาสอธิบายและนำสืบถึงข้อความเหล่านั้นโดยบริบูรณ์แล้ว โจทก์หาเสียเปรียบไม่ ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจให้โจทก์นำสืบก่อนทุกประเด็นชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2864/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลย และการขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียม
จำเลยแต่งตั้งทนายความให้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตน ทนายความย่อมมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ แทนจำเลยได้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 62 การที่ศาลชั้นต้นออกหมายนัดโจทก์จำเลยมาฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นกระบวนพิจารณาตามมาตรา 1 (7) และเพื่อประโยชน์แห่งการดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าว ทนายจำเลยย่อมอยู่ในฐานะเป็นจำเลยตามมาตรา 1 (11) ฉะนั้นเมื่อทนายจำเลยรับหมายนัดของศาลแล้วก็ถือเสมือนหนึ่งว่าจำเลยรับเช่นกันจำเลยจะอ้างว่าไม่ทราบวันนัดเพราะจำเลยกับทนายความมิใช่บุคคลคนเดียวกันหาได้ไม่
การขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 นั้น กฎหมายให้กระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ และมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลาตามที่ศาลกำหนด เว้นแต่มีเหตุสุดวิสัย จำเลยมีคำขอเมื่อระยะเวลาตามที่ศาลกำหนดได้ล่วงพ้นไปแล้ว และไม่ปรากฏพฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัย จึงขยายระยะเวลาให้จำเลยไม่ได้
การขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 นั้น กฎหมายให้กระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ และมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลาตามที่ศาลกำหนด เว้นแต่มีเหตุสุดวิสัย จำเลยมีคำขอเมื่อระยะเวลาตามที่ศาลกำหนดได้ล่วงพ้นไปแล้ว และไม่ปรากฏพฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัย จึงขยายระยะเวลาให้จำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2864/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความและการรับหมายนัดแทนจำเลย รวมถึงการขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียม
จำเลยแต่งตั้งทนายความให้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตน ทนายความย่อมมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนจำเลยได้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 62 การที่ศาลชั้นต้นออกหมายนัดโจทก์จำเลยมาฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นกระบวนพิจารณาตามมาตรา 1(7) และเพื่อประโยชน์แห่งการดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าว ทนายจำเลยย่อมอยู่ในฐานะเป็นจำเลยตามมาตรา 1(11) ฉะนั้นเมื่อทนายจำเลยรับหมายนัดของศาลแล้วก็ถือเสมือนหนึ่งว่าจำเลยรับเช่นกันจำเลยจะอ้างว่าไม่ทราบวันนัดเพราะจำเลยกับทนายความมิใช่บุคคลคนเดียวกันหาได้ไม่
การขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 นั้น กฎหมายให้กระทำได้ต่อเมื่อมี พฤติการณ์พิเศษ และมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลาตาม ที่ศาลกำหนด เว้นแต่ มีเหตุสุดวิสัย จำเลยมีคำขอเมื่อ ระยะเวลาตามที่ศาลกำหนด ได้ล่วงพ้นไปแล้ว และไม่ปรากฏ พฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัย จึงขยายระยะเวลาให้จำเลยไม่ ได้
การขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 นั้น กฎหมายให้กระทำได้ต่อเมื่อมี พฤติการณ์พิเศษ และมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลาตาม ที่ศาลกำหนด เว้นแต่ มีเหตุสุดวิสัย จำเลยมีคำขอเมื่อ ระยะเวลาตามที่ศาลกำหนด ได้ล่วงพ้นไปแล้ว และไม่ปรากฏ พฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัย จึงขยายระยะเวลาให้จำเลยไม่ ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2860/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยจากตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นส่วนหนึ่งของราคาสินค้า ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีการค้า
