พบผลลัพธ์ทั้งหมด 395 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมยกทรัพย์เนื่องจากความเสียหายจากคำหมิ่นประมาทและการฉ้อฉล
จำเลยที่ 1 ด่าโจทก์ว่าโจทก์ประพฤติตัวไม่ดี เคยมีชู้ ถือได้ว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตามความหมายของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2) โจทก์ถอนคืนการให้ได้และเมื่อจำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมยกที่พิพาทที่โจทก์ยกให้นั้นให้แก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ต่อไปเพื่อจะไม่ให้โจทก์เรียกคืนโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบโจทก์ก็มีอำนาจฟ้องให้เพิกถอนนิติกรรมนั้นได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 หาจำเป็นที่โจทก์จะต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในขณะที่จำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1892/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนของกลางที่ริบต้องพิสูจน์เจ้าของที่แท้จริงและไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดของผู้กระทำ
การที่ศาลจะสั่งคืนของกลางที่ศาลสั่งริบนั้นจะต้องปรากฏว่าผู้ขอเป็นเจ้าของที่แท้จริง และมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดเสียเองศาลก็สั่งคืนของกลางให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงประชาชน: พิจารณาเจตนาแสดงข้อความเท็จต่อสาธารณะ ไม่จำกัดจำนวนผู้เสียหาย
การแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 นั้น หาได้ถือเอาจำนวนผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงมากหรือน้อยเป็นหลักไม่ แต่ถือเอาเจตนาแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนเป็นสำคัญ
เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีโดยไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนหรือขัดกับพยานหลักฐานในสำนวน ดังที่จำเลยฎีกา ฎีกาของจำเลยเป็นเรื่องจำเลยเห็นว่าควรเชื่อตามพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดอาญาเพราะจำเลยมิได้หลอกลวงผู้เสียหายก็เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน
เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีโดยไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนหรือขัดกับพยานหลักฐานในสำนวน ดังที่จำเลยฎีกา ฎีกาของจำเลยเป็นเรื่องจำเลยเห็นว่าควรเชื่อตามพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดอาญาเพราะจำเลยมิได้หลอกลวงผู้เสียหายก็เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาแสดงข้อความเท็จต่อประชาชนสำคัญกว่าจำนวนผู้เสียหายในความผิดฉ้อโกงประชาชน
การแสดงข้อความอันเป็นเท็จจริงต่อประชาชน ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 นั้น หาได้ถือเอาจำนวนผู้เสียหาย ที่ถูกหลวงลวงมากหรือน้อย เป็นหลักไม่ แต่ถือเอาเจตนาแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนเป็นสำคัญ
เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีโดยไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนหรือขัดกับพยานหลักฐานในสำนวน ดังที่จำเลยฎีกา ฎีกาของจำเลยเป็นเรื่องจำเลยเห็นว่าควร เชื่อตามพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดอาญา เพราะจำเลยมิได้หลอกลวงผู้เสียหาย ก็เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เช่นกัน
เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีโดยไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนหรือขัดกับพยานหลักฐานในสำนวน ดังที่จำเลยฎีกา ฎีกาของจำเลยเป็นเรื่องจำเลยเห็นว่าควร เชื่อตามพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดอาญา เพราะจำเลยมิได้หลอกลวงผู้เสียหาย ก็เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดี: กำหนดเวลาปฏิบัติคำบังคับไม่ใช่เงื่อนไขสิ้นสุดสิทธิ, ยื่นคำร้องใหม่ได้แม้ศาลเคยมีคำสั่งยก
ที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้คู่ความฟังแล้วสั่งบังคับภายใน 30 วัน มีความหมายว่าให้คู่ความปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาภายในกำหนดนั้น ถ้าไม่ปฏิบัติจะถูกบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 หากว่าเจ้าหนี้ ตามคำพิพากษาขอให้บังคับคดีเมื่อโจทก์และจำเลยต่างเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้วยกันทั้งสองฝ่ายย่อมมีสิทธิขอบังคับคดีภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาไม่ใช่ว่าเมื่อพ้นกำหนดเวลาตามคำบังคับแล้วจะบังคับคดีไม่ได้
