คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อาจ ปัญญาดิลก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 669 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3512/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องซ้ำที่มีประเด็นข้อเท็จจริงและคำขอเดิม หลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องแล้ว ถือเป็นการขัดต่อหลักการยุติธรรม
จำเลยยื่นคำร้องฉบับหลังโดยมีข้ออ้างและคำขอเช่นเดียวกับคำร้องฉบับแรกว่า การที่โจทก์บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยเป็นการไม่ชอบด้วยสัญญาประนีประนอมยอมความและสมควรยกเลิกการบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลย เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องฉบับแรกของจำเลย และเป็นที่สุดแล้ว การที่จำเลยยื่นคำร้องฉบับหลังอีกจึงเป็นการขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3512/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาห้ามยื่นคำร้องซ้ำประเด็นที่ศาลตัดสินแล้ว แม้มีเหตุผลเดิม
จำเลยยื่นคำร้องฉบับหลังโดยมีข้ออ้างและคำขอเช่นเดียวกับคำร้องฉบับแรกว่า การที่โจทก์บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยเป็นการไม่ชอบด้วยสัญญาประนีประนอมยอมความและสมควรยกเลิกการบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลย เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องฉบับแรกของจำเลย และเป็นที่สุดแล้ว การที่จำเลยยื่นคำร้องฉบับหลังอีกจึงเป็นการขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3442/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงการให้ที่ดินเพื่อตอบแทนการสมรสมีผลผูกพันบังคับได้ แม้ไม่เข้าข่ายสินสอดตามกฎหมาย
โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสกันและทำบันทึกเกี่ยวกับทรัพย์สินไว้ที่ด้านหลังทะเบียนการสมรสว่า ฝ่ายชายยกที่ดินพิพาทเป็นสินสอดฝ่ายหญิง เมื่อปรากฏว่าบิดามารดาโจทก์ถึงแก่กรรมก่อนที่โจทก์กับจำเลยจะจดทะเบียนสมรสกันและไม่ปรากฏว่าโจทก์มีผู้ปกครองในขณะจดทะเบียนสมรส การที่จำเลยตกลงยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการให้ในลักษณะที่เป็นสินสอด. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1437 แต่การที่จำเลยตกลงยกที่ดินพิพาทให้ โจทก์ก็เพื่อตอบแทนการที่โจทก์ยอมสมรสกับจำเลย ข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นบุคคลสิทธิใช้บังคับกันได้ระหว่างคู่สัญญา เมื่อโจทก์จดทะเบียนสมรสและอยู่กินกับจำเลยฉันสามีภริยาแล้ว. จำเลยก็มีหน้าที่ต้องโอนที่ดินให้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยให้โอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตามบันทึกดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3442/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงเรื่องทรัพย์สินในการสมรส: การยกที่ดินเป็นสินสอดและผลบังคับใช้ของข้อตกลง
โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสกันและทำบันทึกเกี่ยวกับทรัพย์สินไว้ที่ด้านหลังทะเบียนการสมรสว่า ฝ่ายชายยกที่ดินพิพาทเป็นสินสอดฝ่ายหญิง เมื่อปรากฏว่าบิดามารดาโจทก์ถึงแก่กรรมก่อนที่โจทก์กับจำเลยจะจดทะเบียนสมรสกันและไม่ปรากฏว่าโจทก์มีผู้ปกครองในขณะจดทะเบียนสมรส การที่จำเลยตกลงยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการให้ในลักษณะที่เป็นสินสอด. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1437 แต่การที่จำเลยตกลงยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ก็เพื่อตอบแทนการที่โจทก์ยอมสมรสกับจำเลย ข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นบุคคลสิทธิใช้บังคับกันได้ระหว่างคู่สัญญา เมื่อโจทก์จดทะเบียนสมรสและอยู่กินกับจำเลยฉันสามีภริยาแล้ว จำเลยก็มีหน้าที่ต้องโอนที่ดินให้ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยให้โอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตามบันทึกดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3365/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ: การรุกล้ำที่ดินหลังทำสัญญาถือเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา
