คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อาจ ปัญญาดิลก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 669 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายร่างกายต่อเนื่อง และเหตุลดโทษจากบันดาลโทสะและการกลับตัว
ใช้มีดปลายแหลมแทงโจทก์ร่วมบริเวณคอค่อนไปทางหลังทางด้านซ้ายและขวาด้านละแผลที่แขนซ้ายอีก3แผลแต่ละแผลยาวประมาณ2เซนติเมตรถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม ขณะกระทำผิดจำเลยยังเป็นนักศึกษาอยู่ไม่เคยถูกตำรวจจับกุมในข้อหาใดๆมาก่อนเหตุที่เกิดขึ้นก็เพราะโจทก์ร่วมซึ่งดื่มสุรามาก่อนกล่าวล่วงเกินน้องสาวจำเลยแล้วจำเลยกับโจทก์ร่วมก็โต้เถียงและทำร้ายกันถือว่ามีเหตุควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวโดยรอการลงโทษจำคุกให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และการป้องกันตัวที่ไม่สมเหตุสมผล ศาลพิจารณาโทษลดหย่อนตามเหตุปัจจัย
ใช้มีดปลายแหลมแทงโจทก์ร่วมบริเวณคอค่อนไปทางหลังทางด้านซ้ายและขวาด้านละแผลที่แขนซ้ายอีก3แผลแต่ละแผลยาวประมาณ2เซนติเมตรถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม ขณะกระทำผิดจำเลยยังเป็นนักศึกษาอยู่ไม่เคยถูกตำรวจจับกุมในข้อหาใดๆมาก่อนเหตุที่เกิดขึ้นก็เพราะโจทก์ร่วมซึ่งดื่มสุรามาก่อนกล่าวล่วงเกินน้องสาวจำเลยแล้วจำเลยกับโจทก์ร่วมก็โต้เถียงและทำร้ายกันถือว่ามีเหตุควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวโดยรอการลงโทษจำคุกให้.(ที่มา-ส่งเสิรมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1158/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงด้วยอาวุธอันตราย ผู้ก่อเหตุมีเจตนาประทุษร้ายถึงแก่ชีวิต
แม้จำเลยจะใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวแต่มีดนั้นยาวประมาณ12นิ้วกว้างประมาณ2นิ้วกับจำเลยแทงทางด้านหลังขณะผู้เสียหายไม่ได้ระวังตัวและได้เลือกแทงที่สะบักซ้ายลึกเข้าถึงเยื่อหุ้มปอดจนมีเลือดตกลงในช่องปอดด้วยซึ่งหากผู้เสียหายไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้ว.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1158/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงด้านหลังด้วยอาวุธอันตราย ผู้เสียหายอาจถึงแก่ชีวิต
แม้จำเลยจะใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวแต่มีดนั้นยาวประมาณ12นิ้วกว้างประมาณ2นิ้วกับจำเลยแทงทางด้านหลังขณะผู้เสียหายไม่ได้ระวังตัวและได้เลือกแทงที่สะบักซ้ายลึกเข้าถึงเยื่อหุ้มปอดจนมีเลือดตกลงในช่องปอดด้วยซึ่งหากผู้เสียหายไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิร้องขอในชั้นบังคับคดี: การโต้แย้งสถานะบริวารและสิทธิในที่ดินของผู้ร้อง
ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีระหว่างโจทก์จำเลยคดีนี้ และคดีถึงที่สุดแล้วว่า ให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาทและห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้อง คำพิพากษาจึงมีผลบังคับถึงบริวารของจำเลยด้วย เมื่อศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษา ก็ได้ระบุไว้ในคำบังคับด้วยว่าห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาท เมื่อผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องขออ้างว่าตนมิได้เป็นบริวารของจำเลยและสิ่งปลูกสร้างกับที่พิพาทนี้เป็นของผู้ร้องทั้งสี่มิใช่ของโจทก์ จึงเป็นการตั้งข้อพิพาทกับโจทก์ในชั้นบังคับคดี กรณีจึงเป็นเรื่องผู้ร้องทั้งสี่มีสิทธิร้องขอต่อศาลได้โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7 (2), 296 ชอบที่จะรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิร้องคัดค้านคำบังคับคดี: การโต้แย้งสถานะ 'บริวาร' และสิทธิในทรัพย์สินหลังคำพิพากษาถึงที่สุด
ศาลออกคำบังคับห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องมิได้เป็นบริวารของจำเลยและสิ่งปลูกสร้างกับที่พิพาทเป็นของผู้ร้องไม่ใช่ของโจทก์เป็นการตั้งข้อพิพาทกับโจทก์ในชั้นบังคับคดีผู้ร้องมีสิทธิร้องต่อศาลได้ตามป.วิ.พ.มาตรา7(2),296ชอบที่จะรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้พิจารณา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการร้องคัดค้านคำบังคับคดีของบุคคลที่อ้างว่าตนไม่ใช่บริวารของจำเลย และมีสิทธิในที่พิพาท
ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีระหว่างโจทก์จำเลยคดีนี้และคดีถึงที่สุดแล้วว่าให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาทและห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้องคำพิพากษาจึงมีผลบังคับถึงบริวารของจำเลยด้วยเมื่อศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาก็ได้ระบุไว้ในคำบังคับด้วยว่าห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทเมื่อผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องขออ้างว่าตนมิได้เป็นบริวารของจำเลยและสิ่งปลูกสร้างกับที่พิพาทนี้เป็นของผู้ร้องทั้งสี่มิใช่ของโจทก์จึงเป็นการตั้งข้อพิพาทกับโจทก์ในชั้นบังคับคดีกรณีจึงเป็นเรื่องผู้ร้องทั้งสี่มีสิทธิร้องขอต่อศาลได้โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา7(2),296ชอบที่จะรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้พิจารณา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องเปลี่ยนลักษณะการยึดถือ แม้ครอบครองเกิน 10 ปี และเคยฟ้องร้องเรียกกรรมสิทธิ์ก่อนหน้านี้
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินจากจำเลยข้อความในสัญญากำหนดว่าผู้จะขายยินยอมที่จะดำเนินการขายให้เสร็จภายใน12เดือนเพื่อโอนขายให้แก่ผู้จะซื้อการซื้อขายที่ดินพิพาทจึงยังต้องมีการโอนทางทะเบียนกันแม้จำเลยยอมให้โจทก์ครอบครองที่ดินไปได้ก่อนก็ตามแต่ตราบใดที่ยังไม่มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์กรรมสิทธิ์ที่ดินยังเป็นของจำเลยการครอบครองที่ดินของโจทก์จึงเป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของจำเลยเป็นการยึดถือที่พิพาทแทนจำเลยมิใช่ยึดถือในฐานะเป็นเจ้าของเมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือแม้โจทก์ครอบครองที่พิพาทเกิน10ปีโจทก์ไม่ได้กรรมสิทธิ์ โจทก์เคยฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ศาลพิพากษายกฟ้องเพราะขาดอายุความโจทก์จึงมาร้องขอให้พิพากษาว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยมิได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกันไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องเปลี่ยนลักษณะการยึดถือ & สัญญาจะซื้อจะขายยังไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินจากจำเลยข้อความในสัญญากำหนดว่าผู้จะขายยินยอมที่จะดำเนินการขายให้เสร็จภายใน12เดือนเพื่อโอนขายให้แก่ผู้จะซื้อการซื้อขายที่ดินพิพาทจึงยังต้องมีการโอนทางทะเบียนกันแม้จำเลยยอมให้โจทก์ครอบครองที่ดินไปได้ก่อนก็ตามแต่ตราบใดที่ยังไม่มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์กรรมสิทธิ์ที่ดินยังเป็นของจำเลยการครอบครองที่ดินของโจทก์จึงเป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของจำเลยเป็นการยึดถือที่พิพาทแทนจำเลยมิใช่ยึดถือในฐานะเป็นเจ้าของเมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือแม้โจทก์ครอบครองที่พิพาทเกิน10ปีโจทก์ไม่ได้กรรมสิทธิ์ โจทก์เคยฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ศาลพิพากษายกฟ้องเพราะขาดอายุความโจทก์จึงมาร้องขอให้พิพากษาว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยมิได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกันไม่เป็นฟ้องซ้ำตามป.วิ.พ.มาตรา148.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสำแดงเท็จพิกัดศุลกากรเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี โดยเจตนาฉ้อค่าภาษีของรัฐ
สินค้าที่จัดอยู่ในพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่35.06นั้นจะต้องเป็นการที่ปรุงแต่งแล้วซึ่งมิได้ระบุหรือรวมไว้ในที่อื่นรวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับใช้อย่างกาวแต่สินค้าที่จำเลยนำเข้ายังไม่เป็นกาวและจำเลยทั้งสามรู้อยู่แล้วว่ากรมศุลกากรเคยเรียกเก็บอากรขาเข้าในพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่39.01ก.มาแล้วจำเลยทั้งสามยังสำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าว่าเป็นสินค้าในพิกัดอัตราอากรขาเข้าประเภทที่35.06อีกทั้งๆที่กรณีมิได้เข้าข้อยกเว้นตามที่จำเลยนำสืบต่อสู้อันเป็นการกระทำเพื่อชักพาให้พนักงานเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรผิดหลงในรายการสินค้าและพิกัดอัตราอากรขาเข้าตามที่จำเลยสำแดงไว้เพื่อจะได้ชำระอากรขาเข้าเป็นจำนวนน้อยกว่าพิกัดอัตราอากรขาเข้าที่ถูกต้องถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฉ้อค่าภาษีของรัฐบาล.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
of 67