พบผลลัพธ์ทั้งหมด 669 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จต้องทำให้ผู้อื่นเสียหาย ผู้เช่าไม่เป็นผู้เสียหายเมื่อสิทธิไม่กระทบ
กรณีจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 นั้น นอกจากจะแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานแล้ว ข้อความที่แจ้งต้องอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายด้วย เมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์อาจได้รับความเสียหายอย่างไร แม้จะพิจารณาฟ้องโจทก์ทั้งเรื่องก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าโจทก์อาจได้รับความเสียหายอย่างไรจากการกระทำของจำเลย ในข้อที่โจทก์เป็นผู้เช่าตึกแถว เมื่อมีการโอนขายกรรมสิทธิ์ที่ดิน หรือแม้แต่จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ในตึกแถวที่เช่าด้วย สิทธิของโจทก์ย่อมไม่กระทบกระเทือน โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาหรือคำสั่งที่ต้องมีข้อความสำคัญตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 นั้น หมายถึงคดีที่ศาลได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากคำคู่ความหรือพยานหลักฐานแล้วเท่านั้น คดีที่ศาลชั้นต้นพิจารณาฟ้องโจทก์แล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้อง ไม่จำต้องมีรายการครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาหรือคำสั่งที่ต้องมีข้อความสำคัญตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 นั้น หมายถึงคดีที่ศาลได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากคำคู่ความหรือพยานหลักฐานแล้วเท่านั้น คดีที่ศาลชั้นต้นพิจารณาฟ้องโจทก์แล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้อง ไม่จำต้องมีรายการครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดมาตรา 137 ต้องมีผู้เสียหายจากการแจ้งเท็จ และโจทก์ในฐานะผู้เช่าไม่ได้รับความเสียหายจากการโอนกรรมสิทธิ์
กรณีจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 นั้นนอกจากจะแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานแล้วข้อความที่แจ้งต้องอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายด้วยเมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์อาจได้รับความเสียหายอย่างไรแม้จะพิจารณาฟ้องโจทก์ทั้งเรื่องก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าโจทก์อาจได้รับความเสียหายอย่างไรจากการกระทำของจำเลยในข้อที่โจทก์เป็นผู้เช่าตึกแถวเมื่อมีการโอนขายกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือแม้แต่จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ในตึกแถวที่เช่าด้วยสิทธิของโจทก์ย่อมไม่กระทบกระเทือนโจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาหรือคำสั่งที่ต้องมีข้อความสำคัญตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 นั้นหมายถึงคดีที่ศาลได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากคำคู่ความหรือพยานหลักฐานแล้วเท่านั้นคดีที่ศาลชั้นต้นพิจารณาฟ้องโจทก์แล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้องไม่จำต้องมีรายการครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาหรือคำสั่งที่ต้องมีข้อความสำคัญตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 นั้นหมายถึงคดีที่ศาลได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากคำคู่ความหรือพยานหลักฐานแล้วเท่านั้นคดีที่ศาลชั้นต้นพิจารณาฟ้องโจทก์แล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้องไม่จำต้องมีรายการครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายมาตราดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานละเว้นการจับกุมการพนัน แม้ไม่แต่งเครื่องแบบก็มีอำนาจจับกุมได้