การที่โจทก์ตกลงทำสัญญาขายสินค้าให้แก่ลูกค้าเป็นราคาเงินสด แต่กำหนดให้ลูกค้าชำระราคาด้วยตั๋วสัญญาใช้เงินที่ยังไม่ถึงกำหนดก็ได้ ในกรณีที่ชำระราคาด้วยตั๋วสัญญาใช้เงิน ลูกค้าจะต้องชำระดอกเบี้ยสำหรับราคาสินค้านั้นให้แก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ให้แก่โจทก์ด้วยนั้น การที่โจทก์คิดดอกเบี้ยจากลูกค้าอีกจำนวนหนึ่งเพิ่ม ขึ้นจากราคาเงินสดเป็นการนำดอกเบี้ยมาเป็นหลักกำหนดราคาขายเชื่อนั่นเอง แม้ลูกค้าบางคนจะออกตั๋วสัญญาใช้เงินสำหรับดอกเบี้ยเป็นอีกฉบับหนึ่งต่างหากจากตั๋วสัญญาให้เงินสำหรับราคาเงินสด หรือโจทก์ได้ออกใบเสร็จรับเงินสำหรับดอกเบี้ยเป็นอีกฉบับหนึ่งต่างหากจากใบเสร็จรับเงินราคาสินค้าก็ไม่ทำให้ดอกเบี้ยนั้นเป็นดอกเบี้ยของตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกชำระราคาสินค้า ดอกเบี้ยที่โจทก์ได้รับจึงเป็นส่วนหนึ่งของราคาสินค้าที่โจทก์ขายเพื่อ เป็นราคาสินค้าอันเป็นรายรับตามวิธีคำนวณรายรับตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79 จัตวา (3) ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีการค้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2860/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคิดดอกเบี้ยในสัญญาซื้อขายเชื่อเป็นส่วนหนึ่งของราคาสินค้าเพื่อคำนวณภาษีการค้า
การที่โจทก์ตกลงทำสัญญาขายสินค้าให้แก่ลูกค้าเป็นราคาเงินสด แต่กำหนดให้ลูกค้าชำระราคาด้วยตั๋วสัญญาใช้เงินที่ยังไม่ถึงกำหนดก็ได้ ในกรณีที่ชำระราคาด้วย ตั๋วสัญญาใช้เงิน ลูกค้าจะต้องชำระดอกเบี้ยสำหรับราคาสินค้า นั้นให้แก่โจทก์ ในอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ให้แก่โจทก์ ด้วยนั้น การที่โจทก์ คิดดอกเบี้ยจากลูกค้าอีก จำนวนหนึ่งเพิ่มขึ้นจากราคาเงินสด เป็นการนำดอกเบี้ยมา เป็นหลักกำหนดราคาขายเชื่อนั่นเอง แม้ลูกค้าบางคนจะ ออกตั๋วสัญญาใช้เงินสำหรับดอกเบี้ย เป็นอีกฉบับหนึ่งต่างหาก จากตั๋วสัญญาใช้เงินสำหรับ ราคาเงินสด หรือโจทก์ได้ออกใบเสร็จรับเงินสำหรับดอกเบี้ย เป็นอีกฉบับหนึ่งต่างหากจาก ใบเสร็จรับเงินราคาสินค้า ก็ไม่ทำให้ดอกเบี้ยนั้นเป็น ดอกเบี้ยของตั๋วสัญญาใช้เงิน ที่ออกชำระราคาสินค้า ดอกเบี้ยที่โจทก์ได้รับจึงเป็น ส่วนหนึ่งของราคาสินค้า ที่โจทก์ขายเชื่อ เป็นราคาสินค้า อันเป็นรายรับตามวิธี คำนวณรายรับตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79 จัตวา (3) ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีการค้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2858/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งผู้จัดการมรดก: กรณีบุตรต่างบิดาเป็นทายาทร่วมกัน
โจทก์และจำเลยเป็นบุตรของผู้วายชนม์แต่ต่างบิดากันย่อมเป็นเหตุผลอันหนึ่งที่สมควรตั้งบุคคลทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันเพื่อจะได้ช่วยกันระวังรักษาผลประโยชน์ของทายาทส่วนข้อที่ว่าผู้วายชนม์ได้ทรัพย์มรดกมาภายหลังจำเลยเกิดนั้น เมื่อจำเลยเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดก ก็ไม่ทำให้ข้อวินิจฉัยดังกล่าวเปลี่ยนแปลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2838/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับค่าเช่าที่ดิน และผลกระทบต่อการบังคับคดี