เรื่องการบังคับคดีเมื่อศาลมีคำสั่งไปครั้งหนึ่งแล้ว แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งนั้นโจทก์ก็ยื่นคำร้องขอใหม่ได้โดย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144(5) บัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้
เรื่องการบังคับคดีเมื่อศาลมีคำสั่งไปครั้งหนึ่งแล้ว แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งนั้นโจทก์ก็ยื่นคำร้องขอใหม่ได้โดย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144(5) บัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1852/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีแพ่ง: ศาลมีดุลยพินิจอนุญาตได้ แม้จำเลยคัดค้าน แต่ต้องฟังจำเลยก่อน
การถอนฟ้องในคดีแพ่งนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 บังคับเพียงว่า ให้ศาลฟังจำเลยก่อนที่จะสั่งอนุญาตให้ถอนคำฟ้อง แม้จำเลยคัดค้านก็อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งอนุญาตได้ (อ้างฎีกาที่284/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1852/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีแพ่ง: ศาลมีดุลพินิจอนุญาตได้ แม้จำเลยคัดค้าน โดยคำนึงถึงความเสียเปรียบที่อาจเกิดขึ้นกับจำเลย
การถอนฟ้องในคดีแพ่งนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 175 บังคับเพียงว่าให้ศาลฟังจำเลยก่อนที่จะสั่งอนุญาตให้ถอนคำฟ้อง แม้จำเลยคัดค้านก็อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งอนุญาตได้ (อ้างฎีกาที่ 284/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1835/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุรายละเอียดให้ชัดเจนถึงข้อสำคัญของคดีและเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าเบิกความเท็จ โดยกล่าวถึงคำเบิกความของจำเลยและความจริงเป็นอย่างไร กับว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญของคดีแต่มิได้บรรยายให้เห็นว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญอย่างไรคดีที่จำเลยเบิกความนั้นพิพาทกันด้วยเรื่องอะไรประเด็นสำคัญแห่งคดีมีว่าอย่างไรเป็นคำฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1825/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการมรดกเป็นของผู้จัดการมรดก มิใช่ศาล ศาลสั่งขายมรดกโดยตรงเป็นคำสั่งไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้ง น., ส. และ สมเป็นผู้จัดการมรดกระหว่างจัดการมรดกศาลนัดพร้อมผู้จัดการมรดกมาพร้อมกัน ผู้จัดการมรดกแถลงร่วมกันว่า ว.,ธ.,และช. ขอซื้อที่นามรดกราคาไร่ละ 3,350 บาท ผู้จัดการมรดกเห็นชอบและตกลงขายศาลชั้นต้นให้รับเงินค่าที่นา 25%ไว้ หลังจากนั้นในวันเดียวกันนั้น สม ยื่นคำร้องขอซื้อที่นามรดกในราคาไร่ละ 3,500 บาท ศาลชั้นต้นสั่งใหม่อนุญาตขายให้สมและคืนเงินให้ ว. กับพวกเช่นนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1723 การจัดการมรดกตกเป็นหน้าที่ของผู้จัดการมรดก จะให้ผู้ใดทำแทนไม่ได้ เว้นแต่จะมีอำนาจทำได้โดยพินัยกรรมและอื่น ๆ (มาตรา 1723 ตอนท้าย) กรณีที่จะขายนามรดกให้กับบุคคลใดย่อมเป็นคำสั่งเกี่ยวกับการจัดการมรดก เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดกที่จะกระทำเอง มิใช่เป็นอำนาจของศาล ฉะนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไป จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว (ศาลสูงพิพากษาเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้น)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1825/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการมรดกเป็นของผู้จัดการมรดก ศาลมิอาจสั่งขายเองได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง น. ส. และ สมเป็นผู้จัดการมรดกระหว่างจัดการมรดก ศาลนัดพร้อมผู้จัดการมรดกมาพร้อมกัน ผู้จัดการมรดกแถลงร่วมกันว่า ว.ข., และ ข. ขอซื้อที่นามรดกราคาไร่ละ 3,350 บาท ผู้จัดการมรดกเห็นชอบและตกลงขาย ศาลชั้นต้นให้รับเงินค่าที่นา 25% ไว้ หลังจากนั้นในวันเดียวกันนั้น สม. ยื่นคำร้องขอซื้อที่นามรดกในราคาไร่ละ 3,500 บาท ศาลชั้นต้นสั่งใหม่อนุญาตขายให้ สม. และคืนเงินให้ ว. กับพวก เช่นนี้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1723 การจัดการมรดกตกเป็นหน้าที่ของผู้จัดการมรดก จะให้ผู้ให้ทำแทนไม่ได้ เว้นแต่จะมีอำนาจทำได้โดยพินัยกรรมและอื่น ๆ (มาตรา 1723 ตอนท้าย) กรณีที่จะขายนามรดกให้กับบุคคลใดย่อมเป็นคำสั่งเกี่ยวกับการจัดการมรดก เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการมรดกที่จะกระทำเอง มิใช่เป็นอำนาจของศาล ฉะนั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไป จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว (ศาลสูงพิพากษาเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้น)