คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อัมพล สุวรรณภักดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 395 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2505/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้บัญชีเดินสะพัดและการรับสภาพหนี้ การนำเงินเข้าบัญชีตัดหนี้และผลต่ออายุความ
จำเลยกู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์ การที่จำเลยนำเงินเข้าบัญชีเป็นการตัดทอนหนี้สินระหว่างโจทก์กับจำเลยตามลักษณะของสัญญาบัญชีเดินสะพัด ถือได้ว่าจำเลยรับสภาพต่อโจทก์โดยใช้เงินให้บางส่วน หรือด้วยส่งดอกเบี้ยอายุความย่อมสะดุดหยุดลงทุกครั้งที่จำเลยนำเงินเข้าบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินโอนตามคำพิพากษาตามยอม แม้มีการตกลงรอการบังคับคดี ก็ไม่กระทบสิทธิของผู้รับโอน
โจทก์ยกที่ดินตรงที่เกิดเหตุพร้อมรั้วและราวไผ่ให้ บ. ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่ง กรรมสิทธิ์ในที่ดินจึงตกเป็นของ บ. โดยผลแห่งคำพิพากษาตามยอมนับตั้งแต่วันที่ได้พิพากษา แม้คู่ความจะตกลงให้รอการบังคับคดีไว้ก่อน ก็หามีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาดังกล่าวซึ่งถึงที่สุดแล้วให้เป็นอย่างอื่นไม่ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องผู้เข้าไปรื้อรั้วและตัดไม้ไผ่ในที่เกิดเหตุได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของนายจ้างและลูกจ้าง: การพิสูจน์ความประมาทและผลกระทบต่อจำเลยที่ไม่ฎีกา
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้าง กรณีจึงเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจจะแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกา คงฎีกาขึ้นมาแต่เฉพาะจำเลยที่ 2 แต่เมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ 1 มิได้ขับรถโดยประมาท พิพากษายกฟ้องโจทก์ ก็ย่อมให้จำเลยที่ 1 ได้รับผลจากคำพิพากษานี้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) ประกอบด้วยมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดนายจ้างต่อลูกจ้างและการพิพากษาคดีที่เกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้าง กรณีจึงเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจจะแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกา คงฎีกาขึ้นมาแต่เฉพาะจำเลยที่ 2 แต่เมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยที่ 1 มิได้ขับรถโดยประมาท พิพากษายกฟ้องโจทก์ก็ย่อมให้จำเลยที่ 1 ได้รับผลจากคำพิพากษานี้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 245 (1) ประกอบด้วยมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2310/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคำนวณโทษปรับฐานหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร: พิจารณาจากราคาของรวมค่าอากรทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะค่าอากรขาด
พระราชบัญญัติศุลกากร มาตรา 27 บัญญัติถึงกำหนดโทษสำหรับความผิดฐานหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร โดยเจตนาจะฉ้อค่าภาษีของรัฐบาลไว้ว่า 'ฯลฯ สำหรับความผิดครั้งหนึ่ง ๆ ให้ปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของ ซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว ฯลฯ' บทบัญญัตินี้มิได้จำกัดว่า ค่าอากรนั้นให้คิดเฉพาะค่าอากรที่เสียขาดไป จึงย่อมหมายถึงค่าอากรทั้งหมดสำหรับของนั้น อย่างไรก็ดีคำว่า'ค่าอากร' ตามบทบัญญัติดังกล่าว หมายถึงค่าอากรในทางศุลกากรเท่านั้น ไม่หมายความรวมถึงภาษีการค้า อันเป็นภาษีอากรฝ่ายสรรพากร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2310/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคำนวณโทษปรับคดีหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร: พิจารณาจากราคาของรวมค่าอากร และขอบเขตของคำว่า 'ค่าอากร'
