พบผลลัพธ์ทั้งหมด 669 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4000/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้าราชการตำรวจยักยอกเงินค่าภาษีรถยนต์ แม้มีคำสั่งมอบหมายงานเพิ่มเติม ไม่กระทบหน้าที่เดิม
ผู้บังคับการตำรวจภูธร. เขต 3 มีคำสั่งให้จำเลยเป็นสิบตำรวจตรีประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิทำหน้าที่ผู้ช่วยเสมียนทะเบียนยานพาหนะกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิจำเลยจึงมีหน้าที่รับเงินค่าภาษีรถยนต์และค่าภาษียานพาหนะอื่น ได้ทั้งหมดแล้วนำส่งให้แก่สารวัตรการเงินและบัญชี การที่ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิมีคำสั่งให้จำเลยเป็นหัวหน้า สำหรับประเภทล้อเลื่อน ไม่มีผลเป็นการลบล้างหรือยกเลิกคำสั่ง ของกองบังคับการตำรวจภูธร เขต 3 ซึ่งเป็นหน่วยราชการ ที่เหนือกว่าได้ จำเลยยังคงมีอำนาจและหน้าที่ปฏิบัติงานในตำแหน่ง ผู้ช่วยเสมียนทะเบียนยานพาหนะกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ อยู่เช่นเดิมเมื่อจำเลยรับเงินค่าภาษีรถยนต์แล้วเบียดบังเป็นของจำเลย ย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 จำเลยอ้างว่าคำสั่งของผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายเพราะออกโดยอาศัยอำนาจตามระเบียบกรมตำรวจว่าด้วยการมอบหมายอำนาจการสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจแต่โจทก์จำเลยมิได้อ้างและนำสืบถึงระเบียบดังกล่าว จำเลยได้นำเข้าสู่สำนวนความโดยมีคำแถลงส่งต่อศาลอุทธรณ์เมื่อจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว จึงเป็นข้อที่จำเลย มิได้อ้างไว้ในศาลชั้นต้นศาลฎีการับวินิจฉัยให้ ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3977/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ: ผู้ทรงเช็คมีสิทธิฟ้องผู้สั่งจ่ายได้โดยไม่ต้องแสดงรายละเอียดการรับโอน
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ โจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือเช็คพิพาทจึงเป็นผู้ทรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 904 และตามมาตรา 914 บุคคลซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายย่อมเป็นอันสัญญาว่า เมื่อตั๋วนั้นได้นำมายื่นโดยชอบแล้ว จะมีผู้ใช้เงินตามเนื้อความแห่งตั๋ว ถ้าและตั๋วแลกเงินนั้นเขาไม่เชื่อถือโดยไม่ยอมจ่ายเงิน ผู้สั่งจ่ายก็จะใช้เงินแก่ผู้ทรง เมื่อโจทก์ในฐานะผู้ทรงได้นำเช็คพิพาทเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินและธนาคารปฏิเสธไม่ยอมจ่ายเงิน โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้ใช้เงินแก่โจทก์ได้โดยไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทในฐานะอะไร ได้รับโอนจากใคร เมื่อใด และมีมูลหนี้อย่างไรไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม จำเลยให้การว่าโจทก์ได้เช็คพิพาทมาโดยไม่สุจริตเพราะยักยอกจากผู้มีชื่อ เป็นคำให้การที่ปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 แล้ว จำเลยมีสิทธิตามข้อต่อสู้ดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3973/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการวิวาทและการพกพาอาวุธ กรณีจำเลยพร้อมเผชิญหน้าแม้ถูกทำร้ายก่อน
การที่จำเลยพกมีดออกจากบ้านและไปนั่งรอผู้ตายในลักษณะ ที่ แสดงว่าจำเลยพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับผู้ตายแม้ผู้ตายจะเป็น ฝ่ายลงมือทำร้ายจำเลยก่อน ตามพฤติการณ์แห่งคดีถือได้ว่าจำเลย สมัครใจวิวาทต่อสู้กับผู้ตายการที่จำเลยทำร้ายผู้ตายจึงไม่เป็นการป้องกัน และจากบาดแผลซึ่งผู้ตายถูกแทงโดยแรงที่อวัยวะสำคัญ ถือได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3973/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการวิวาทและการพกพาอาวุธ เตรียมใจเผชิญหน้าถือเป็นการสมัครใจวิวาท
