คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ม. 18

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2175/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเครื่องจักรที่ใช้ในการตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต และการปรับบทลงโทษให้ถูกต้องตามกฎหมาย
เครื่องจักรเลื่อยวงเดือน เครื่องจักรเลื่อยสายพานเครื่องจักรใช้เจาะไม้และเครื่องจักรไสไม้ ซึ่งจำเลยใช้ในการตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 116 ข้อ 4 จึงต้องริบ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 4)พ.ศ.2503 มาตรา 18 (อ้างฎีกาที่ 1572/2505)
ความผิดฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงงานมีอัตราโทษปรับสถานเดียว จึงเบากว่าความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกและปรับ ต้องปรับบทลงโทษฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้สัก ไม้ยาง โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานไม่ได้รับอนุญาต วางโทษปรับ 5,000 บาทโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมาศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ปรับบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องโดยไม่เพิ่มเติมโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 894/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถยนต์ที่ใช้ขนย้ายไม้หวงห้าม แม้เจ้าของรถไม่รู้เห็น การรับสารภาพเป็นเหตุให้ริบได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีไม้หวงห้ามตามพระราชบัญญัติป่าไม้ไว้ในความครอบครอง อันยังมิได้แปรรูปไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายประทับไว้และจำเลยได้ใช้รถยนต์ของกลางในการกระทำผิดขนย้ายไม้หวงห้ามดังกล่าวเช่นนี้ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลย่อมสั่งริบรถยนต์ของกลางได้โดยโจทก์มิต้องนำสืบว่ารถยนต์ของกลางเป็นของจำเลยหรือเจ้าของรถยนต์ได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด ทั้งนี้เพราะรถยนต์ของกลางเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดอันเข้าข่ายต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 ทวิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185-195/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษา: ห้ามแก้ไขคำพิพากษาถึงที่สุด แม้มีการอ้างข้อเท็จจริงใหม่
คดีที่ศาลพิพากษาให้ลงโทษปรับและให้จำเลยออกจากป่าที่แผ้วถาง เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา กล่าวคือ ยังครอบครองป่าที่ศาลสั่งให้ออกอยู่ โจทก์จึงมีคำขอต่อศาลให้บังคับคดี ศาลย่อมมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาชั้นบังคับคดีแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 โดยไม่จำเป็นจะต้องให้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยในทางแพ่งขึ้นมาใหม่ จำเลยจะอ้างว่าตนได้ครอบครองที่ป่ามาช้านานจนกลายเป็นที่นา ดังนี้ถือว่า เป็นการอ้างข้อเท็จจริงมาใหม่ขัดกับข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติในทางพิจารณา หากจะฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยอ้างมา ก็เท่ากับให้ดำเนินคดีกับจำเลยใหม่ ซึ่งจะมีผลเป็นการแก้คำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้ว ย่อมเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190 โดยห้ามมิให้แก้ไขคำพิพากษาหรือคำสั่งซึ่งอ่านแล้ว นอกจากถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาด
of 2