พระราชบัญญัติศุลกากร มาตรา 27 บัญญัติถึงกำหนดโทษสำหรับความผิดฐานหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร โดยเจตนาจะฉ้อค่าภาษีของรัฐบาลไว้ว่า ฯลฯ สำหรับความผิดครั้งหนึ่งๆ ให้ปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของ ซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว ฯลฯ" บทบัญญัตินี้มิได้จำกัดว่า ค่าอากรนั้นให้คิดเฉพาะค่าอากรที่เสียขาดไป จึงย่อมหมายถึงค่าอากรทั้งหมดสำหรับของนั้น อย่างไรก็ดีคำว่า "ค่าอากร" ตามบทบัญญัติดังกล่าว หมายถึงค่าอากรในทางศุลกากรเท่านั้น ไม่หมายความรวมถึงภาษีการค้า อันเป็นภาษีอากรฝ่ายสรรพากร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2243-2245/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตให้ใช้คำร้องแทนฟ้องอุทธรณ์ได้หากศาลรับไว้และมีการชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มเติม
คำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ใช้แบบพิมพ์คำร้องแทนที่จะใช้แบบพิมพ์อุทธรณ์ เป็นการไม่ถูกต้องแต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับมาโดยมิได้สั่งให้ทำใหม่ก็ชอบที่จะอนุโลมให้ถือเป็นอุทธรณ์ที่ชอบได้เมื่อได้เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มครบถ้วนแล้วศาลอุทธรณ์ก็รับวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2189/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยและการขยายเวลาส่งมอบสินค้า: การสูญหายระหว่างขนส่งต่างประเทศทำให้ผู้ขายไม่ต้องรับผิดชอบ
โจทก์ตกลงขายอะไหล่ให้จำเลยโดยจะต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ การที่โจทก์ไม่สามารถส่งมอบของให้จำเลยภายในกำหนดระยะเวลาเพราะของสูญหายในระหว่างทางขนส่งมายังประเทศไทย เป็นเรื่องพ้นวิสัยที่โจทก์จะป้องกันได้ ถือว่าเป็นพฤติการณ์อันโจทก์ไม่ต้องรับผิดชอบ โจทก์ยังไม่ได้ชื่อว่าผิดนัด จำเลยจะต้องให้เวลาโจทก์เพื่อปฏิบัติตามสัญญาเป็นเวลาพอสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2189/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยกับการส่งมอบสินค้าล่าช้า ผู้ขายไม่ต้องรับผิดชอบหากสินค้าสูญหายระหว่างขนส่งจากต่างประเทศ แต่ต้องรับผิดชอบหากล่าช้าหลังขยายเวลา
โจทก์ตกลงขายอะไหล่ให้จำเลยโดยจะต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศการที่โจทก์ไม่สามารถส่งมอบของให้จำเลยภายในกำหนดระยะเวลาเพราะของสูญหายในระหว่างทางขนส่งมายังประเทศไทย เป็นเรื่องพ้นวิสัยที่โจทก์จะป้องกันได้ ถือว่าเป็นพฤติการณ์อันโจทก์ไม่ต้องรับผิดชอบ โจทก์ยังไม่ได้ชื่อว่าผิดนัด จำเลยจะต้องให้เวลาโจทก์เพื่อปฏิบัติตามสัญญาเป็นเวลาพอสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2144/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งถอนสัญชาติโดยรัฐมนตรี การฟ้องจำเลยที่ไม่ใช่ผู้มีอำนาจโดยตรง ศาลไม่อาจบังคับได้
โจทก์ฟ้อง ก.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นจำเลยที่ 1และ ม. อธิบดีกรมตำรวจเป็นจำเลยที่ 2 ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยที่ 1 ที่ให้ถอนสัญชาติไทย ของโจทก์เป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมายและให้เพิกถอนเสียศาลชั้นต้นรับฟ้องเฉพาะเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ไม่รับฟ้องที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 คำสั่งศาลชั้นต้นถึงที่สุดดังนี้ คำสั่งถอนสัญชาติของโจทก์เป็นคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่คดีคงมีจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจเป็นจำเลยแต่ผู้เดียวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมิได้เป็นคู่ความด้วยไม่มีโอกาสโต้แย้งข้อกล่าวหาของโจทก์ ศาลจึงจะพิพากษาว่าคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมิชอบด้วยกฎหมายและให้เพิกถอนเสียตามคำขอของโจทก์หาได้ไม่ แม้จะสืบพยานต่อไปและข้อเท็จจริงได้ความตามที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการถอนสัญชาติด้วย และเป็นผู้เสนอต่อคณะกรรมการถอนสัญชาติว่าควรถอนสัญชาติไทยของโจทก์โดยมิได้สืบสวนข้อเท็จจริงก่อน ก็หาเป็นเหตุให้ศาลอาจพิพากษาบังคับตามคำขอของโจทก์ได้ไม่ คดีจึงไม่ต้องสืบพยานต่อไป
of 40