คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อาจ ปัญญาดิลก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 669 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1873/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานเพิ่มเติมและการปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญา การผิดสัญญาเนื่องจากไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนด
ในวันที่โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนนำพยานเข้าเบิกความ จำเลยกับทนายจำเลยไม่ได้มาศาลโดยทนายจำเลยมอบฉันทะ ให้ เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตและให้โจทก์สืบพยานไปฝ่ายเดียว ต่อมาจำเลยได้นำสืบ เปลี่ยนแปลงแก้ไข คำของพยานโจทก์ที่นำสืบไว้ดังกล่าว เช่นนี้ เป็นเรื่องทนายจำเลย ไม่มีโอกาสซักค้านพยานโจทก์ มิใช่ทนายจำเลยไม่ถามค้านเพื่อเอาเปรียบ ในเชิงคดีเมื่อ เรื่องที่จำเลยนำสืบนั้นตรงตามข้อต่อสู้ในคำให้การ ซึ่งเป็น ประเด็นข้อพิพาทในคดีแล้ว ข้อนำสืบของจำเลยจึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 ทั้งในวรรคสามของมาตรานี้ยังให้ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจรับฟังคำพยานเช่น ว่านี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมได้อีกด้วย
สัญญาได้กำหนดเวลาให้โจทก์ปฏิบัติการชำระหนี้แก่จำเลยไว้ชัดแจ้งแล้ว ไม่มีระบุไว้ในข้อใดให้โจทก์ต้องสอบถามจำเลยก่อนชำระหนี้ เมื่อปรากฏว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ตาม สัญญาเพราะโจทก์ ไม่อาจกระทำการชำระหนี้ได้ภายในเวลาที่ กำหนดไว้ดังกล่าว โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1873/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานหลังสืบพยานไปฝ่ายเดียว และการผิดสัญญาจากการไม่ปฏิบัติตามกำหนดเวลา
ในวันที่โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนนำพยานเข้าเบิกความจำเลยกับทนายจำเลยไม่ได้มาศาลโดยทนายจำเลยมอบฉันทะ ให้ เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตและให้โจทก์สืบพยานไปฝ่ายเดียวต่อมาจำเลยได้นำสืบ เปลี่ยนแปลงแก้ไข คำของพยานโจทก์ที่นำสืบไว้ดังกล่าวเช่นนี้ เป็นเรื่องทนายจำเลย ไม่มีโอกาสซักค้านพยานโจทก์มิใช่ทนายจำเลยไม่ถามค้านเพื่อเอาเปรียบ ในเชิงคดีเมื่อ เรื่องที่จำเลยนำสืบนั้นตรงตามข้อต่อสู้ในคำให้การ ซึ่งเป็น ประเด็นข้อพิพาทในคดีแล้วข้อนำสืบของจำเลยจึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89 ทั้งในวรรคสามของมาตรานี้ยังให้ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจรับฟังคำพยานเช่น ว่านี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมได้อีกด้วย สัญญาได้กำหนดเวลาให้โจทก์ปฏิบัติการชำระหนี้แก่จำเลยไว้ชัดแจ้งแล้ว ไม่มีระบุไว้ในข้อใดให้โจทก์ต้องสอบถามจำเลยก่อนชำระหนี้ เมื่อปรากฏว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ตาม สัญญาเพราะโจทก์ ไม่อาจกระทำการชำระหนี้ได้ภายในเวลาที่ กำหนดไว้ดังกล่าว โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำทองคำออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเจตนาหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางกฎหมาย
จำเลยนำสร้อยคอทองคำของกลาง 6 เส้น มีน้ำหนักถึง317.5189 กรัมราคา 113,921.55 บาท ใส่ในกระเป๋าเสื้อนอกด้านในเพื่อนำออกนอกราชอาณาจักรทั้งที่จำเลยมีสร้อยคอทองคำสวมอยู่ที่คอแล้วเส้นหนึ่งสร้อยคอของกลางจึงมิใช่เป็นของใช้ส่วนตัวและตามสมควรแก่ฐานานุรูปตามความหมายของประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2514

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งออกทองคำโดยไม่ได้รับอนุญาตและพยายามหลีกเลี่ยงการตรวจค้น ถือเป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากร
จำเลยนำสร้อยคอทองคำของกลาง 6 เส้น มีน้ำหนักถึง317.5189 กรัมราคา 113,921.55 บาท ใส่ในกระเป๋าเสื้อนอกด้านในเพื่อนำออกนอกราชอาณาจักรทั้งที่จำเลยมีสร้อยคอทองคำสวมอยู่ที่คอแล้วเส้นหนึ่ง สร้อยคอของกลางจึงมิใช่เป็นของใช้ส่วนตัวและตามสมควรแก่ฐานานุรูป ตามความหมายของประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2514

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1721/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รวมและการบังคับคดี การที่เจ้าของรวมใช้สิทธิครอบไปถึงทรัพย์สินเพื่อต่อสู้คดี คำพิพากษาจึงใช้ยันเจ้าของรวมรายอื่นได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนเรือนออกจากที่ดินของโจทก์จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินตามฟ้องเป็นที่ดินในเขตโฉนดของจำเลย หากจำเลยครอบครองล้ำเข้าไปในเขตที่ดินของโจทก์ จำเลยก็ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนนั้นโดยการครอบครองปรปักษ์ เมื่อปรากฏว่าที่ดินของจำเลยเป็นที่ดินที่ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลย จึงเป็นการที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรวมใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอก เมื่อคดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นที่ดินในเขตโฉนดของโจทก์ พิพากษาให้จำเลยรื้อห้องแถวและบ้านของจำเลยออกจากที่พิพาท