คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อัมพล สุวรรณภักดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 395 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1603/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิ/หนี้ในสัญญาประกันภัยต้องมีสัญญาระหว่างเจ้าหนี้-ลูกหนี้ใหม่ การรับทราบ/ทวงถามหนี้ไม่ผูกพันจำเลย
สัญญาประกันภัยเป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งคู่สัญญาต่างก็เป็นทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้. การโอนและรับโอนบรรดากิจการทรัพย์สินและหนี้สินระหว่างโจทก์กับบริษัท ฮ. ซึ่งจำเลยเป็นผู้เอาประกันภัยไว้นั้น เป็นทั้งการโอนสิทธิเรียกร้องและการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ซึ่งจะต้องทำเป็นสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่. แต่จะทำโดยขืนใจลูกหนี้เดิมมิได้. แม้จำเลยจะมิได้โต้แย้งเมื่อได้รับทราบถึงการโอนดังกล่าวหรือเมื่อโจทก์ทวงถามให้ชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัย. เมื่อมิได้ทำเป็นสัญญากันระหว่างโจทก์และจำเลย. จำเลยก็ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้ชำระเบี้ยประกันภัยที่ค้างชำระ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1603/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ในสัญญาประกันภัยต้องทำสัญญาใหม่ระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ใหม่ การยินยอมโดยปริยายใช้ไม่ได้
สัญญาประกันภัยเป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งคู่สัญญาต่างก็เป็นทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ การโอนและรับโอนบรรดากิจการทรัพย์สินและหนี้สินระหว่างโจทก์กับบริษัท ฮ. ซึ่งจำเลยเป็นผู้เอาประกันภัยไว้นั้น เป็นทั้งการโอนสิทธิเรียกร้องและการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ซึ่งจะต้องทำเป็นสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่. แต่จะทำโดยขืนใจลูกหนี้เดิมมิได้ แม้จำเลยจะมิได้โต้แย้งเมื่อได้รับทราบถึงการโอนดังกล่าวหรือเมื่อโจทก์ทวงถามให้ชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัย เมื่อมิได้ทำเป็นสัญญากันระหว่างโจทก์และจำเลย จำเลยก็ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้ชำระเบี้ยประกันภัยที่ค้างชำระ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความละเมิดของผู้เยาว์ที่ไม่มีผู้แทน โดยชอบธรรม - การขยายอายุความตามมาตรา 183
เกิดเหตุละเมิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2520 คดีจะขาด อายุความฟ้องร้องในวันที่ 11 ธันวาคม 2521 แต่ ส.ซึ่งเป็นบุตรผู้ตายยังเป็นผู้เยาว์ที่ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม ส.จึงได้รับประโยชน์จากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 183 ให้อายุความขยายออกไปอีก 1 ปี นับแต่เวลาเมื่อความที่ขาดตัวผู้แทน โดย ชอบธรรมอยู่นั้นได้สิ้นไปแล้วศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางมีคำสั่ง ตั้งให้โจทก์เป็นผู้ปกครองของ ส. เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2522และโจทก์ฟ้องคดีนี้ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2523 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1379/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยทำให้ไม่ต้องรับผิดตามสัญญา และการรับสภาพหนี้โดยไม่มีมูลหนี้
