พบผลลัพธ์ทั้งหมด 669 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1511/2526
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ความรับผิดของผู้ขนส่งสินค้าทางทะเลเมื่อสินค้าสูญหาย และข้อยกเว้นความรับผิดตามใบตราส่ง
                        
                        บริษัท น. เป็นผู้ขนส่งสินค้าให้แก่ห้าง ศ. จากประเทศบราซิลและบริษัท น. ว่าจ้างบริษัท ป. ให้รับขนสินค้าจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อเรือมาถึงประเทศไทย  จำเลยที่ 2 ตัวแทนบริษัท ป. แจ้งให้ห้าง ศ.ทราบจัดการให้เรือเทียบท่า หาคนขนถ่ายสินค้า ออกใบส่งมอบสินค้าให้จำเลยที่ 1 ผู้รับตราส่ง  จำเลยที่ 1 จะต้องโอนสินค้าให้ห้าง  ศ.จึงจะไปเบิกสินค้าจากโกดังของการท่าเรือฯ ได้  การขนส่งสินค้าดังกล่าวเป็นวิธีดำเนินการค้าอันทำให้ได้รับบำเหน็จทางการค้าตามปกติของตน จึงเป็นการดำเนินงานในลักษณะร่วมกันขนส่งสินค้า  และเป็นการขนส่งหลายทอดตามวิธีการขนส่งทางทะเลเมื่อสินค้าเกิดเสียหายขึ้น ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486-1487/2526
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การรับฝากปุ๋ยและการจ่ายปุ๋ยผิดพลาด จำเลยต้องรับผิดคืนปุ๋ยหรือชดใช้ราคา
                        
                        โจทก์ซื้อปุ๋ยจากจำเลย  จำเลยส่งมอบปุ๋ยให้โจทก์ตรวจรับตามจำนวนและคุณภาพถูกต้องแล้ว  การที่จำเลยเก็บรักษาปุ๋ยไว้ ณ โกดังของจำเลยเพื่อรอจ่ายให้แก่ผู้รับตามใบสั่งจ่ายปุ๋ยของโจทก์เป็นคราว ๆ จนกว่าจะครบจำนวน ถือได้ว่าจำเลยรับฝากปุ๋ยของโจทก์ไว้ จำเลยจะต้องคืนปุ๋ยให้แก่โจทก์หรือจ่ายให้แก่ผู้รับซึ่งถือใบสั่งจ่ายของโจทก์ตามข้อตกลง  การที่จำเลยจ่ายปุ๋ยให้แก่ผู้ถือใบสั่งจ่ายปุ๋ยซึ่งลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายและตราของโจทก์ที่ประทับเป็นของปลอม  ถือได้ว่าจำเลยจ่ายปุ๋ยให้แก่ผู้อื่นผิดไปจากข้อตกลง จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486-1487/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การรับฝากปุ๋ยและการจ่ายปุ๋ยผิดพลาด จำเลยต้องรับผิดคืนปุ๋ยหรือชดใช้ราคา
                        
                        โจทก์ซื้อปุ๋ยจากจำเลย  จำเลยส่งมอบปุ๋ยให้โจทก์ตรวจรับตามจำนวนและคุณภาพถูกต้องแล้ว  การที่จำเลยเก็บรักษาปุ๋ยไว้ ณ โกดังของจำเลยเพื่อรอจ่ายให้แก่ผู้รับตามใบสั่งจ่ายปุ๋ยของโจทก์เป็นคราว ๆ จนกว่าจะครบจำนวน ถือได้ว่าจำเลยรับฝากปุ๋ยของโจทก์ไว้ จำเลยจะต้องคืนปุ๋ยให้แก่โจทก์หรือจ่ายให้แก่ผู้รับซึ่งถือใบสั่งจ่ายของโจทก์ตามข้อตกลง  การที่จำเลยจ่ายปุ๋ยให้แก่ผู้ถือใบสั่งจ่ายปุ๋ยซึ่งลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายและตราของโจทก์ที่ประทับเป็นของปลอม  ถือได้ว่าจำเลยจ่ายปุ๋ยให้แก่ผู้อื่นผิดไปจากข้อตกลง จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2526
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา: ศาลต้องใช้ข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาอาญาในการพิจารณาคดีแพ่ง
                        
                        หลังจากโจทก์ฟ้องคดีแพ่งแล้ว อัยการศาลทหารกรุงเทพ(พนักงานอัยการ กรมอัยการ) ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา ขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสซึ่งเป็นมูลกรณีเดียวกัน คดีแพ่งเรื่องนี้จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 และพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 บัญญัติให้ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ฟังข้อเท็จจริงว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุด เมื่อข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาฟังได้ดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าจำเลยทำละเมิดโจทก์
                                    ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ฟังข้อเท็จจริงว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุด เมื่อข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาฟังได้ดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าจำเลยทำละเมิดโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญา
                        