คำพิพากษาดังกล่าวจึงใช้ยันผู้ร้องได้ ทั้งการที่ผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมกับจำเลยและเป็นภริยาจำเลยในระหว่างที่โจทก์ดำเนินคดีแก่จำเลย ถือได้ว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1721/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รวมและการบังคับคดีแก่บริวาร: คำพิพากษาคดีครอบครองปรปักษ์ยันได้ถึงเจ้าของรวมและภริยา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนเรือนออกจากที่ดินของโจทก์จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินตามฟ้องเป็นที่ดินในเขตโฉนดของจำเลยหากจำเลยครอบครองล้ำเข้าไปในเขตที่ดินของโจทก์จำเลยก็ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนนั้นโดยการครอบครองปรปักษ์เมื่อปรากฏว่าที่ดินของจำเลยเป็นที่ดินที่ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยจึงเป็นการที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของรวมใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกเมื่อคดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นที่ดินในเขตโฉนดของโจทก์พิพากษาให้จำเลยรื้อห้องแถวและบ้านของจำเลยออกจากที่พิพาทคำพิพากษาดังกล่าวจึงใช้ยันผู้ร้องได้ทั้งการที่ผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมกับจำเลยและเป็นภริยาจำเลยในระหว่างที่โจทก์ดำเนินคดีแก่จำเลย ถือได้ว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝากอสังหาริมทรัพย์ไม่จดทะเบียนเป็นโมฆะ แม้มีเงื่อนไขรื้อถอน
จำเลยทำสัญญาขายฝากบ้านไว้แก่โจทก์โดยไม่ได้ไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่มี เงื่อนไขว่าหากจำเลยไม่ไถ่คืนภายในกำหนดโจทก์มีสิทธิรื้อถอนเอาบ้านไปได้ ดังนี้ รูปเรื่องเป็นการขายฝากบ้าน ซึ่งบ้านยังคงสภาพเป็นอสังหาริมทรัพย์อยู่ตามเดิมจนกว่าจำเลยจะไม่ไถ่คืนและโจทก์ได้รื้อถอนเอาไป ถ้าจำเลยไถ่คืนแล้วก็ไม่มีทางบ้านนั้นจะแปรสภาพเป็นสังหาริมทรัพย์ไปได้ ดังนี้สัญญาที่ทำไว้จึงเป็นสัญญาขายฝากอสังหาริมทรัพย์หาใช่เป็นสัญญาซื้อขายไม้ที่ปลูกสร้างบ้านซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์ไม่ เมื่อทำสัญญากันเองและมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 491 ประกอบมาตรา 456 โจทก์จะนำมาฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ (โปรดดูคำพิพากษาฎีกาที่ 788/2497 และ 923/2485)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝากอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่จดทะเบียนเป็นโมฆะ แม้มีเงื่อนไขให้รื้อถอนได้
จำเลยทำสัญญาขายฝากบ้านไว้แก่โจทก์โดยไม่ได้ไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่มีเงื่อนไขว่าหากจำเลยไม่ไถ่คืนภายในกำหนดโจทก์มีสิทธิรื้อถอนเอาบ้านไปได้ดังนี้รูปเรื่องเป็นการขายฝากบ้าน ซึ่งบ้านยังคงสภาพเป็นอสังหาริมทรัพย์อยู่ตามเดิมจนกว่าจำเลยจะไม่ไถ่คืน และโจทก์ได้รื้อถอนเอาไปถ้าจำเลยไถ่คืนแล้วก็ไม่มีทางที่บ้านนั้น จะแปรสภาพเป็นสังหาริมทรัพย์ไปได้ดังนี้ สัญญาที่ทำไว้จึงเป็นสัญญาขายฝากอสังหาริมทรัพย์ หาใช่เป็นสัญญาซื้อขายไม้ที่ปลูกสร้างบ้าน ซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์ไม่เมื่อทำสัญญากันเองและมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 491 ประกอบมาตรา 456 โจทก์จะนำมาฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ (โปรดดูคำพิพากษาฎีกาที่ 788/2497 และ 923/2485)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 783/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นอุทธรณ์ หากมิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้น และไม่ใช่เรื่องความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ไม่ต้องวินิจฉัย
จำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีในเรื่องโจทก์บอกเลิกสัญญาไม่ชอบ หรือไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันทีไว้ชัดแจ้ง และเมื่อศาลชั้นต้น กำหนดประเด็นเพียง 3 ข้อ ซึ่งไม่มีข้อพิพาทในเรื่องดังกล่าว จำเลย ก็ไม่ได้โต้แย้งต้องถือว่าปัญหาเรื่องโจทก์ยังไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา หรือบอกเลิกสัญญาไม่ชอบเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และปัญหาดังกล่าวไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 783/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การที่จำเลยไม่ยกข้อต่อสู้เรื่องสิทธิบอกเลิกสัญญาในชั้นศาลชั้นต้น ทำให้ข้อนั้นตัดสิทธิการอุทธรณ์ตามกฎหมาย
จำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีในเรื่องโจทก์บอกเลิกสัญญาไม่ชอบ หรือ ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาทันทีไว้ชัดแจ้ง และเมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นเพียง 3 ข้อ ซึ่งไม่มีข้อพิพาทในเรื่องดังกล่าว จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้ง ต้องถือว่าปัญหาเรื่องโจทก์ยังไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาหรือบอกเลิกสัญญาไม่ชอบ เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และปัญหาดังกล่าวไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
of 67