คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อาจ ปัญญาดิลก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 669 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฉ้อค่าภาษี: การสำแดงรายการสินค้าผิดประเภทเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี
สินค้าที่จัดอยู่ในพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่35.06นั้นจะต้องเป็นการที่ปรุงแต่งแล้วซึ่งมิได้ระบุหรือรวมไว้ในที่อื่นรวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับใช้อย่างกาวแต่สินค้าที่จำเลยนำเข้ายังไม่เป็นกาวและจำเลยทั้งสามรู้อยู่แล้วว่ากรมศุลกากรเคยเรียกเก็บอากรขาเข้าในพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่39.01ก.มาแล้วจำเลยทั้งสามยังสำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าว่าเป็นสินค้าในพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่35.06อีกทั้งๆที่กรณีมิได้เข้าข้อยกเว้นตามที่จำเลยนำสืบต่อสู้อันเป็นการกระทำเพื่อชักพาให้พนักงานเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรผิดหลงในรายการสินค้าและพิกัดอัตราอากรขาเข้าตามที่จำเลยสำแดงไว้เพื่อจะได้ชำระอากรขาเข้าเป็นจำนวนน้อยกว่าพิกัดอัตราอากรขาเข้าที่ถูกต้องถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฉ้อค่าภาษีของรัฐบาล.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตและขาดความปลอดภัย กฎหมายให้อำนาจเจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งรื้อถอนได้ แม้มีข้อบกพร่องในคำสั่ง
จำเลยเป็นผู้ก่อสร้างต่อเติมอาคารพิพาทโดยไม่ได้รับอนุญาตและการต่อเติมนั้นเป็นเหตุให้ขาดประโยชน์แห่งการป้องกันอัคคีภัย และการผังเมืองไม่ต้องด้วยวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 แม้อาคารพิพาทจะมีความมั่นคงแข็งแรงก็ถือได้ว่ามีเหตุสมควรที่จะต้องรื้อถอน หัวหน้าเขตมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างปกคลุมทางเดิน และต่อมาได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยระงับกับการก่อสร้าง ปรากฏว่าจำเลยมิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งของหัวหน้าเขตดังกล่าวภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด แม้ต่อมาหัวหน้าเขตจะมีคำสั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างอาคารที่ปิดทางเดินด้านหลังและที่ต่อเชื่อมอาคารด้านข้างโดยไม่ได้รับอนุญาต และยังได้มีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างปกคลุมทางเดินอีกครั้งหนึ่ง จำเลยได้รับคำสั่งแล้วแต่จำเลยก็มิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งของหัวหน้าเขตครั้งหลังนี้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดเช่นเดียวกันโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตได้การที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของหัวหน้าเขตในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นเกินสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่ง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 52 โจทก์จึงไม่จำต้องรอฟังคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก่อน
แม้คำสั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาทจะกำหนดให้จำเลยรื้อถอนอาคารน้อยกว่าสามสิบวัน อันเป็นการไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 42 วรรคแรก แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้ภายหลังที่จำเลยได้รับคำสั่งดังกล่าวนานถึง 2 ปีเศษ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ส่วนที่คำสั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาทออกภายหลังคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างเกินกว่า 30 วัน ก็ไม่ทำให้อำนาจทั้งตามมาตรา 11 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 และตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการที่จะสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ดัดแปลงหรือต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องหมดไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตและขัดต่อกฎหมายผังเมือง เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งรื้อถอนได้
