พบผลลัพธ์ทั้งหมด 395 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1809-1810/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดู: บิดามีสิทธิเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูแทนบุตรได้ แม้ไม่ได้รับมอบอำนาจ
ค่าอุปการะเลี้ยงดูที่บุตรมีต่อบิดามารดานั้น เป็นหนี้ที่จะแบ่งกันชำระมิได้ เมื่อบิดาฟ้องจำเลยที่ทำละเมิดต่อบุตรถึงตาย เรียกค่าขาดไร้อุปการะย่อมมีสิทธิเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูได้ทั้งหมดเพื่อประโยชน์แก่ภริยาซึ่งเป็นเจ้าหนี้ด้วยแม้บิดามิได้รับมอบอำนาจจากมารดาให้ฟ้องก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1787/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งโรงงานแปรรูปไม้ แม้ได้รับอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหกรรม ยังต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
การตั้งโรงงานแปรรูปไม้ซึ่งมิใช่ไม้หวงห้ามโดยได้รับอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว จะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ด้วย เพราะตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2518 มาตรา 19นั้น การตั้งโรงงานแปรรูปไม้จะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้เสมอไปมิฉะนั้นถือเป็นความผิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เพียงแต่มีการตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แม้ยังมิได้แปรรูปไม้ก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว โรงงานแปรรูปไม้ที่ตั้งขึ้นจะใช้แปรรูปไม้หวงห้ามหรือมิใช่ไม้หวงห้ามจึงไม่เป็นข้อสำคัญ สำหรับพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 50(4) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 116 ลงวันที่ 10 เมษายน 2515 ข้อ 6 นั้นเป็นข้อยกเว้นเฉพาะกรณีการแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองเท่านั้น ส่วนการตั้งโรงงานแปรรูปไม้หาได้อยู่ในข่ายข้อยกเว้นตามบทมาตราดังกล่าวไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1787/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งโรงงานแปรรูปไม้ต้องขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ แม้จะได้รับอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหกรรม
การตั้งโรงงานแปรรูปไม้ซึ่งมิใช่ไม้หวงห้ามโดยได้รับอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว จะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ด้วย เพราะตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่5) พ.ศ. 2518 มาตรา 19 นั้น การตั้งโรงงานแปรรูปไม้จะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พระราชบัญญัติป่าไม้เสมอไป มิฉะนั้นถือเป็นความผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น เพียงแต่มีการตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แม้ยังมิได้แปรรูปไม้ก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว โรงงานแปรรูปไม้ที่ตั้งขึ้นจะใช้แปรรูปไม้หวงห้ามหรือมิใช่ไม้หวงห้ามจึงไม่เป็นข้อสำคัญ สำหรับ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 50 (4) แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 116 ลงวันที่ 10 เมษายน 2515 ข้อ 6 นั้น เป็นข้อยกเว้นเฉพาะกรณีการแปรรูปไม้ และมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองเท่านั้น ส่วนการตั้งโรงงานแปรรูปไม้หาได้อยู่ในข่ายข้อยกเว้นตามบทมาตราดังกล่าวไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการผิดสัญญาเช่า: ศาลจำกัดขอบเขตค่าเสียหายเฉพาะค่าเช่าที่แท้จริง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวและที่ดินของโจทก์และเรียกค่าเสียหาย โดยกล่าวในคำฟ้องว่า หากจำเลยออกจากตึกแถวและที่ดินของโจทก์แล้วโอนขายให้กับ ส. ได้ตามสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับ ส. โจทก์จะได้รับชำระราคาที่ดินที่ยังค้างชำระจาก ส. ซึ่งเงินจำนวนนี้โจทก์ย่อมนำไปทำธุรกิจหาผลประโยชน์ต่อไปได้ อย่างน้อยที่สุดนำไปฝากธนาคารก็จะได้ดอกเบี้ยร้อยละ 8 ต่อปี ดังนี้ ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นค่าเสียหายที่ไกลกว่าเหตุการที่จำเลยไม่ยอมออกจากตึกแถวหรือออกจากตึกแถวล่าช้าค่าเสียหายควรเป็นจำนวนเงินเท่ากับค่าเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการไม่ปฏิบัติตามสัญญาเช่า: ศาลจำกัดเฉพาะค่าเช่าที่แท้จริง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวและที่ดินของโจทก์ และเรียกค่าเสียหายโดยกล่าวในคำฟ้องว่า หากจำเลยออกจากตึกแถวและที่ดินของโจทก์แล้ว โอนขายให้กับ ส. ได้ตามสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับ ส. โจทก์จะได้รับชำระราคาที่ดินที่ยังค้างชำระจาก ส. ซึ่งเงินจำนวนนี้โจทก์ย่อมนำไปทำธุรกิจหาผลประโยชน์ต่อไปได้ อย่างน้อยที่สุดนำไปฝากธนาคารก็จะได้ดอกเบี้ย ร้อยละ 8 ต่อปี ดังนี้ ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นค่าเสียหายที่ไกลกว่าเหตุ การที่จำเลยไม่ยอมออกจากตึกแถวหรือออกจากตึกแถวล่าช้า ค่าเสียหายควรเป็นจำนวนเงินเท่ากับค่าเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงิน, อัตราดอกเบี้ยตามสัญญา, การยกเหตุขาดอายุความในชั้นฎีกา และขอบเขตการพิพากษาเกินคำขอ
ข้อที่ว่าตามสำเนาสัญญากู้ท้ายฟ้อง ไม่มีวันเดือนปีที่ทำสัญญาดังที่โจทก์บรรยายในฟ้อง จะรับฟังว่าโจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสือไม่ได้นั้น จำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีไว้ และไม่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทั้งไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
ตามสัญญากู้ไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ เพียงแต่กำหนดไว้ว่าผู้กู้ยอมให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ให้กู้ทุกเดือน โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ร้อยละ 15 ต่อปีศาลพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
จำเลยฎีกาว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยก็มิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่าคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ประเด็นข้อนี้จึงยุติไปแล้ว จำเลยจะหยิบยกขึ้นฎีกาอีกหาได้ไม่
ตามสัญญากู้ไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ เพียงแต่กำหนดไว้ว่าผู้กู้ยอมให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ให้กู้ทุกเดือน โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ร้อยละ 15 ต่อปีศาลพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
จำเลยฎีกาว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยก็มิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่าคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ประเด็นข้อนี้จึงยุติไปแล้ว จำเลยจะหยิบยกขึ้นฎีกาอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทสัญญากู้เงิน: การกำหนดดอกเบี้ย, อายุความ, และการพิพากษาเกินคำขอ
ข้อที่ว่า ตามสำเนาสัญญากู้ท้ายฟ้อง ไม่มีวันเดือนปีที่ทำสัญญาดังที่โจทก์บรรรยายในฟ้อง จะรับฟังว่า โจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสือไม่ได้นั้น จำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีไว้ และไม่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทั้งไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
ตามสัญญากู้ไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ เพียงแต่กำหนดไว้ว่าผู้กู้ยอมให้ดอกเบี้ยผู้ให้กู้ทุกเดือน โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
จำเลยฎีกาว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยก็มิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่าคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ประเด็นข้อนี้จึงยุติไปแล้ว จำเลยจะหยิบยกขึ้นฎีกาอีกได้ไม่
ตามสัญญากู้ไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ เพียงแต่กำหนดไว้ว่าผู้กู้ยอมให้ดอกเบี้ยผู้ให้กู้ทุกเดือน โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
จำเลยฎีกาว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยก็มิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่าคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ประเด็นข้อนี้จึงยุติไปแล้ว จำเลยจะหยิบยกขึ้นฎีกาอีกได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1520/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิการเช่าตามประกาศคณะปฏิวัติ และการฟ้องซ้ำในคดีขับไล่