จำเลยทำสัญญารับจ้างเฝ้ารักษาไม้ของกลางไว้แก่โจทก์ถ้าไม้ขาดหายหรือเป็นอันตรายจำเลยยอมให้ปรับเป็นเงินต่อมาเกิดอุทกภัยพัดพาเอาไม้ของกลางสูญหายไปทั้งหมดอันถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยจึงไม่ก่อให้เกิดหนี้ที่จำเลยต้องรับผิดตามสัญญาฉะนั้นแม้จำเลยจะทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้แก่โจทก์และชำระหนี้ให้แก่โจทก์ไปบางส่วนแล้วก็หามีผลให้จำเลยต้องรับผิดชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้แก่โจทก์อีกไม่เพราะเป็นการรับสภาพหนี้โดยปราศจากมูลหนี้ที่จะให้รับสภาพจึงไม่มีผลบังคับแก่กัน(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 484/2516).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1379/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยทำให้ไม่ต้องรับผิดตามสัญญา และการรับสภาพหนี้ที่ไม่มีมูลหนี้
จำเลยทำสัญญารับจ้างเฝ้ารักษาไม้ของกลางไว้แก่โจทก์ ถ้าไม้ขาดหายหรือเป็นอันตรายจำเลยยอมให้ปรับเป็นเงิน ต่อมาเกิดอุทกภัยพัดพาเอาไม้ของกลางสูญหายไปทั้งหมดอันถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย จึงไม่ก่อให้เกิดหนี้ที่จำเลยต้องรับผิดตามสัญญาฉะนั้นแม้จำเลยจะทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้แก่โจทก์และชำระหนี้ให้แก่โจทก์ไปบางส่วนแล้ว ก็หามีผลให้จำเลยต้องรับผิดชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้แก่โจทก์อีกไม่เพราะเป็นการรับสภาพหนี้โดยปราศจากมูลหนี้ที่จะให้รับสภาพ จึงไม่มีผลบังคับแก่กัน(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 484/2516).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1273/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและหนี้ที่รู้ฐานะลูกหนี้ล้มละลาย สิทธิการรับชำระหนี้
สัญญาบัญชีเดินสะพัดนั้น เมื่อลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลายในระหว่างที่สัญญามีผลใช้บังคับอยู่ ย่อมถือได้ว่าสัญญาบัญชีเดินสะพัดเป็นอันต้องยกเลิกกันไปโดยปริยายนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดเจ้าหนี้จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นเอากับลูกหนี้ได้จนถึงวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดเท่านั้น
การที่ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้อยู่เป็นจำนวนมากและไม่ได้ติดต่อกับธนาคารเจ้าหนี้ทางบัญชีมาประมาณ 2 ปีทั้งไม่เคยชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้จนกระทั่งวันที่มาทำสัญญากู้ซึ่งลักษณะการติดต่อทางบัญชีเช่นนี้ผู้ประกอบธุรกิจเยี่ยงธนาคารย่อมรู้อยู่แก่ใจดีว่าลูกหนี้ขณะนั้นมีสภาพเช่นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวไม่อาจชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ได้เป็นเวลาถึง 2 ปีเมื่อลูกหนี้มาขอกู้เงินจากธนาคารเพิ่มอีกธนาคารเจ้าหนี้ยังให้กู้ไปเช่นนี้ถือได้ว่าธนาคารเจ้าหนี้รู้ถึงความเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวของลูกหนี้ในขณะที่ยินยอมให้ลูกหนี้ก่อหนี้ตามสัญญากู้ขึ้นอีกหนี้ดังกล่าวจึงต้องห้ามมิให้นำมาขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483มาตรา 94(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1273/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและการล้มละลาย: สิทธิคิดดอกเบี้ยและการรู้ถึงหนี้สินล้นพ้นตัว
สัญญาบัญชีเดินสะพัดนั้น เมื่อลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลายในระหว่างที่สัญญามีผลใช้บังคับอยู่ ย่อมถือได้ว่าสัญญาบัญชีเดินสะพัดเป็นอันต้องยกเลิกกันไปโดยปริยายนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด เจ้าหนี้จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นเอากับลูกหนี้ได้จนถึงวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดเท่านั้น