                        หลังจากโจทก์ฟ้องคดีแพ่งแล้ว อัยการศาลทหารกรุงเทพ (พนักงานอัยการ กรมอัยการ) ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา ขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งเป็นมูลกรณีเดียวกัน คดีแพ่งเรื่องนี้จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46  และพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54  บัญญัติให้ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ฟังข้อเท็จจริงว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส พิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุด เมื่อข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาฟังได้ดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าจำเลยทำละเมิดโจทก์
                                    ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ฟังข้อเท็จจริงว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส พิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุด เมื่อข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาฟังได้ดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าจำเลยทำละเมิดโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้: สิทธิในการยึดจำกัดเฉพาะทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา
                        
                        คดีมีประเด็นเพียงว่าบ้านพิพาทที่โจทก์นำยึดเป็นของจำเลยหรือมิใช่เท่านั้นและโจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยด้วย เมื่อผู้ร้องไม่ใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ และข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าบ้านพิพาทมิใช่เป็นของจำเลยแต่เป็นของผู้ร้อง โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิยึดบ้านพิพาทขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ จะอ้างว่าหนี้ที่โจทก์ฟ้องเป็นหนี้ที่จำเลยกับผู้ร้องจะต้องรับผิดร่วมกันหาได้ไม่
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2526
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การยึดทรัพย์ชำระหนี้: สิทธิการยึดจำกัดเฉพาะทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา
                        
                        คดีมีประเด็นเพียงว่าบ้านพิพาทที่โจทก์นำยึดเป็นของจำเลยหรือมิใช่เท่านั้นและโจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยด้วย เมื่อผู้ร้องไม่ใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ และข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าบ้านพิพาทมิใช่เป็นของจำเลยแต่เป็นของผู้ร้อง โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิยึดบ้านพิพาทขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ จะอ้างว่าหนี้ที่โจทก์ฟ้องเป็นหนี้ที่จำเลยกับผู้ร้องจะต้องรับผิดร่วมกันหาได้ไม่
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2526
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ร่วมกันขว้างระเบิดสังหารในงานฉลองผ้าป่า ความรับผิดทางอาญาจากการกระทำ
                        
                        จำเลยทั้งสองขึ้นรำวงแล้วจำเลยที่ 1 ลวนลามสาวรำวงจนถูกถีบ  จำเลยที่ 1 ลงจากเวทีไปทุบหลอดไฟและดึงแผงไฟข้างเวทีทหารที่รักษาการณ์มาห้าม  แล้วเกิดชุลมุนต่อสู้กันสักพักหนึ่งจึงแยกจากกันจำเลยทั้งสองออกจากบริเวณงาน แล้วกลับมาอีกเปลี่ยนเสื้อใหม่อยู่ได้ชั่วครู่ก็ออกจากบริเวณงาน เดินเลี้ยวไปหลังเวทีรำวง ต่อมามีผู้ขว้างลูกระเบิดสังหารไปตกที่พื้นดินที่พวกทหารยืนอยู่บริเวณเวทีรำวง  เป็นเหตุให้มีคนตายและบาดเจ็บหลายคน จำเลยทั้งสองรับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวน โดยสมัครใจนำชี้ที่เกิดเหตุ และแสดงท่าทางให้ถ่ายภาพประกอบคำรับสารภาพ  ดังนี้ ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4), 83 ได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219-1222/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การได้กรรมสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์หลังการยกที่ดินให้บุตร โดยมีอาณาเขตชัดเจน
                        
                        เมื่อปรากฏว่าโจทก์และสามีโจทก์ยกที่ดินมีโฉนดให้แก่จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นบุตร และยอมให้จำเลยทั้งสองเข้าทำกินมาประมาณ 20 ปีโดยมีอาณาเขตเป็นส่วนสัด ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของโดยความสงบและโดยเปิดเผย จำเลยทั้งสองจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่ตนครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และใช้ยันโจทก์ได้แม้ในการยื่นคำร้องขอต่อศาลขอแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท จำเลยทั้งสองจะมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบ และกล่าวอ้างว่าโจทก์เป็นคนหลงใหลสติฟั่นเฟือน กับใช้วิธีขอให้ศาลประกาศทางหนังสือพิมพ์ ก็ไม่ทำให้สิทธิของจำเลยทั้งสองเสียไป
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219-1222/2526
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์หลังการยกให้บุตร การครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของย่อมทำให้ได้กรรมสิทธิ์
                        
                        เมื่อปรากฏว่าโจทก์และสามีโจทก์ยกที่ดินมีโฉนดให้แก่จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นบุตร และยอมให้จำเลยทั้งสองเข้าทำกินมาประมาณ 20 ปีโดยมีอาณาเขตเป็นส่วนสัด ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของโดยความสงบและโดยเปิดเผย จำเลยทั้งสองจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่ตนครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และใช้ยันโจทก์ได้ แม้ในการยื่นคำร้องขอต่อศาลขอแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท จำเลยทั้งสองจะมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบ และกล่าวอ้างว่าโจทก์เป็นคนหลงใหลสติฟั่นเฟือน กับใช้วิธีขอให้ศาลประกาศทางหนังสือพิมพ์ ก็ ไม่ทำให้สิทธิของจำเลยทั้งสองเสียไป