คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ม. 64

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 30 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7566/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงที่รับสารภาพแล้ว และการพิสูจน์สถานะคนต่างด้าวเพื่อยืนยันความผิดฐานช่วยเหลือ
จำเลยอุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพว่า คนต่างด้าวที่จำเลยให้ความช่วยเหลือเป็นคนต่างด้าวที่นายจ้างนำไปขึ้นทะเบียน จึงมีสิทธิที่จะประกอบอาชีพในราชอาณาจักร เป็นการอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยขาดองค์ประกอบความผิด เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยยกขึ้นอุทธรณ์ได้แม้ว่าจะไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ที่ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 186 (6) ประกอบมาตรา 215 โจทก์ฟ้องว่าจำเลยให้ความช่วยเหลือคนต่างด้าวจำนวน 18 คน ให้พ้นจากการจับกุมแม้เอกสารแนบท้ายอุทธรณ์จะรับฟังได้ว่าคนต่างด้าวจำนวน 4 คน เข้ามาในราชอาณาจักรโดยได้รับอนุญาต และขณะเกิดเหตุยังอยู่ภายในระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานตาม พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 มีผลทำให้การกระทำของจำเลยเกี่ยวกับคนต่างด้าว 4 คน ดังกล่าว ขาดองค์ประกอบความผิดตามฟ้อง แต่ยังคงรับฟังได้ว่าคนต่างด้าวอีก 14 คน ที่จำเลยให้ความช่วยเหลือนั้นเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยจึงยังมีความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 671/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถยนต์ของกลางที่ใช้ขนส่งผู้กระทำผิด ไม่เป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด
รถยนต์ของกลางเป็นพาหนะที่คนต่างด้าวโดยสาร เพื่อพาคนต่างด้าวให้พ้นจากการจับกุม ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ทำหรือมีไว้เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 32 ทั้งไม่ใช่ทรัพย์สินซึ่งได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้กระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 33 (1) รถยนต์ของกลางโดยสภาพมีไว้เพื่อบรรทุกคนและสิ่งของจากที่หนึ่งไปยังที่อื่นอันเป็นวัตถุประสงค์ทั่วไป จึงริบรถยนต์ของกลางไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4149/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกความผิดฐานรับคนต่างด้าวเข้าทำงาน และช่วยเหลือซ่อนเร้น เป็นกรรมต่างกัน ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขได้
โจทก์บรรยายฟ้องไว้ 2 ข้อ ข้อ ก. ว่า จำเลยรับคนต่างด้าวซึ่งลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และข้อ ข. ว่า ภายหลังการกระทำความผิดข้อ ก. จำเลยให้ที่พำนัก ช่วยซ่อนเร้น และช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ตามฟ้องของโจทก์จึงสามารถแยกเจตนาของจำเลยในการกระทำความผิดตามฟ้องแต่ละข้อได้อย่างชัดเจน การกระทำความผิดของจำเลยตามฟ้องข้อ ก. และ ข. จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้ แต่เนื่องจากโจทก์มิได้ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยเป็นสองกรรม ศาลฎีกาจึงไม่อาจแก้ไขในเรื่องโทษให้ผิดไปจากที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาได้ เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4149/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานช่วยเหลือคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองและรับเข้าทำงาน ศาลพิจารณาเป็นกรรมต่างกัน
จำเลยรับคนต่างด้าวเข้าทำงานเป็นลูกจ้าง และนอกจากการรับเข้าทำงานแล้วจำเลยยังช่วยด้วยประการอื่น ๆ อีก โดยให้ที่พำนักและพักอาศัย ช่วยซ่อนเร้น และช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวดังกล่าวเพื่อไม่ให้ถูกจับกุมและไม่ต้องรับโทษ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4045/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานช่วยเหลือคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่
จำเลยทั้งสองให้คนต่างด้าวโดยสารรถยนต์จากที่แห่งหนึ่งไปส่งยังที่อีกแห่งหนึ่งโดยรู้ว่าบุคคลนั้นเป็นคนต่างด้าวและเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 64
ขณะที่จำเลยทั้งสองนำคนต่างด้าวไปส่ง เจ้าพนักงานตำรวจขอตรวจค้นและจับกุม จำเลยทั้งสองขับรถหนีและพุ่งเข้าชนรถยนต์ของทางราชการตำรวจเสียหายเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นใหม่คนละกะทงกับความผิดฐานนำคนต่างด้าวเข้าเมือง จึงเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระตาม ป.อ. มาตรา 90 แต่ความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่กับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นการกระทำในวาระเดียวกันซึ่งเป็นวิธีการอย่างหนึ่งเพื่อหลบหนีการจับกุมเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตาม ป.อ. มาตรา 90.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7685/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบวกโทษจำคุกรอการลงโทษ กรณีกระทำผิดซ้ำภายในระยะเวลาที่กำหนด
จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 2,500 บาท แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และกำหนดเงื่อนไขให้คุมความประพฤติของจำเลยโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง มีกำหนด 1 ปี และจำเลยได้กระทำผิดคดีนี้อีกภายในระยะเวลาที่รอการลงโทษไว้ ฉะนั้น แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องและมิได้ขอให้บวกโทษในคดีดังกล่าวเข้ากับคดีนี้มาท้ายฟ้อง แต่ก็เป็นกรณีที่ความปรากฏแก่ศาล ตาม ป.อ.มาตรา 58 วรรคหนึ่ง จึงให้นำโทษจำคุก 3 เดือนที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5592/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบเลี่ยงการจับกุมเป็นสาระสำคัญของความผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมือง
การกระทำที่จะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ 2522มาตรา 64 วรรคหนึ่ง ผู้กระทำจะต้องให้คนต่างด้าวเข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม
พ.กับ อ.เป็นคนต่างด้าวสัญชาติพม่าเป็นลูกจ้างส่งน้ำแข็งที่ร้านของจำเลย แม้จำเลยให้บุคคลทั้งสองพักอาศัยที่บ้านของจำเลยแต่จำเลยมีเจตนาให้บุคคลทั้งสองทำงานให้จำเลยเท่านั้น หาได้มีเจตนาเพื่อให้บุคคลทั้งสองพ้นจากการจับกุมไม่ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสืบให้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาให้ พ.กับอ.พ้นจากการจับกุม พยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำความผิดตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5592/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาให้ที่พักกับคนต่างด้าวเพื่อทำงาน ไม่ถือเป็นความช่วยเหลือเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม
การกระทำที่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. 2522 มาตรา 64 วรรคหนึ่ง ผู้กระทำต้องให้คนต่างด้าวเข้าพักอาศัยซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม
พ. กับ อ. เป็นคนต่างด้าวสัญชาติพม่า เป็นลูกจ้างส่งน้ำแข็งที่ร้านของจำเลย แม้จำเลยให้บุคคลทั้งสองพักอาศัยที่บ้านของจำเลยแต่จำเลยมีเจตนาให้บุคคลทั้งสองทำงานให้จำเลยเท่านั้น หาได้มีเจตนาเพื่อให้บุคคลทั้งสองพ้นจากการจับกุมไม่ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสืบให้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาให้ พ. กับ อ. พ้นจากการจับกุมพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 64

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5592/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการให้ที่พักอาศัยแก่คนต่างด้าว ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.คนเข้าเมือง หากไม่มีเจตนาให้พ้นจากการจับกุม
การกระทำที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ. 2522 มาตรา 64 วรรคหนึ่ง ผู้กระทำจะต้องให้คนต่างด้าวเข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม
พ.กับอ. เป็นคนต่างด้าวสัญชาติพม่าเป็นลูกจ้างส่งน้ำแข็งที่ร้านของจำเลย แม้จำเลยให้บุคคลทั้งสองพักอาศัยที่บ้านของจำเลยแต่จำเลยมีเจตนาให้บุคคลทั้งสองทำงานให้จำเลยเท่านั้น หาได้มีเจตนาเพื่อให้บุคคลทั้งสองพ้นจากการจับกุมไม่ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสืบให้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาให้ พ.กับอ. พ้นจากการจับกุมพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 64 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8746/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดหลายบท: ช่วยคนต่างด้าวและรับทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต
ความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 64วรรคหนึ่ง บัญญัติถึงการกระทำที่เป็นความผิดคือ ให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายเข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม คดีนี้ตามคำฟ้องข้อ (ก) โจทก์กล่าวหาจำเลยว่า ช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายด้วยการให้เข้าทำงานในร้านอาหารของจำเลยเท่านั้น มิได้มีการช่วยอย่างอื่นอีก ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 ตามคำฟ้องข้อ (ข) โจทก์กล่าวหาจำเลยว่า รับคนต่างด้าวซึ่งไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงานเป็นลูกจ้างในร้านอาหารของจำเลย จะเห็นได้ว่า การที่จำเลยรับคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายเข้าทำงานในร้านอาหารของจำเลยโดยคนต่างด้าวนั้นไม่มีใบอนุญาตทำงาน เป็นการกระทำที่จำเลยมีเจตนาในผลการกระทำเป็นอย่างเดียวกันคือรับคนต่างด้าวเข้าทำงาน แม้จะเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ก็เป็นการกระทำโดยเจตนาเดียวกัน จึงต้องถือว่าเป็นกรรมเดียว
of 3