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีอำนาจทำการสืบสวนคดีอาญาและจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายในกรณีที่มีผู้กระทำผิดซึ่งหน้าแม้ในที่รโหฐานจำเลยก็มีอำนาจจับโดยไม่ต้องมีทั้งหมายจับและหมายค้นดังนั้นการที่จำเลยเข้าไปในห้องเล่นการพนันพบผู้เล่นกำลังเล่นพนันเอาทรัพย์สินกันแล้วไม่ทำการจับกุมย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการกรมตำรวจจำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานละเว้นการจับกุมการพนัน แม้ไม่ได้แต่งเครื่องแบบ และอยู่ในที่รโหฐาน
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีอำนาจทำการสืบสวนคดีอาญาและจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย ในกรณีที่มีผู้กระทำผิดซึ่งหน้าแม้ในที่รโหฐานจำเลยก็มีอำนาจจับโดยไม่ต้องมีทั้งหมายจับและหมายค้น ดังนั้น การที่จำเลยเข้าไปในห้องเล่นการพนันพบผู้เล่นกำลังเล่นพนันเอาทรัพย์สินกันแล้วไม่ทำการจับกุม ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการกรมตำรวจ จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: การปลูกกัญชาและการครอบครองผลผลิต
ขณะปลูกกัญชาจำเลยย่อมจะต้องมีกัญชาไว้ในครอบครองเพราะถ้าไม่มีกัญชาก็จะปลูกกัญชาไม่ได้ จำเลยจึงมีกัญชาไว้ในครอบครองตั้งแต่ขณะปลูก และเมื่อปลูกแล้วกัญชาย่อมเจริญเติบโต เมื่อปรากฏว่ากัญชาที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเป็นส่วนหนึ่งของผลผลิตซึ่งเกิดจากกัญชาที่จำเลยปลูก ไม่ว่าจำเลยจะเก็บจากต้นแล้วหรือไม่ก็ตาม ถือได้ว่าการมีกัญชาไว้ในครอบครองตามพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานผลิตกัญชาด้วยการปลูก (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2527)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: การมีกัญชาในครอบครองเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตกัญชา
ขณะปลูกกัญชาจำเลยย่อมจะต้องมีกัญชาไว้ในครอบครอง เพราะถ้าไม่มีกัญชาก็จะปลูกกัญชาไม่ได้ จำเลยจึงมีกัญชาไว้ในครอบครองตั้งแต่ขณะปลูก และเมื่อปลูกแล้วกัญชาย่อมเจริญเติบโต เมื่อปรากฏว่ากัญชาที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเป็นส่วนหนึ่งของผลผลิตซึ่งเกิดจากกัญชาที่จำเลยปลูก ไม่ว่าจำเลยจะเก็บจากต้นแล้วหรือไม่ก็ตาม ถือได้ว่าการมีกัญชาไว้ในครอบครองตามพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานผลิตกัญชาด้วยการปลูก
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2527)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2527)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายทะเบียนต้องรับจดทะเบียนสมรสหากไม่ขัดเงื่อนไขตามกฎหมาย แม้หญิงต่างด้าวไม่มีใบสำคัญประจำตัว
เมื่อมีการร้องขอให้จดทะเบียนสมรส นายทะเบียนต้องจดทะเบียนสมรสให้ตาม พ.ร.บ. จดทะเบียนครอบครัวฯ มาตรา 10จะไม่รับจดทะเบียนต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ตาม มาตรา 13 เฉพาะในกรณีที่การสมรสมิได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1448 ถึง 1454 เท่านั้นจะนำคำสั่งของกระทรวงมหาดไทยที่ห้ามจดทะเบียนสมรสให้คนไทยกับหญิงต่างด้าวที่ยังไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวมาใช้บังคับแก่บุคคลทั่วไปอย่างเช่นกฎหมายหาไม่ได้
ผู้ร้องเป็นคนสัญชาติไทยขอจดทะเบียนสมรสกับนางสาว ฮ.คนญวนอพยพและไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ผู้คัดค้านซึ่งเป็นนายทะเบียนครอบครัวต้องรับจดทะเบียนสมรสให้ จะอ้างคำสั่งกระทรวงมหาดไทยไม่รับจดทะเบียนไม่ได้
ผู้ร้องเป็นคนสัญชาติไทยขอจดทะเบียนสมรสกับนางสาว ฮ.คนญวนอพยพและไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ผู้คัดค้านซึ่งเป็นนายทะเบียนครอบครัวต้องรับจดทะเบียนสมรสให้ จะอ้างคำสั่งกระทรวงมหาดไทยไม่รับจดทะเบียนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โมฆะของการสมรสซ้อน: การสมรสที่ขัดกับกฎหมาย แม้มีการจดทะเบียนภายหลัง
ไม่มีกฎหมายบังคับว่าถ้าผู้มอบอำนาจให้ฟ้องคดีอายุ 80 ปีเศษต้องให้เจ้าหน้าที่อำเภอรับรองสติสัมปชัญญะของผู้มอบอำนาจ
