พบผลลัพธ์ทั้งหมด 388 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2237/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าที่ดินและอาคาร: การเช่าช่วงที่ดินกับการเช่าอาคารไม่ถือเป็นการผิดสัญญา
หนังสือสัญญาแบ่งเช่าที่ดินและหนังสือสัญญาต่อท้ายแบ่งเช่าที่ดิน เป็นเรื่องโจทก์ให้จำเลยเช่าที่ดินปลูกตึกแถวมีกำหนด 20 ปี ภายในระยะเวลาดังกล่าวถ้าจำเลยจะให้บุคคลอื่นเช่าช่วงที่ดินต้องแจ้งให้โจทก์ทราบก่อน ไม่มีข้อห้ามที่จำเลยจะให้บุคคลอื่นเช่าตึกแถว การที่จำเลยให้ ช. เช่าตึกแถว ก็เป็นการเช่าอาคารซึ่งปลูกในที่ดิน ถือไม่ได้ว่าเป็นการเช่าช่วงที่ดิน
ข้อกำหนดในสัญญาที่ให้จำเลยละเว้นการนำตึกแถวไปจำนองจำนำ ขายฝาก หรือก่อภาระผูกพันหนี้สินใดๆ ก็เพื่อป้องกันมิให้ตึกแถวตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่น ในระยะเวลา 20 ปีที่ตึกแถวเป็นของจำเลย หรือทำให้โจทก์มีหน้าที่รับภาระผูกพันหนี้สินในเมื่อพ้นระยะเวลา 20 ปี ซึ่งตึกแถวตกเป็นของโจทก์แล้วการให้เช่าตึกแถวไม่มีกำหนดเวลาเช่า จึงมิใช่เป็นการก่อภาระผูกพันหนี้สินให้เป็นภาระแก่โจทก์ และไม่กระทบกระเทือนถึงกรรมสิทธิ์ในตึกแถวเมื่อตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แต่ประการใด จำเลยจึงไม่ผิดสัญญา
ข้อกำหนดในสัญญาที่ให้จำเลยละเว้นการนำตึกแถวไปจำนองจำนำ ขายฝาก หรือก่อภาระผูกพันหนี้สินใดๆ ก็เพื่อป้องกันมิให้ตึกแถวตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่น ในระยะเวลา 20 ปีที่ตึกแถวเป็นของจำเลย หรือทำให้โจทก์มีหน้าที่รับภาระผูกพันหนี้สินในเมื่อพ้นระยะเวลา 20 ปี ซึ่งตึกแถวตกเป็นของโจทก์แล้วการให้เช่าตึกแถวไม่มีกำหนดเวลาเช่า จึงมิใช่เป็นการก่อภาระผูกพันหนี้สินให้เป็นภาระแก่โจทก์ และไม่กระทบกระเทือนถึงกรรมสิทธิ์ในตึกแถวเมื่อตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แต่ประการใด จำเลยจึงไม่ผิดสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2106/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำร้องผิดพลาดในคดีขัดทรัพย์ ไม่เป็นร้องซ้ำ หากศาลยังไม่ได้วินิจฉัยถึงที่สุดในประเด็นกรรมสิทธิ์
คำร้องขัดทรัพย์เดิมของผู้ร้องมีข้อความว่า ทรัพย์ที่ผู้ร้องขอให้ปล่อยเป็นของโจทก์ แต่ตามภาพถ่ายหนังสือสัญญาซื้อขายที่แนบมาท้ายคำร้องว่าเป็นทรัพย์ที่ผู้ร้องซื้อมาจึงเป็นเรื่องพิมพ์ถ้อยคำผิดพลาด ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นด่วนมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องอ้างว่าสิทธิของผู้ร้องมิได้ถูกโต้แย้ง ผู้ร้องจะใช้สิทธิทางศาลไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โดยอาศัยคำร้องที่ผิดพลาดจากความเป็นจริงนั้นยังถือไม่ได้ว่าศาลได้มีคำสั่งถึงที่สุดในประเด็นที่ว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของจำเลยหรือของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงมาร้องใหม่ตามคำร้องได้ ไม่เป็นร้องซ้ำ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2057/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: ฟ้องจำเลยต่างประเทศ, หนี้เหนือบุคคล, ตัวแทนทางเรือ