การที่จำเลยพกมีดออกจากบ้านและไปนั่งรอผู้ตายในลักษณะ ที่แสดงว่าจำเลยพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับผู้ตาย แม้ผู้ตายจะเป็น ฝ่ายลงมือทำร้ายจำเลยก่อน ตามพฤติการณ์แห่งคดีถือได้ว่าจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับผู้ตาย การที่จำเลยทำร้ายผู้ตายจึงไม่เป็นการป้องกัน และจากบาดแผลซึ่งผู้ตายถูกแทงโดยแรงที่อวัยวะสำคัญ ถือได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3740/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมโดยการใช้ต่อเนื่อง และอายุความของสิทธิเรียกร้องที่เกิดจากสัญญาประนีประนอม
ที่ดินของโจทก์กับพวกอยู่ติดกับที่ดินของจำเลยทั้งสองโจทก์กับพวก ซึ่งอยู่ในที่ดินของตนเองได้เดินผ่านเข้าออกตรงกลางที่ดินของจำเลย เมื่อ 7-8 ปี ที่ผ่านมาจำเลยที่ 2 ปลูกโรงอิฐทำอิฐขายในที่ดินของจำเลย จึงขอให้ โจทก์ย้ายทางเดินผ่านเข้าออกจากกลางที่ดินมาอยู่ทางทิศใต้ของที่ดินจำเลยซึ่งเป็นทางพิพาท การที่โจทก์ผู้ใช้ทางต้องย้ายทาง ที่ใช้อยู่เดิม ไปใช้ทางใหม่เป็นการย้ายไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 2 เจ้าของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1392 จึงต้องนับอายุความทางภาระจำยอมติดต่อกัน เมื่อโจทก์กับพวก ได้ใช้สิทธิเดินผ่านเข้าออกในที่ดินของจำเลยทั้งสองมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว โจทก์จึงได้สิทธิภาระจำยอมในทางพิพาท
ที่ดินที่มีทางออกเป็นภาระจำยอมอยู่แล้ว แม้จะมีทางออกทางอื่นอีก ก็หาทำให้ทางภาระจำยอมที่มีอยู่แล้วสิ้นไป ไม่ ภาระจำยอมจะสิ้นไป ก็เฉพาะกรณีที่มิได้ใช้สิบปีหรือภาระจำยอมหมดประโยชน์แก่สามยทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399 และมาตรา 1400 คดีไม่มีประเด็นว่าโจทก์จำเลยได้ตกลงเปลี่ยนที่ดินกันหรือไม่ การที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์จำเลยมีการตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกัน เป็นการสืบนอกคำให้การและนอกประเด็นจำเลยฎีกาเรื่องนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่ดินที่มีทางออกเป็นภาระจำยอมอยู่แล้ว แม้จะมีทางออกทางอื่นอีก ก็หาทำให้ทางภาระจำยอมที่มีอยู่แล้วสิ้นไป ไม่ ภาระจำยอมจะสิ้นไป ก็เฉพาะกรณีที่มิได้ใช้สิบปีหรือภาระจำยอมหมดประโยชน์แก่สามยทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399 และมาตรา 1400 คดีไม่มีประเด็นว่าโจทก์จำเลยได้ตกลงเปลี่ยนที่ดินกันหรือไม่ การที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์จำเลยมีการตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกัน เป็นการสืบนอกคำให้การและนอกประเด็นจำเลยฎีกาเรื่องนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3740/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมโดยการใช้ต่อเนื่อง และอายุความในการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากละเมิด
ที่ดินของโจทก์กับพวกอยู่ติดกับที่ดินของจำเลยทั้งสอง โจทก์กับพวก ซึ่งอยู่ในที่ดินของตนเองได้เดินผ่านเข้าออกตรงกลางที่ดินของจำเลย เมื่อ 7 - 8 ปี ที่ผ่านมาจำเลยที่ 2 ปลูกโรงอิฐทำอิฐขายในที่ดินของจำเลย จึงขอให้ โจทก์ย้ายทางเดินผ่านเข้าออกจากกลางที่ดินมาอยู่ทางทิศใต้ของที่ดินจำเลยซึ่งเป็นทางพิพาท การที่โจทก์ผู้ใช้ทางต้องย้ายทางที่ใช้อยู่เดิมไปใช้ทางใหม่เป็นการย้ายไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 2 เจ้าของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1392 จึงต้องนับอายุความทางภาระจำยอมติดต่อกัน เมื่อโจทก์กับพวกได้ใช้สิทธิเดินผ่านเข้าออกในที่ดินของจำเลยทั้งสองมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว โจทก์จึงได้สิทธิภาระจำยอมในทางพิพาท
ที่ดินที่มีทางออกเป็นภาระจำยอมอยู่แล้ว แม้จะมีทางออกทางอื่นอีก ก็หาทำให้ทางภาระจำยอมที่มีอยู่แล้วสิ้นไปไม่ ภาระจำยอมจะสิ้นไปก็เฉพาะกรณีที่มิได้ใช้สิบปี หรือภาระจำยอมหมดประโยชน์แก่สามยทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399 และมาตรา 1400
คดีไม่มีประเด็นว่าโจทก์จำเลยได้ตกลงเปลี่ยนที่ดินกันหรือไม่ การที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์จำเลยมีการตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกัน เป็นการสืบนอกคำให้การและนอกประเด็น จำเลยฎีกาเรื่องนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่ดินที่มีทางออกเป็นภาระจำยอมอยู่แล้ว แม้จะมีทางออกทางอื่นอีก ก็หาทำให้ทางภาระจำยอมที่มีอยู่แล้วสิ้นไปไม่ ภาระจำยอมจะสิ้นไปก็เฉพาะกรณีที่มิได้ใช้สิบปี หรือภาระจำยอมหมดประโยชน์แก่สามยทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399 และมาตรา 1400
คดีไม่มีประเด็นว่าโจทก์จำเลยได้ตกลงเปลี่ยนที่ดินกันหรือไม่ การที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์จำเลยมีการตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกัน เป็นการสืบนอกคำให้การและนอกประเด็น จำเลยฎีกาเรื่องนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3539/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้ทำให้ อายุความสะดุดหยุดลง และประเด็นฟ้องเคลือบคลุมต้องห้ามวินิจฉัยในชั้นฎีกา
จำเลยทำหนังสือรับว่าในปี พ.ศ.2522 ระหว่างที่จำเลยมีส่วนรับผิดชอบในการรับเงินและการจ่ายเงินของโจทก์มีเงินขาดบัญชี ไปจำนวนหนึ่งจำเลยจะนำหลักฐานไปตรวจสอบกับบัญชีของโจทก์ภายใน 180 วันนับแต่วันทำบันทึกหากตรวจสอบได้ผลว่าเงินขาดบัญชีไปเท่าใด จำเลยยินยอมชดใช้ให้โจทก์ภายใน180วันข้อความดังกล่าวมีความหมายว่าหากตรวจสอบแล้วปรากฏว่าเงินขาดบัญชีไปจริงจำเลยยินยอมจะชดใช้ให้ ถือได้ว่าจำเลยรับสภาพต่อโจทก์ตามสิทธิเรียกร้องด้วยทำหนังสือรับสภาพให้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 อายุความฟ้องคดีของโจทก์จึงสะดุดหยุดลงจำเลยรับว่าจะนำหลักฐานไปตรวจสอบบัญชี ของโจทก์ภายใน180วันนับแต่วันทำบันทึกและรับจะชดใช้เงินที่ ขาดบัญชีให้โจทก์ภายใน 180 วันเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง จึงเป็นเวลา 360 วันนับแต่วันทำบันทึกแล้วเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่ แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการทำละเมิดแต่โจทก์ฟ้องคดีภายในหนึ่งปีนับแต่วันเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความพิพากษายกฟ้องโดยมิได้ วินิจฉัยในประเด็นฟ้องเคลือบคลุมโจทก์อุทธรณ์ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยมิได้อ้างในคำแก้อุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมประเด็นเรื่อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ก็เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบฎีกาจำเลยข้อนี้ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความพิพากษายกฟ้องโดยมิได้ วินิจฉัยในประเด็นฟ้องเคลือบคลุมโจทก์อุทธรณ์ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยมิได้อ้างในคำแก้อุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมประเด็นเรื่อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ก็เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบฎีกาจำเลยข้อนี้ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3539/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้ทำให้ อายุความสะดุดหยุด และฟ้องเคลือบคลุมที่ศาลอุทธรณ์ต้องห้าม