โจทก์ฟ้องเรียกร้องเอามรดกของบิดาในฐานะที่ตนเป็นทายาทและทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสโดยการรับมรดกเป็นสินส่วนตัวตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1471(3) จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสินส่วนตัว มิใช่เป็นเรื่องการจัดการสินสมรสโจทก์มีอำนาจฟ้องโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมของคู่สมรสพ. กับโจทก์ที่ 1 เป็นสามีภริยากันตลอดมาถึงวันใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แม้ภายหลัง พ. จะแยกไปอยู่กินกับจำเลยที่ 1 และต่อมาได้จดทะเบียนสมรสกันโดยแจ้งต่อนายทะเบียนว่าเคยมีภริยามาก่อน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส และได้เลิกกันไปแล้ว ก็ไม่ทำให้การสมรสระหว่าง พ. กับโจทก์ที่ 1 ขาดจากกัน เพราะการสมรสจะขาดจากกันก็ด้วยความตาย การหย่า หรือศาลพิพากษาให้เพิกถอนเท่านั้น การจดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 1 ในขณะที่ พ.มีโจทก์ที่ 1 เป็นคู่สมรสอยู่แล้ว จึงเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขแห่งการสมรส และเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452 และ มาตรา 1496จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิรับบำเหน็จตกทอดและบำนาญค้างจ่ายของพ. กับไม่มีสิทธิรับมรดกด้วย
โจทก์ฟ้องเรียกร้องเอามรดกของบิดาในฐานะที่ตนเป็นทายาทและทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสโดยการรับมรดกเป็นสินส่วนตัวตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1471(3) จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสินส่วนตัว มิใช่เป็นเรื่องการจัดการสินสมรสโจทก์มีอำนาจฟ้องโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมของคู่สมรสพ. กับโจทก์ที่ 1 เป็นสามีภริยากันตลอดมาถึงวันใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แม้ภายหลัง พ. จะแยกไปอยู่กินกับจำเลยที่ 1 และต่อมาได้จดทะเบียนสมรสกันโดยแจ้งต่อนายทะเบียนว่าเคยมีภริยามาก่อน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส และได้เลิกกันไปแล้ว ก็ไม่ทำให้การสมรสระหว่าง พ. กับโจทก์ที่ 1 ขาดจากกัน เพราะการสมรสจะขาดจากกันก็ด้วยความตาย การหย่า หรือศาลพิพากษาให้เพิกถอนเท่านั้น การจดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 1 ในขณะที่ พ.มีโจทก์ที่ 1 เป็นคู่สมรสอยู่แล้ว จึงเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขแห่งการสมรส และเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452 และ มาตรา 1496จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิรับบำเหน็จตกทอดและบำนาญค้างจ่ายของพ. กับไม่มีสิทธิรับมรดกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 542/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาททั้งสองฝ่าย รถจอดบนผิวจราจรกลางคืน ไม่เปิดสัญญาณไฟ ชนท้าย ทำให้เกิดความเสียหาย
ยางรถยนต์บรรทุกแตก คนขับจึงจอดรถบนผิวจราจรถนนที่เป็นทางตรงในเวลากลางคืนโดยไม่ให้สัญญาณไฟ แสงไฟสูงของรถเก๋งส่องได้ไกลไม่น้อยกว่า 50 เมตร การที่เพิ่งเริ่มมีรอยห้ามล้อของรถเก๋งในระยะห่างรถบรรทุกประมาณ 30 เมตรแสดงว่าคนขับรถเก๋งซึ่งขับด้วยความเร็วสูงเห็นรถบรรทุกในระยะกระชั้นชิด เหตุที่รถชนกันจึงเกิดเพราะความประมาทของผู้ขับรถยนต์บรรทุกด้วยดังนี้ ทั้งสองฝ่ายมีความประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ค่าสินไหมทดแทนอันจะพึงใช้แก่กันจึงเป็นพับทั้งสองฝ่าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้จากการออกใบเสร็จ ยุติอายุความค่าจ้าง
โจทก์รับจ้างตักดินให้จำเลย โดยคิดค่าจ้างเป็นรายเที่ยวรถ การที่จำเลยออกใบเสร็จว่าโจทก์ได้ตักดินให้แล้ว เป็นจำนวนกี่เที่ยวรถมอบให้โจทก์ไว้ ดังนี้เป็นการยอมรับต่อโจทก์ว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตามข้อความในใบเสร็จดังกล่าวจึงเป็นการรับสภาพหนี้ อายุความในสิทธิเรียกร้องค่าจ้างของโจทก์ย่อมสะดุดหยุดลง และเริ่มนับใหม่ในวันที่ออกใบเสร็จคือวันที่ 23 พฤศจิกายน 2521 เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องใน วันที่ 21 พฤศจิกายน 2523 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165 (8)