จำเลยเป็นผู้ก่อสร้างต่อเติมอาคารพิพาทโดยไม่ได้รับอนุญาตและการต่อเติมนั้นเป็นเหตุให้ขาดประโยชน์แห่งการป้องกันอัคคีภัยและการผังเมืองไม่ต้องด้วยวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522แม้อาคารพิพาทจะมีความมั่นคงแข็งแรงก็ถือได้ว่ามีเหตุสมควรที่จะต้องรื้อถอนหัวหน้าเขตมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างปกคลุมทางเดินและต่อมาได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยระงับกับการก่อสร้างปรากฏว่าจำเลยมิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งของหัวหน้าเขตดังกล่าวภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดแม้ต่อมาหัวหน้าเขตจะมีคำสั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างอาคารที่ปิดทางเดินด้านหลังและที่ต่อเชื่อมอาคารด้านข้างโดยไม่ได้รับอนุญาตและยังได้มีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างปกคลุมทางเดินอีกครั้งหนึ่งจำเลยได้รับคำสั่งแล้วแต่จำเลยก็มิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งของหัวหน้าเขตครั้งหลังนี้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดเช่นเดียวกันโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตได้การที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของหัวหน้าเขตในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นเกินสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่งต้องห้ามตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522มาตรา52โจทก์จึงไม่จำต้องรอฟังคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก่อน. แม้คำสั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาทจะกำหนดให้จำเลยรื้อถอนอาคารน้อยกว่าสามสิบวันอันเป็นการไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522มาตรา42วรรคแรกแต่โจทก์ฟ้องคดีนี้ภายหลังที่จำเลยได้รับคำสั่งดังกล่าวนานถึง2ปีเศษโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องส่วนที่คำสั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาทออกภายหลังคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างเกินกว่า30วันก็ไม่ทำให้อำนาจทั้งตามมาตรา11ทวิแห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารพุทธศักราช2479และตามมาตรา42แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการที่จะสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ดัดแปลงหรือต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องหมดไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนอาคารที่ต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้มีความมั่นคงแข็งแรง แต่ขัดต่อกฎหมายผังเมืองและป้องกันอัคคีภัย
หัวหน้าเขตซึ่งเป็นเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างปกคลุมทางเดินแล้วต่อมาได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยระงับการก่อสร้างปรากฏว่าจำเลยมิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดแม้ต่อมาหัวหน้าเขตจะมีคำสั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างอาคารดังกล่าวอีกและจำเลยได้ใช้สิทธิอุทธรณ์ก็เป็นการอุทธรณ์เมื่อเกินสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่งครั้งหลังโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ต่อเติมขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตได้โดยไม่จำต้องรอฟังคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก่อนกรณีเช่นนี้แม้จะได้ความว่าอาคารพิพาทมีความมั่นคงแข็งแรงแต่เมื่อจำเลยก่อสร้างต่อเติมจนเป็นเหตุให้ขาดประโยชน์แห่งการป้องกันอัคคีภัยก็ถือได้ว่ามีเหตุสมควรที่จะต้องรื้อถอน แม้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ต่อเติมน้อยกว่าสามสิบวันอันเป็นการไม่ชอบด้วยพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522มาตรา42วรรคแรกก็ตามแต่โจทก์ฟ้องคดีนี้ภายหลังที่จำเลยได้รับคำสั่งนานถึง3ปีเศษโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานศาลวางแผนเปลี่ยนตัวจำเลยเพื่อหลีกเลี่ยงโทษทางอาญา เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยต่อศาล