โจทก์จำเลยพิพาทกันเกี่ยวกับที่ดินซึ่งมีอยู่ติดต่อกันในที่สุดได้ยอมความกันในศาล โดยโจทก์ยอมขายที่ดินตามอาณาเขตที่กำหนดกันไว้ให้แก่จำเลย และจำเลยตกลงจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินส่วนที่ไม่ได้ขาย ศาลพิพากษาตามยอม เห็นได้ว่าข้อสาระสำคัญแห่งสัญญาคือจำเลยจะต้องไม่บุกรุกที่ดินโจทก์ การที่จำเลยสร้างกำแพงรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์เกินกว่าอาณาเขตที่โจทก์ขาย ถือได้ว่าจำเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงชอบที่จะขอให้บังคับคดีได้โดยไม่จำต้องฟ้องเป็นคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3254/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับความเสียหายจากเช็ค: เมื่อเช็คชุดแรกและชุดที่ออกแทนต่างขึ้นเงินไม่ได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยออกเช็คให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ในมูลหนี้ค่าสินค้าแทนเช็คฉบับเดิมซึ่งขึ้นเงินไม่ได้ เมื่อเช็คฉบับเดิมและเช็คที่ออกแทนต่างก็ขึ้นเงินไม่ได้และจำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษในความผิดตามเช็คฉบับเดิมไปแล้ว ถือได้ว่าความเสียหายอันเนื่องมาจากมูลหนี้ค่าสินค้ารายนี้ระงับไปแล้ว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรับผิดตามเช็คที่ออกแทนนั้นอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3254/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเสียหายจากเช็คชำระหนี้ซ้ำซ้อน: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเมื่อเช็คเดิมและใหม่ขึ้นเงินไม่ได้ และคดีก่อนถึงที่สุดแล้ว
จำเลยออกเช็คให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ในมูลหนี้ค่าสินค้าแทนเช็คฉบับเดิมซึ่งขึ้นเงินไม่ได้ เมื่อเช็คฉบับเดิมและเช็คที่ออกแทนต่างก็ขึ้นเงินไม่ได้และจำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษในความผิดตามเช็คฉบับเดิมไปแล้ว ถือได้ว่าความเสียหายอันเนื่องมาจากมูลหนี้ค่าสินค้ารายนี้ระงับไปแล้ว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรับผิดตามเช็คที่ออกแทนนั้นอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3174/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีจัดการมรดก: ทายาทมีสิทธิฟ้องภายใน 5 ปีนับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุด
จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล โดยจำเลยอ้างว่าไม่มีพินัยกรรมถ้าปรากฏว่าเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมไว้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรมก็เป็นทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1603 จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกต้องรับผิดต่อทายาทตามมาตรา 1720 โดยลักษณะตัวแทนตัวการ การที่จำเลยครอบครองทรัพย์มรดกในระหว่างจัดการถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนทายาท จำเลยจะยกอายุความตาม มาตรา 1754 ขึ้นต่อสู้ทายาทไม่ได้ ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกไม่เกินกว่าห้าปีนับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลงตาม มาตรา 1733 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3174/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีจัดการมรดก: ทายาทมีสิทธิฟ้องภายใน 5 ปีนับจากจัดการมรดกสิ้นสุด
จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล โดยจำเลยอ้างว่าไม่มีพินัยกรรมถ้าปรากฏว่าเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมไว้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรมก็เป็นทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1603 จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกต้องรับผิดต่อทายาทตามมาตรา 1720 โดยลักษณะตัวแทนตัวการ การที่จำเลยครอบครองทรัพย์มรดกในระหว่างจัดการถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนทายาท จำเลยจะยกอายุความตาม มาตรา 1754 ขึ้นต่อสู้ทายาทไม่ได้ ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกไม่เกินกว่าห้าปีนับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลงตาม มาตรา 1733วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3063/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ให้เช่ารถไม่ต้องรับผิดในละเมิดจากผู้เช่า หากการให้เช่าไม่ขัดกฎหมายควบคุมการขนส่ง
กฎกระทรวงฉบับที่ 36 (พ.ศ. 2519) ออกตามความในพระราชบัญญัติรถยนต์ พุทธศักราช 2473 ข้อ 8(5) ที่กำหนดให้ผู้รับอนุญาตให้ประกอบการรับจ้างบรรทุกคนโดยสารได้ไม่เกินเจ็ดคนในท้องที่กรุงเทพมหานคร ต้องไม่ยินยอมให้ผู้ขับรถซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัทจำกัดหรือสมาชิกของสหกรณ์หรือบุคคลอื่นเช่ารถของบริษัทจำกัดหรือสหกรณ์ไปหารายได้นั้นมีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อควบคุมการประกอบการรับจ้างบรรทุกคนโดยสารของผู้ที่ได้รับใบอนุญาตมิได้มีวัตถุประสงค์ที่จะคุ้มครองบุคคลภายนอก หากผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการฝ่าฝืนกฎกระทรวงโดยนำรถของตนไปให้บุคคลอื่นเช่าหารายได้ ก็อาจได้รับโทษตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ หรืออาจถูกนายทะเบียนยานพาหนะสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการเท่านั้น ผู้รับอนุญาตให้ประกอบการหาจำต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ผู้เช่าได้กระทำขึ้นไม่
of 67