โจทก์ฟ้องระบุชื่อจำเลยที่ 4 ว่า 'บริษัทโทรีเซนแอนด์โก(ลิมิเต็ด)จำกัดโดยบริษัทโทรีเซน (กรุงเทพ)จำกัด จำเลยที่ 4' ทั้งบรรยายฟ้องด้วยว่าบริษัทโทรีเซนแอนด์โก(ลิมิเต็ด) จำกัดจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ณ ประเทศฮ่องกงโดยบริษัทโทรีเซน (กรุงเทพ)จำกัด เป็นสาขาในประเทศไทย เห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์จะฟ้องบริษัทโทรีเซนแอนด์โก(ลิมิเต็ด) จำกัด เป็นจำเลยที่ 4หาใช่ฟ้องบริษัทโทรีเซน(กรุงเทพ) จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจากกันเป็นจำเลยที่ 4 ไม่
ฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องเกี่ยวด้วยหนี้เหนือบุคคล ระหว่างโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย กับลูกหนี้ซึ่งมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย และมิได้เข้ามาหรือมีสาขาในประเทศไทย โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยดังกล่าวต่อศาลไทย
บริษัทจำเลยที่ 3 เป็นตัวแทนเรือต่างชาติเกี่ยวกับพิธีการนำเรือเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ และจัดการจ่ายของที่บรรทุกมาในเรือให้แก่ผู้รับในประเทศไทย ตลอดทั้งหาผู้ส่งสินค้าลงเรือดังนี้บริษัทจำเลยที่ 3 มีฐานะเป็นตัวแทนในกิจการดังกล่าวเท่านั้น จึงหาต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดในการที่เรือต่างชาติชนเรือของโจทก์ไม่
ฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องเกี่ยวด้วยหนี้เหนือบุคคล ระหว่างโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย กับลูกหนี้ซึ่งมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย และมิได้เข้ามาหรือมีสาขาในประเทศไทย โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยดังกล่าวต่อศาลไทย
บริษัทจำเลยที่ 3 เป็นตัวแทนเรือต่างชาติเกี่ยวกับพิธีการนำเรือเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ และจัดการจ่ายของที่บรรทุกมาในเรือให้แก่ผู้รับในประเทศไทย ตลอดทั้งหาผู้ส่งสินค้าลงเรือดังนี้บริษัทจำเลยที่ 3 มีฐานะเป็นตัวแทนในกิจการดังกล่าวเท่านั้น จึงหาต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดในการที่เรือต่างชาติชนเรือของโจทก์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2057/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การฟ้องจำเลยต่างประเทศและตัวแทนในคดีละเมิด
โจทก์ฟ้องระบุชื่อจำเลยที่ 4 ว่า "บริษัทโทรีเซนแอนด์โก(ลิมิเต็ด) จำกัด โดยบริษัทโทรีเซน (กรุงเทพ)จำกัด จำเลยที่ 4"ทั้งบรรยายฟ้องด้วยว่าบริษัทโทรีเซนแอนด์โก (ลิมิเต็ด) จำกัดจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ณ ประเทศฮ่องกงโดยบริษัทโทรีเซน (กรุงเทพ)จำกัด เป็นสาขาในประเทศไทยเห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์จะฟ้องบริษัทโทรีเซน แอนด์โก (ลิมิเต็ด)จำกัด เป็นจำเลยที่ 4หาใช่ฟ้องบริษัทโทรีเซน(กรุงเทพ) จำกัดซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างหากจากกันเป็นจำเลยที่ 4 ไม่
ฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องเกี่ยวด้วยหนี้เหนือบุคคล ระหว่างโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย กับลูกหนี้ซึ่งมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย และมิได้เข้ามาหรือมีสาขาในประเทศไทย โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยดังกล่าวต่อศาลไทย
บริษัทจำเลยที่ 3 เป็นตัวแทนเรือต่างชาติเกี่ยวกับพิธีการนำเรือเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ และจัดการจ่ายของที่บรรทุกมาในเรือให้แก่ผู้รับในประเทศไทย ตลอดทั้งหาผู้ส่งสินค้าลงเรือดังนี้บริษัทจำเลยที่ 3 มีฐานะเป็นตัวแทนในกิจการดังกล่าวเท่านั้น จึงหาต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดในการที่เรือต่างชาติชนเรือของโจทก์ไม่
ฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องเกี่ยวด้วยหนี้เหนือบุคคล ระหว่างโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย กับลูกหนี้ซึ่งมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย และมิได้เข้ามาหรือมีสาขาในประเทศไทย โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยดังกล่าวต่อศาลไทย
บริษัทจำเลยที่ 3 เป็นตัวแทนเรือต่างชาติเกี่ยวกับพิธีการนำเรือเข้าออกจากท่าเรือกรุงเทพ และจัดการจ่ายของที่บรรทุกมาในเรือให้แก่ผู้รับในประเทศไทย ตลอดทั้งหาผู้ส่งสินค้าลงเรือดังนี้บริษัทจำเลยที่ 3 มีฐานะเป็นตัวแทนในกิจการดังกล่าวเท่านั้น จึงหาต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดในการที่เรือต่างชาติชนเรือของโจทก์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1995/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีหลังจำเลยเสียชีวิต: ศาลต้องจัดให้มีคู่ความแทนที่ก่อนพิจารณาต่อ
ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้ว แต่โจทก์ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 26 กันยายน2522 ขอให้ศาลชั้นต้นแก้คำบังคับโดยให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลที่โจทก์ต้องเสียเพิ่มด้วย ซึ่งต่อมาได้มีอุทธรณ์ฎีกาคำร้องดังกล่าวโดยทนายจำเลยเป็นผู้ฎีกาและปรากฏข้อเท็จจริงในชั้นฎีกาว่าจำเลยถึงแก่กรรมไปแล้วเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2522โดยทนายจำเลยก็ทราบแต่ยังไม่มีผู้เข้าเป็นคู่ความแทนที่ ซึ่งเมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์คดีก็กลับมีกรณีที่จะต้องตั้งต้นพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ขึ้นใหม่ โดยต้องจัดให้มีผู้เข้ามาเป็นคู่ความเสียก่อนเช่นนี้ การดำเนินกระบวนพิจารณาตั้งแต่ชั้นสั่งรับอุทธรณ์เป็นต้นมา จึงยังไม่ถูกต้องและทนายจำเลยย่อมหมดสภาพเป็นทนายจำเลยที่จะยื่นฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1994/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสิทธิการดำเนินคดีแทนจำเลยหลังเสียชีวิต และการหาคู่ความใหม่