จำเลยทำหนังสือรับว่าในปี พ.ศ.2522 ระหว่างที่จำเลยมีส่วนรับผิดชอบในการรับเงินและการจ่ายเงินของโจทก์ มีเงินขาดบัญชีไปจำนวนหนึ่ง จำเลยจะนำหลักฐานไปตรวจสอบกับบัญชีของโจทก์ภายใน 180 วันนับแต่วันทำบันทึก หากตรวจสอบได้ผลว่าเงินขาดบัญชีไปเท่าใด จำเลยยินยอมชดใช้ให้โจทก์ภายใน 180 วัน ข้อความดังกล่าวมีความหมายว่า หากตรวจสอบแล้วปรากฏว่าเงินขาดบัญชีไปจริง จำเลยยินยอมจะชดใช้ให้ ถือได้ว่าจำเลยรับสภาพต่อโจทก์ตามสิทธิเรียกร้องด้วยทำหนังสือรับสภาพให้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 อายุความฟ้องคดีของโจทก์จึงสะดุดหยุด ลงจำเลยรับว่าจะนำหลักฐานไปตรวจสอบบัญชีของโจทก์ภายใน 180 วันนับแต่วันทำบันทึก และรับจะชดใช้เงินที่ขาดบัญชีให้โจทก์ภายใน 180 วันเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงจึงเป็นเวลา 360 วันนับแต่วันทำบันทึกแล้วเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่ แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการทำละเมิด แต่โจทก์ฟ้องคดีภายในหนึ่งปีนับแต่วันเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง โดยมิได้วินิจฉัยในประเด็น ฟ้องเคลือบคลุม โจทก์อุทธรณ์ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยมิได้อ้างในคำแก้อุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ประเด็นเรื่องฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ ก็เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบ ฎีกาจำเลยข้อนี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง โดยมิได้วินิจฉัยในประเด็น ฟ้องเคลือบคลุม โจทก์อุทธรณ์ว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยมิได้อ้างในคำแก้อุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ประเด็นเรื่องฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ ก็เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบ ฎีกาจำเลยข้อนี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3479/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารรับรองเช็คเท็จทำให้โจทก์เปิดบัญชีได้ และขัดขวางการถอนเงินจากบัญชีเงินฝาก ชดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์กับ ส. ตกลงซื้อขายพลอยกันที่ธนาคารจำเลยที่ 1 สาขาขลุงต่อหน้าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการธนาคาร แล้วโจทก์รับเช็คที่ ส. สั่งจ่ายเป็นค่าซื้อพลอยรวมเป็นเงิน 450,000 บาทเช็คดังกล่าวเป็นเช็คจำเลยที่ 1 สาขาขลุง และลงวันที่สั่งจ่ายในวันที่ซื้อขายกันนั้น จำเลยที่ 2 รับรองว่าเช็คดังกล่าวนำเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันได้เพราะ ส. มีเงินอยู่ในบัญชีพอที่จะใช้เงินตามเช็ค แม้ความจริง ส. จะไม่มีเงินอยู่ในบัญชี แต่จำเลยที่ 2 มีอำนาจผ่านเงินทางบัญชีให้ ส. ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารไปก่อนได้ โจทก์จึงมอบเช็คดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 เพื่อเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน และในวันเดียวกันนั้นโจทก์ใช้เช็คสั่งจ่ายเงิน 400,000 บาท จากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเข้าเปิดบัญชีเงินฝากประจำ เมื่อเช็คดังกล่าวจำเลยสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าเรียกเก็บเงินไม่ได้ และชอบที่จะปฏิเสธการจ่ายเงินทันทีในวันนั้นแต่จำเลยไม่ได้ปฏิเสธการจ่าย ถือได้ว่าเช็คดังกล่าวเรียกเก็บเงินได้ ดังนั้น การเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์จึงสมบูรณ์ และการที่โจทก์ใช้เช็คสั่งจ่ายเงิน 400,000 บาท จากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเข้าเปิดบัญชีเงินฝากประจำก็เป็นการสมบูรณ์ด้วย
เมื่อจำเลยขีดฆ่ารายการที่โจทก์นำเช็คซึ่ง ส. ชำระหนี้ค่าพลอยเข้าบัญชี ออกจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน และโอนเงินโจทก์จากบัญชีเงินฝากประจำไปเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันโดยพลการ เป็นการไม่ชอบ เป็นเหตุให้โจทก์ขาดเงินตามเช็คดังกล่าวไปรวม 450,000 บาทจำเลยต้องรับผิดใช้เงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์
เมื่อจำเลยขีดฆ่ารายการที่โจทก์นำเช็คซึ่ง ส. ชำระหนี้ค่าพลอยเข้าบัญชี ออกจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน และโอนเงินโจทก์จากบัญชีเงินฝากประจำไปเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันโดยพลการ เป็นการไม่ชอบ เป็นเหตุให้โจทก์ขาดเงินตามเช็คดังกล่าวไปรวม 450,000 บาทจำเลยต้องรับผิดใช้เงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3479/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารรับรองเช็คเท็จ ทำให้โจทก์เสียหายจากการเปิดบัญชีและโอนเงินผิดพลาด
โจทก์กับ ส. ตกลงซื้อขายพลอยกันที่ธนาคารจำเลยที่1 สาขาขลุงต่อหน้าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการธนาคารแล้วโจทก์รับเช็คที่ ส. สั่งจ่ายเป็นค่าซื้อพลอยรวมเป็นเงิน 450,000 บาท เช็คดังกล่าวเป็นเช็คจำเลยที่1 สาขาขลุง และลงวันที่สั่งจ่ายในวันที่ซื้อขายกันนั้นจำเลยที่ 2 รับรองว่าเช็คดังกล่าวนำเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันได้เพราะ ส. มีเงินอยู่ในบัญชีพอที่จะใช้เงินตามเช็ค แม้ความจริง ส. จะไม่มีเงินอยู่ในบัญชีแต่จำเลยที่ 2 มีอำนาจผ่านเงินทางบัญชีให้ ส. ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารไปก่อนได้ โจทก์จึงมอบเช็คดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 เพื่อเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน และในวันเดียวกันนั้นโจทก์ใช้เช็คสั่งจ่ายเงิน 400,000 บาท จากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเข้าเปิดบัญชีเงินฝากประจำ เมื่อเช็คดังกล่าวจำเลยสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าเรียกเก็บเงินไม่ได้ และชอบที่จะปฏิเสธการจ่ายเงินทันทีในวันนั้นแต่จำเลยไม่ได้ปฏิเสธการจ่ายถือได้ว่าเช็คดังกล่าวเรียกเก็บเงินได้ ดังนั้น การเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์จึงสมบูรณ์ และการที่โจทก์ใช้เช็คสั่งจ่ายเงิน 400,000 บาท จากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเข้าเปิดบัญชีเงินฝากประจำก็เป็นการสมบูรณ์ด้วย เมื่อจำเลยขีดฆ่ารายการที่โจทก์นำเช็คซึ่ง ส. ชำระหนี้ค่าพลอยเข้าบัญชี ออกจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน และโอนเงินโจทก์จากบัญชีเงินฝากประจำไปเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันโดยพลการ เป็นการไม่ชอบ เป็นเหตุให้โจทก์ขาดเงินตามเช็คดังกล่าวไปรวม 450,000 บาทจำเลยต้องรับผิดใช้เงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์