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ของโจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยอาศัย จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แม้ข้อเท็จจริงตามสำนวนจะไม่ปรากฏว่าที่ดินที่พิพาทกันในขณะที่ยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้เกินเดือนละ 2,000 บาท หรือไม่ แต่เมื่อพิจารณาถึงที่ตั้ง จำนวนเนื้อที่ ราคา และสภาพทั่วๆ ไปของที่พิพาทแล้วอาจให้เช่าได้ในขณะที่ยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท ก็ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 และ 248 แม้ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ก็ไม่มีผล คดีได้ยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2838/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับค่าเช่าที่ดินเกิน 2,000 บาท/เดือน เป็นอุทธรณ์ฎีกาที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ของโจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยอาศัย จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แม้ข้อเท็จจริงตามสำนวนจะไม่ปรากฏว่าที่ดินที่พิพาทกันในขณะที่ยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้เกินเดือนละ 2,000 บาทหรือไม่ แต่เมื่อพิจารณาถึงที่ตั้ง จำนวนเนื้อที่ ราคา และสภาพทั่ว ๆไปของที่พิพาทแล้วอาจให้เช่าได้ในขณะที่ยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท ก็ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 และ 248 แม้ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ก็ไม่มีผลคดีได้ยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2836/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในที่ดินขายฝาก: สิทธิสุจริตของผู้ซื้อและการไม่อุทธรณ์คำสั่งศาล
การที่ศาลที่รับประเด็นสั่งอนุญาตให้ทนายผู้คัดค้านถามติงพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องมิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งดังกล่าวไว้จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226,247
ลูกหนี้ขายฝากที่พิพาทไว้กับผู้คัดค้าน ต่อมามีการไถ่ถอนการขายฝาก แล้วขายฝากอีกในวันเดียวกันนั้นแม้จะถือว่าการขายฝากครั้งหลังเป็นการขายฝากรายเดียวกันกับครั้งแรก ก็ต้องถือว่าการขายฝากยังมีอยู่เมื่อผู้คัดค้านได้รับโอนที่พิพาทโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนจึงไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการโอนที่พิพาทตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องฎีกาขึ้นมาได้
ลูกหนี้ขายฝากที่พิพาทไว้กับผู้คัดค้าน ต่อมามีการไถ่ถอนการขายฝาก แล้วขายฝากอีกในวันเดียวกันนั้นแม้จะถือว่าการขายฝากครั้งหลังเป็นการขายฝากรายเดียวกันกับครั้งแรก ก็ต้องถือว่าการขายฝากยังมีอยู่เมื่อผู้คัดค้านได้รับโอนที่พิพาทโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนจึงไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการโอนที่พิพาทตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องฎีกาขึ้นมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2834/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคำร้องค่าขึ้นศาลก่อนพิพากษาคดี หากศาลละเลยต้องให้พิจารณาใหม่ การอุทธรณ์ฎีกาต้องเป็นไปตามขั้นตอน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งคำร้องของโจทก์ที่ขอให้ยกเลิกคำสั่งที่ให้โจทก์วางเงินค่าขึ้นศาลเพิ่ม แล้วดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดีศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว มีคำสั่งว่าคดีโจทก์เป็นคดีมีทุนทรัพย์ให้ยกคำร้องของโจทก์ ให้โจทก์นำเงินมาชำระต่อศาล โจทก์ต้องอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์ มิใช่อุทธรณ์มายังศาลฎีกาเพราะมิใช่เป็นฎีกาโต้แย้งในประเด็นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา จึงไม่เป็นฎีกาคัดค้านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247