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 316 ให้โอนกิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และความรับผิดของสำนักงานปรับปรุงแหล่งชุมชนเทศบาลนครหลวง เฉพาะที่เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินและการปรับปรุงแหล่งเสื่อมโทรมให้แก่การเคหะแห่งชาตินั้น มีความหมายรวมถึงโอนสิทธิการเช่าที่ดินไปด้วย เพราะการจัดสรรที่ดินและปรับปรุงแหล่งเสื่อมโทรมเทศบาลนครหลวงต้องเช่าที่ดินจากผู้อื่นมาดำเนินการ
คดีก่อนศาลสั่งจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ถอนฟ้อง ยังไม่ได้มีคำพิพากษาชี้ขาดคดี โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่ได้
คดีก่อนศาลสั่งจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ถอนฟ้อง ยังไม่ได้มีคำพิพากษาชี้ขาดคดี โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1498/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าพิสูจน์ทางรังวัดเป็นข้อยุติ ศาลต้องใช้ผลรังวัดตัดสินคดี แม้มีข้อสงสัยเรื่องเนื้อที่
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนบ้านเรื่อนและสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การว่าที่ดินที่จำเลยปลูกเรือนอยู่ ไม่ได้อยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ ดังฟ้อง คู่ความตกลงท้ากันให้เจ้าหน้าที่ดินสอบเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ ถ้าปรากฏว่าเรือนที่จำเลยปลูกอยู่ ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ดังกล่าว หรือแต่บางส่วน จำเลยยอมแพ้ ถ้าสอบแล้ว ปรากฏว่าเรือนที่จำเลยอยู่ไม่ได้ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ โจทก์ยอมแพ้ ดังนี้เป็นเรื่องที่คู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาล โดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดสอบเขตของเจ้าพนักงานที่ดินเป็นข้อแพ้ชนะระหว่างกัน ฉะนั้น เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินได้ทำการรับวัดส่งแผนที่มายังศาลปรากฏว่าเรือนที่จำเลยปลูกอยู่ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ อันเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คู่ความตกลงท้ากันครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากาาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น จำเลยจะอ้างว่าเนื้อที่ดินที่เจ้าพนักงานรังวัดสอบเขตเกินไปจากเนื้อที่ในโฉนด 54 ตารางวา กรณีเป็นที่สงสัยว่าเรือนของจำเลยปลูกอยู่ในที่ดินส่วนที่เกินจะต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปหาได้ไม่ เพราะที่ดินของโจทก์มีเนื้อที่เท่าใดไม่เป็นประเด็นในคำท้า ข้อเท็จจริงแห่งคดีเป็นอันยุติไปตามคำท้านั้นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1498/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าทายการรังวัด: ผลผูกพันตามสัญญาและการยุติข้อพิพาท
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การว่าที่ดินที่จำเลยปลูกเรือนอยู่ ไม่ได้อยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ดังฟ้องคู่ความตกลงท้ากันให้เจ้าพนักงานที่ดินสอบเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ ถ้าปรากฏว่าเรือนที่จำเลยปลูกอยู่ ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ดังกล่าว หรือแต่บางส่วน จำเลยยอมแพ้ถ้าสอบแล้วปรากฏว่าเรือนที่จำเลยอยู่ไม่ได้ปลูกอยู่ไม่ได้ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ โจทก์ยอมแพ้ ดังนี้เป็นเรื่องที่คู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาลโดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดสอบเขตของเจ้าพนักงานที่ดินเป็นข้อแพ้ชนะระหว่างกัน ฉะนั้น เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินได้ทำการรังวัดส่งแผนที่มายังศาลปรากฏว่าเรือนที่จำเลยปลูกอยู่ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ อันเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คู่ความตกลงท้ากันครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น จำเลยจะอ้างว่าเนื้อที่ดินที่เจ้าพนักงานรังวัดสอบเขตเกินไปจากเนื้อที่ในโฉนด 54 ตารางวา กรณีเป็นที่สงสัยว่าเรือนของจำเลยปลูกอยู่ในที่ดินส่วนที่เกินจะต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปหาได้ไม่ เพราะที่ดินของโจทก์มีเนื้อที่เท่าใดไม่เป็นประเด็นในคำท้า ข้อเท็จจริงแห่งคดีเป็นอันยุติไปตามคำท้านั้นแล้ว