คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อาจ ปัญญาดิลก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 669 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร แม้ได้รับอนุญาตจำกัด ย่อมไม่ถือว่าเป็นการยินยอม
แม้ในตอนแรกนางส.มารดาผู้เสียหายจะยินยอมอนุญาตให้จำเลยพาผู้เสียหายอายุ12ปีออกไปจากบ้านแต่ก็อนุญาตเพื่อให้ผู้เสียหายนำจำเลยไปพบกับสามีนางส.ที่แฮปปี้แลนด์เท่านั้นทั้งยังกำชับไม่ให้ไปนานการที่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าไปในโรงแรมปี๊ปอินน์จึงเป็นเรื่องที่จำเลยทำไปเองตามลำพังจะถือว่านางส.รู้เห็นยินยอมไม่ได้โรงแรมปี๊ปอินน์เป็นโรงแรมม่านรูดเป็นที่รู้จักทั่วไปว่าจัดไว้เพื่อบริการชายหญิงไปหลับนอนชั่วคราวเมื่อไปถึงจำเลยลงจากรถเข้าไปในห้องหมายเลข11ทันทีและกวักมือเรียกให้ผู้เสียหายตามเข้าไปในห้องนั้นด้วยแต่ผู้เสียหายไม่ยอมเข้าไปแสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะหลับนอนกับผู้เสียหายเพื่อร่วมประเวณีหรือกระทำมิดีมิร้ายอย่างอื่นการกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นการพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน13ปีไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา317.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ได้รับอนุญาตพาออกไปพบคนอื่น แต่การพาเข้าโรงแรมม่านรูดถือเป็นเจตนาผิด
แม้ในตอนแรกนาง ส. มารดาผู้เสียหายจะยินยอมอนุญาตให้จำเลยพาผู้เสียหายอายุ 12 ปีออกไปจากบ้าน แต่ก็อนุญาตเพื่อให้ผู้เสียหายนำจำเลยไปพบกับสามีนาง ส. ที่แฮปปี้แลนด์เท่านั้น ทั้งยังกำชับไม่ให้ไปนาน การที่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าไปในโรงแรมปี๊ปอินน์ จึงเป็นเรื่องที่จำเลยทำไปเองตามลำพัง จะถือว่านาง ส. รู้เห็นยินยอมไม่ได้ โรงแรมปี๊ปอินน์เป็นโรงแรมม่านรูดเป็นที่รู้จักทั่วไปว่าจัดไว้เพื่อบริการชายหญิงไปหลับนอนชั่วคราว เมื่อไปถึงจำเลยลงจากรถเข้าไปในห้องหมายเลข 11 ทันที และกวักมือเรียกให้ผู้เสียหายตามเข้าไปในห้องนั้นด้วย แต่ผู้เสียหายไม่ยอมเข้าไป แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะหลับนอนกับผู้เสียหายเพื่อร่วมประเวณีหรือกระทำมิดีมิร้ายอย่างอื่น การกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นการพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 13 ปี ไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2595/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนถึงข้อคัดค้านคำตัดสินและโอกาสชนะคดี
คำร้องขอพิจารณาใหม่กล่าวแต่เหตุที่จำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาไม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลเพื่อให้เห็นว่าหากมีการพิจารณาใหม่จำเลยเอาชนะคดีได้คำขอจำเลยไม่ชอบด้วยป.วิ.พ.มาตรา208วรรคท้ายศาลชอบที่จะยกคำร้องได้โดยไม่ต้องไต่สวน.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2595/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดอย่างชัดเจน มิฉะนั้นศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวน
คำร้องขอพิจารณาใหม่กล่าวแต่เหตุที่จำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาไม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลเพื่อให้เห็นว่าหากมีการพิจารณาใหม่จำเลยอาจชนะคดีได้คำของจำเลยไม่ชอบด้วยป.วิ.พ.มาตรา208วรรคท้ายศาลชอบที่จะยกคำร้องได้โดยไม่ต้องไต่สวน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2544/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเงินโดยสำคัญผิดและการยักยอกทรัพย์ ธนาคารมีอำนาจฟ้องร้องได้