การที่ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้อยู่เป็นจำนวนมากและไม่ได้ติดต่อกับธนาคารเจ้าหนี้ทางบัญชีมาประมาณ 2 ปีทั้งไม่เคยชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้จนกระทั่งวันที่มาทำสัญญากู้ ซึ่งลักษณะการติดต่อทางบัญชีเช่นนี้ ผู้ประกอบธุรกิจเยี่ยงธนาคารย่อมรู้อยู่แก่ใจดีว่าลูกหนี้ขณะนั้นมีสภาพเช่นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวไม่อาจชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ได้เป็นเวลาถึง 2 ปีเมื่อลูกหนี้มาขอกู้เงินจากธนาคารเพิ่มอีก ธนาคารเจ้าหนี้ยังให้กู้ไป เช่นนี้ ถือได้ว่าธนาคารเจ้าหนี้รู้ถึงความเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวของลูกหนี้ในขณะที่ยินยอมให้ลูกหนี้ก่อหนี้ตามสัญญากู้ขึ้นอีก หนี้ดังกล่าวจึงต้องห้ามมิให้นำมาขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483มาตรา 94(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้กลางช่วยเหลือเรียกค่าไถ่โดยสุจริต ไม่ใช่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315
จำเลยที่ 2 ติดต่อคนร้ายเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งถูกจับไปเรียก ค่าไถ่โดยสุจริต ไม่มีพฤติการณ์ใดส่อไปในทำนองว่ามีส่วนได้เสียหรือ ร่วมรู้เห็นเป็นใจกับคนร้าย ผู้เสียหายกับจำเลยอยู่คนละจังหวัด การเดินทางไปติดต่อคนร้ายก็ดี ติดต่อผู้เสียหายก็ดีย่อมต้องเสียค่าใช้จ่าย การที่ผู้เสียหายมอบเงินจำนวนหนึ่งให้จำเลยเป็นค่าใช้จ่ายเงินดังกล่าว จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่มิควรได้ตามความหมายของมาตรา 315 แห่ง ประมวลกฎหมายอาญา การกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยเหลือผู้เสียหายเรียกค่าไถ่โดยสุจริต ไม่ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315
จำเลยที่ 2 ติดต่อคนร้ายเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งถูกจับไปเรียกค่าไถ่โดยสุจริต ไม่มีพฤติการณ์ใดส่อไปในทำนองว่ามีส่วนได้เสียหรือร่วมรู้เห็นเป็นใจกับคนร้าย ผู้เสียหายกับจำเลยอยู่คนละจังหวัด การเดินทางไปติดต่อคนร้ายก็ดี ติดต่อผู้เสียหายก็ดี ย่อมต้องเสียค่าใช้จ่าย การที่ผู้เสียหายมอบเงินจำนวนหนึ่งให้จำเลยเป็นค่าใช้จ่าย เงินดังกล่าวจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่มิควรได้ตามความหมายของมาตรา 315 แห่งประมวลกฎหมายอาญา การกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไฟฟ้านครหลวงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าไฟฟ้า หากผู้เช่าไม่ชำระ และการบอกเลิกสัญญาต้องเป็นลายลักษณ์อักษร
ข้อบังคับของการไฟฟ้านครหลวงจำเลยที่ 1 ระบุความรับผิดชอบของผู้ใช้ไฟฟ้าไว้ว่าจะต้องรับผิดชอบชำระค่าไฟฟ้าจนกว่าจะแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรบอกเลิกหรือโอนการใช้ไฟฟ้าให้จำเลยที่ 1 ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน ดังนั้น การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าขอให้จำเลยที่ 1 งดจ่ายกระแสไฟฟ้าชั่วคราวสำหรับตึกแถวของโจทก์ที่ให้บุคคลอื่นเช่าจึงไม่เป็นการบอกเลิกการใช้ไฟฟ้าตามข้อบังคับดังกล่าว หามีผลให้จำเลยที่ 1 จำต้องปฏิบัติตามแต่ประการใดไม่ โจทก์ต้องรับผิดชอบชำระค่ากระแสไฟฟ้าที่ได้ใช้ไปในตึกแถวดังกล่าวการกระทำของจำเลยที่ 1 ย่อมไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์
ฎีกาโจทก์มิได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่าเอกสารหมาย ล. 2 ส่งเข้ามาในสำนวนโดยผิดกฎหมายอย่างไร เพียงแต่โจทก์กล่าวอ้างขึ้นลอย ๆ มิได้อ้างอิงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นโต้เถียงในประเด็นข้อพิพาทไว้โดยชัดแจ้งในฎีกาจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 40