ผู้ถูกกล่าวหาวางแผนและดำเนินการเปลี่ยนตัวจำเลยโดยติดต่อว่าจ้างว.ให้รับโทษจำคุกแทนจำเลยการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา31(1).(ที่มา-ส่งเสิรมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานศาลวางแผนเปลี่ยนตัวจำเลยเพื่อหลีกเลี่ยงการรับโทษ ถือเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อย
ผู้ถูกกล่าวหาวางแผนและดำเนินการเปลี่ยนตัวจำเลยโดยติดต่อว่าจ้างว. ให้รับโทษจำคุกแทนจำเลยการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลตามป.วิ.พ.มาตรา31(1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพยานขัดแย้ง พยานหลักฐานโจทก์อ่อนแอ ศาลยกฟ้องคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
โจทก์มีประจักษ์พยานปากเดียวมาเบิกความยันกับจำเลยแต่เป็นคำพยานที่ขัดกับพยานแวดล้อมอื่นเมื่อประจักษ์พยานให้การว่าเห็นจำเลยเป็นคนร้ายหลังจากที่พยานเองถูกพนักงานสอบสวนสอบปากคำเพราะสงสัยว่าพยานจะร่วมทำร้ายผู้ตายคำของพยานโจทก์ดังกล่าวจึงมีน้ำหนักน้อยไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานขัดแย้งไม่น่าเชื่อถือ ศาลยกฟ้องคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
โจทก์มีประจักษ์พยานปากเดียวมาเบิกความยันกับจำเลยแต่เป็นคำพยานที่ขัดกับพยานแวดล้อมอื่นเมื่อประจักษ์พยานให้การว่าเห็นจำเลยเป็นคนร้ายหลังจากที่พยานเองถูกพนักงานสอบสวนสอบปากคำเพราะสงสัยว่าพยานจะร่วมทำร้ายผู้ตายคำของพยานโจทก์ดังกล่าวจึงมีน้ำหนักน้อยไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละการครอบครองที่ดินและผลกระทบต่อกรรมสิทธิ์ การครอบครองแทนจำเลย
น.บุตรสาวของโจทก์เอาที่ดินพิพาทมายื่นเรื่องราวขอออกส.ค.1และน.ส.3โดยอ้างว่าได้รับมรดกต่อมาน.ก็นำที่ดินพิพาทมาจดทะเบียนขายฝากไว้กับส.แล้วน.ได้ไถ่คืนและทำสัญญาจดทะเบียนขายฝากไว้กับจำเลยมีกำหนด1ปีซึ่งครบกำหนดแล้วโดยน.ไม่ได้ไถ่เอาที่ดินพิพาทคืนโจทก์รู้เห็นยินยอมให้น.นำที่ดินพิพาทไปออกน.ส.3และขายฝากที่ดินดังกล่าวไว้กับจำเลยด้วยเมื่อที่ดินนั้นหลุดเป็นสิทธิของจำเลยแล้วโจทก์ยังเข้าไปเกี่ยวข้องให้ห.บุตรสาวอีกคนหนึ่งทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทอีกซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวพอถือได้แล้วว่าโจทก์ได้สละการครอบครองที่ดินพิพาทไปแล้วเพียงยึดถือครอบครองตามสิทธิในสัญญาเช่าซึ่งเป็นการครอบครองแทนจำเลยเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละการครอบครองที่ดินและการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์จากมรดกสู่การขายฝากและเช่า
น.บุตรสาวของโจทก์เอาที่ดินพิพาทมายื่นเรื่องราวขอออก ส.ค.1และ น.ส.3 โดยอ้างว่าได้รับมรดก ต่อมา น. ก็นำที่ดินพิพาทมาจดทะเบียนขายฝากไว้กับ ส. แล้ว น. ได้ไถ่คืนและทำสัญญาจดทะเบียนขายฝากไว้กับจำเลยมีกำหนด 1 ปีซึ่งครบกำหนดแล้วโดย น. ไม่ได้ไถ่เอาที่ดินพิพาทคืน โจทก์รู้เห็นยินยอมให้ น. นำที่ดินพิพาทไปออก น.ส.3 และขายฝากที่ดินดังกล่าวไว้กับจำเลยด้วย เมื่อที่ดินนั้นหลุดเป็นสิทธิของจำเลยแล้ว โจทก์ยังเข้าไปเกี่ยวข้องให้ ห.บุตรสาวอีกคนหนึ่งทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทอีก ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวพอถือได้แล้วว่า โจทก์ได้สละการครอบครองที่ดินพิพาทไปแล้วเพียงยึดถือครอบครองตามสิทธิในสัญญาเช่า ซึ่งเป็นการครอบครองแทนจำเลยเท่านั้น
of 67