ตามหนังสือมอบอำนาจปรากฏว่าธนาคารมอบอำนาจให้ผู้จัดการธนาคารสาขามีอำนาจฟ้องและดำเนินคดีที่สาขามีส่วนได้เสียหรือเกี่ยวข้องดังนี้ผู้จัดการธนาคารสาขาย่อมมีอำนาจร้องทุกข์กล่าวหาจำเลยว่ายักยอกเงินที่พนักงานของธนาคารสาขาส่งมอบให้จำเลยโดยสำคัญผิด. โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ครอบครองเงินจำนวน90,000บาทของธนาคารโจทก์ร่วมซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของผู้จัดการธนาคารโจทก์ร่วมสาขานครศรีธรรมราชโดยผู้มีชื่อได้ส่งมอบเงินดังกล่าวให้แก่จำเลยโดยสำคัญผิดแล้วจำเลยเบียดบังเงินจำนวนดังกล่าวเป็นของตนโดยทุจริตเป็นการกล่าวถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดตลอดจนข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)แล้วฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์หาเคลือบคลุมไม่. จำเลยเขียนเช็คสั่งจ่ายเงิน10,000บาทโดยเขียนจำนวนเงินด้วยอักษรว่า'หนึ่งหมื่นบาท'แต่จำนวนเงินที่เขียนด้วยตัวเลขได้ใส่เครื่องหมายจุลภาคผิดตำแหน่งโดยใส่ไว้หลังเลขศูนย์ตัวที่สองนับจากเลข1แล้วนำมาขอเบิกเงินจากธนาคารพนักงานธนาคารสำคัญผิดว่าจำเลยขอเบิกเงิน100,000บาทจึงจ่ายเงินให้จำเลย100,000บาทถือได้ว่าเงินจำนวน90,000บาทเป็นเงินที่ส่งมอบให้อยู่ในความครอบครองของจำเลยโดยสำคัญผิดไปแม้จะด้วยการใดก็ตามเมื่อจำเลยเบียดบังเอาเป็นของตนการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา352วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2544/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกเงินที่ธนาคารจ่ายเกินเนื่องจากความสำคัญผิดของผู้ปฏิบัติงานธนาคาร
ตามหนังสือมอบอำนาจปรากฏว่า ธนาคารมอบอำนาจให้ผู้จัดการธนาคารสาขามีอำนาจฟ้องและดำเนินคดีที่สาขามีส่วนได้เสียหรือเกี่ยวข้อง ดังนี้ผู้จัดการธนาคารสาขาย่อมมีอำนาจร้องทุกข์กล่าวหาจำเลยว่ายักยอกเงินที่พนักงานของธนาคารสาขาส่งมอบให้จำเลยโดยสำคัญผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ครอบครองเงินจำนวน 90,000 บาท ของธนาคารโจทก์ร่วม ซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาของผู้จัดการธนาคารโจทก์ร่วมสาขานครศรีธรรมราช โดยผู้มีชื่อได้ส่งมอบเงินดังกล่าวให้แก่จำเลยโดยสำคัญผิดแล้วจำเลยเบียดบังเงินจำนวนดังกล่าวเป็นของตนโดยทุจริต เป็นการกล่าวถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดตลอดจนข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์หาเคลือบคลุมไม่
จำเลยเขียนเช็คสั่งจ่ายเงิน 10,000 บาท โดยเขียนจำนวนเงินด้วยอักษรว่า 'หนึ่งหมื่นบาท' แต่จำนวนเงินที่เขียนด้วยตัวเลข ได้ใส่เครื่องหมายจุลภาคผิดตำแหน่ง โดยใส่ไว้หลังเลขศูนย์ตัวที่สองนับจากเลข 1 แล้วนำมาขอเบิกเงินจากธนาคารพนักงานธนาคารสำคัญผิดว่าจำเลยขอเบิกเงิน 100,000 บาท จึงจ่ายเงินให้จำเลย 100,000 บาท ถือได้ว่าเงินจำนวน 90,000 บาท เป็นเงินที่ส่งมอบให้อยู่ในความครอบครองของจำเลยโดยสำคัญผิดไป แม้จะด้วยการใดก็ตาม เมื่อจำเลยเบียดบังเอาเป็นของตน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2512/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนิติบุคคลต่อละเมิดของเจ้าหน้าที่: การกระทำนอกขอบวัตถุประสงค์ของนิติบุคคล
นิติบุคคลจะรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของนิติบุคคลได้กระทำให้เกิดความเสียหายหรือทำละเมิดขณะทำการตามหน้าที่และอยู่ภายในขอบวัตถุที่ประสงค์ของนิติบุคคลเท่านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา76. พลตำรวจว.กับจำเลยที่2ที่3ซึ่งเป็นตำรวจไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยที่บ้านซึ่งจัดงานแต่ตำรวจทั้ง3ดื่มสุรามึนเมามีเรื่องทะเลาะกับพวกชาวบ้านจนเจ้าภาพต้องเชิญให้กลับออกไปเมื่อไปถึงถนนพลตำรวจว.ได้กระชากลูกเลื่อนปืนในลักษณะข่มขู่พวกชาวบ้านเป็นเหตุให้ปืนลั่น1นัดกระสุนปืนไปถูกโจทก์ซึ่งนั่งอยู่ในบ้านงานได้รับบาดเจ็บพิการไปตลอดชีวิตการที่พลตำรวจว.กระทำดังกล่าวเห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพลตำรวจว.และไม่เกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยตามวัตถุประสงค์ของกรมตำรวจจำเลยที่1กรมตำรวจจำเลยที่1ซึ่งเป็นนิติบุคคลจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2512/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของนิติบุคคลต่อการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ ตำรวจนอกหน้าที่
นิติบุคคลจะรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของนิติบุคคลได้กระทำให้เกิดความเสียหายหรือทำละเมิดขณะทำการตามหน้าที่และอยู่ภายในขอบวัตถุที่ประสงค์ของนิติบุคคลเท่านั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76