จำเลยตาย แม้ทนายจำเลยจะมีอำนาจยื่นอุทธรณ์แทนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 828 ทำให้คดีกลับมีกรณีที่จะต้องตั้งต้นพิจารณาชั้นอุทธรณ์ขึ้นใหม่แต่เมื่อจำเลยตายแล้ว ทนายจำเลยย่อมหมดสภาพเป็นทนายจำเลย จึงทำให้คดีมีแต่โจทก์ฝ่ายเดียว ฝ่ายจำเลยยังไม่มีผู้เข้าเป็นคู่ความดำเนินคดีแทน จึงต้องจัดหาผู้เข้ามาเป็นคู่ความดำเนินคดีแทนจำเลยเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1982/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทสัญญา ก่อสร้าง: การวินิจฉัยของวิศวกรที่ปรึกษาผูกพันคู่สัญญา หากไม่ดำเนินการขออนุญาโตตุลาการภายในกำหนด
โจทก์เป็นผู้ประมูลก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำให้แก่จำเลยซึ่งมีบริษัทหนึ่งเป็นวิศวกรที่ปรึกษา หลังจากก่อสร้างเสร็จและส่งมอบงานแล้ว โจทก์ได้เรียกร้องเงินนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญา โดยผ่านวิศวกรที่ปรึกษาไปยังจำเลย จำเลยได้เสนอค่าเสียหายแก่โจทก์ในจำนวนที่ต่ำกว่าเงินที่โจทก์เรียกร้อง โจทก์จึงได้เสนอเรื่องให้วิศวกรที่ปรึกษาของจำเลยชี้ขาดตามข้อสัญญา ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีฯ วิศวกรวินิจฉัย ให้จำเลยจ่ายเงินให้โจทก์เป็นจำนวนหนึ่ง ดังนี้ การที่โจทก์ฟ้อง เรียกร้องค่าเสียหายตามคำวินิจฉัยของวิศวกรที่ปรึกษา ซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับจำนำโดยไม่มีเจตนาเป็นปกติธุระ ไม่เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.โรงรับจำนำ
จำเลยให้บุคคล 4 คนยืมเงินไป โดยไม่มีดอกเบี้ย และจำเลยมิได้เรียกร้องเอาสิ่งของประกันเงินยืม หากแต่ผู้ยืมเกรงใจจึงให้จำเลยเอาสิ่งของไว้เป็นประกัน ดังนี้ ยังไม่พอถือว่าจำเลยรับจำนำสิ่งของไว้เป็นประกันหนี้เงินกู้เป็นปกติธุระ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับจำนำโดยมิได้รับอนุญาต: ข้อเท็จจริงต้องชัดเจนว่าเป็นการประกอบธุรกิจรับจำนำเป็นปกติ
ได้ความจากพยานโจทก์ 4 คนว่า จำเลยให้พยานโจทก์ทั้งสี่ยืมเงินโดยไม่มีดอกเบี้ย และมิได้เรียกเอาสิ่งของเป็นประกันเงินยืม หากแต่ผู้ยืมเกรงใจ จึงให้จำเลยเอาสิ่งของไว้เป็นประกัน ส่วนทรัพย์รายการอื่นโจทก์มิได้นำผู้เป็นเจ้าของสิ่งของนั้นมาสืบ แม้จำเลยจะนำสืบรับเข้ามาว่าได้รับจำนำนาฬิกาของ ท. ไว้อีก 1 เรือน แต่จำเลยก็นำเจ้าของสิ่งของอื่นมาสืบว่ามิได้นำสิ่งของเหล่านั้นมาจำนำไว้กับจำเลย ข้อเท็จจริงเพียงเท่านี้ยังไม่พอถือว่า จำเลยรับจำนำสิ่งของไว้เป็นประกันหนี้เงินกู้เป็นปกติธุระ ตามมาตรา 4 แห่ง พระราชบัญญัติโรงรับจำนำจำเลยไม่มีความผิดฐานตั้งโรงรับจำนำโดยมิได้รับอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1842/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินเป็นหลักฐานเด็ดขาด การสืบเพื่อเปลี่ยนแปลงข้อความในสัญญาทำไม่ได้
หนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินระบุว่า ผู้ขายได้ขายที่ดินให้ผู้ซื้อ และผู้ขายได้รับราคาที่ดินไปจากผู้ซื้อเสร็จแล้วในวันทำสัญญา การที่ผู้ขายนำพยานบุคคลมาสืบว่าในวันทำหนังสือสัญญาดังกล่าว ผู้ขายไม่ได้รับราคาที่ดินนั้น เป็นการสืบเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในหนังสือสัญญาการซื้อขายที่พิพาท ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94