พลตำรวจ ว. กับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นตำรวจไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยที่บ้านซึ่งจัดงาน แต่ตำรวจทั้ง 3 ดื่มสุรามึนเมามีเรื่องทะเลาะกับพวกชาวบ้านจนเจ้าภาพต้องเชิญให้กลับออกไป เมื่อไปถึงถนนพลตำรวจ ว. ได้กระชากลูกเลื่อนปืนในลักษณะข่มขู่พวกชาวบ้านเป็นเหตุให้ปืนลั่น 1 นัดกระสุนปืนไปถูกโจทก์ซึ่งนั่งอยู่ในบ้านงานได้รับบาดเจ็บพิการไปตลอดชีวิต การที่พลตำรวจ ว. กระทำดังกล่าวเห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพลตำรวจ ว.และไม่เกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยตามวัตถุประสงค์ของกรมตำรวจจำเลยที่ 1 กรมตำรวจจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2467/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของข้าราชการต่อความเสียหายจากละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่และการควบคุมดูแล
คำฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีละเมิดได้บรรยายค่าเสียหายไว้ตามบัญชีที่1กับรายการโฆษณาตามบัญชีที่3ท้ายฟ้องมีชื่อผู้เช่าและระบุวันเดือนปีที่ออกรายการรวมทั้งเงินค่าเช่าและจำนวนเงินที่ค้างชำระไว้ด้วยซึ่งก็ชัดแจ้งเพียงพอที่จำเลยที่3จะเข้าใจและต่อสู้คดีได้แล้วส่วนรายละเอียดอื่นกับหลักฐานอันเป็นที่มาของรายการดังกล่าวเป็นเรื่องที่โจทก์จะนำสืบในชั้นพิจารณาคดีคำฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่เคลือบคลุม. ตามระเบียบกระทรวงการคลังได้กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาเข้มงวดกวดขันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของทางราชการหากละเลยไม่ปฏิบัติตามก็ให้พิจารณาความรับผิดทางแพ่งและพิจารณาโทษทางวินัยด้วยจำเลยที่2และที่3เป็นข้าราชการของโจทก์ในตำแหน่งรับผิดชอบควบคุมบังคับบัญชาการปฏิบัติงานของจำเลยที่1แต่ปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ควบคุมดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติงานของจำเลยที่1ตามระเบียบของกระทรวงการคลังจนจำเลยที่1ทำละเมิดและก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์การกระทำของจำเลยที่2ที่3เข้าลักษณะประมาทเลินเล่อและมีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ด้วยจำเลยที่2ที่3จึงต้องร่วมรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลาที่แต่ละคนเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่1โดยถือว่าจำเลยทั้งสองก็มีส่วนทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา420.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2467/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาต่อการทุจริตของลูกน้อง และการคำนวณค่าเสียหายที่ต้องรับผิดชอบ
คำฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีละเมิดได้บรรยายค่าเสียหายไว้ตามบัญชีที่ 1 กับรายการโฆษณาตามบัญชีที่ 3 ท้ายฟ้อง มีชื่อผู้เช่าและระบุวันเดือนปีที่ออกรายการ รวมทั้งเงินค่าเช่าและจำนวนเงินที่ค้างชำระไว้ด้วย ซึ่งก็ชัดแจ้งเพียงพอที่จำเลยที่ 3 จะเข้าใจและต่อสู้คดีได้แล้ว ส่วนรายละเอียดอื่นกับหลักฐานอันเป็นที่มาของรายการดังกล่าวเป็นเรื่องที่โจทก์จะนำสืบในชั้นพิจารณาคดี คำฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่เคลือบคลุม
ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ได้กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาเข้มงวดกวดขันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ หากละเลยไม่ปฏิบัติตามก็ให้พิจารณาความรับผิดทางแพ่งและพิจารณาโทษทางวินัยด้วย จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นข้าราชการของโจทก์ ในตำแหน่งรับผิดชอบควบคุมบังคับบัญชาการปฏิบัติงานของจำเลยที่ 1 แต่ปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ควบคุมดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติงานของจำเลยที่ 1 ตามระเบียบของกระทรวงการคลังจนจำเลยที่ 1 ทำละเมิดและก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยที่ 2 ที่ 3 เข้าลักษณะประมาทเลินเล่อและมีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ด้วย จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลาที่แต่ละคนเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 โดยถือว่าจำเลยทั้งสองก็มีส่วนทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
of 67