พบผลลัพธ์ทั้งหมด 388 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1563/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารโดยไม่เต็มใจ การกระทำไม่เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมาย
ผู้เสียหายมิได้รักใคร่กับจำเลยมาก่อน เป็นเพียงคนผู้จักกันเท่านั้น จำเลยได้ชวนผู้เสียหายไปเที่ยวบ้านจำเลย และรับว่าจะพากลับมาส่ง ผู้เสียหายจึงไปกับจำเลยแต่จำเลยกลับพาผู้เสียหายไปพักอาศัยที่บ้านคนอื่น แล้วจำเลยได้ขอจูบแก้มผู้เสียหาย ผู้เสียหายปิดป้องขัดขืน กรณีดังนี้จะถือว่าผู้เสียหายเต็มใจไปกับจำเลยหาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 318
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1563/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจารโดยไม่เต็มใจ ถือเป็นความผิดตาม ม.318
ผู้เสียหายมิได้รักใคร่กับจำเลยมาก่อน เป็นเพียงคนรู้จักกันเท่านั้น จำเลยได้ชวนผู้เสียหายไปเที่ยวบ้านจำเลย และรับว่าจะพากลับมาส่ง ผู้เสียหายจึงไปกับจำเลย แต่จำเลยกลับพาผู้เสียหายไปพักอาศัยที่บ้านคนอื่น แล้วจำเลยได้ขอจูบแก้มผู้เสียหาย ผู้เสียหายปิดป้องขัดขืน กรณีดังนี้จะถือว่าผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยกับจำเลยหาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการจัดการมรดก: ทายาทโดยชอบธรรม, บุตรนอกกฎหมายที่ได้รับการรับรอง, และอำนาจของผู้จัดการมรดก
ผู้คัดค้านร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก อ้างว่าศาลเพิกถอนคำสั่งเพราะสั่งไปโดยผิดหลง โดยผู้ร้องแถลงข้อความอันเป็นเท็จปกปิดความจริงศาลชั้นต้นยกคำร้อง ต่อมาผู้คัดค้านยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องมิได้ปฏิบัติหน้าที่ของผู้จัดการมรดกให้ถูกต้อง มิได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกมาเสนอศาล และฉ้อฉลทรัพย์มรดกไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวดังนี้ ประเด็นที่จะวินิจฉัยในคำร้องฉบับหลังนี้จึงเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกับคำร้องฉบับแรกไม่เป็นการร้องซ้ำ
ทายาทที่จะร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 หมายความถึงทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกเท่านั้น ไม่หมายความถึงผู้ที่อยู่ในลำดับทายาททุกลำดับตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 1629
ภรรยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ได้อยู่กินร่วมกันกับสามีจนสามีถึงแก่ความตาย เมื่อมีทรัพย์สินได้มาระหว่างเป็นสามีภรรยา ย่อมถือว่าเป็นทรัพย์สินทำมาหาได้ร่วมกันจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1713
ทายาทที่จะร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 หมายความถึงทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกเท่านั้น ไม่หมายความถึงผู้ที่อยู่ในลำดับทายาททุกลำดับตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 1629
ภรรยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ได้อยู่กินร่วมกันกับสามีจนสามีถึงแก่ความตาย เมื่อมีทรัพย์สินได้มาระหว่างเป็นสามีภรรยา ย่อมถือว่าเป็นทรัพย์สินทำมาหาได้ร่วมกันจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1713
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการจัดการมรดก: ทายาทโดยชอบธรรม, ผู้จัดการมรดก, และการฉ้อฉลทรัพย์มรดก
ผู้คัดค้านร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกอ้างว่าศาลเพิกถอนคำสั่งเพราะสั่งไปโดยผิดหลง โดยผู้ร้องแถลงข้อความอันเป็นเท็จปกปิดความจริงศาลชั้นต้นยกคำร้อง ต่อมาผู้คัดค้านยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องมิได้ปฏิบัติหน้าที่ของผู้จัดการมรดกให้ถูกต้อง มิได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกมาเสนอศาล และฉ้อฉลทรัพย์มรดกไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ดังนี้ ประเด็นที่จะวินิจฉัยในคำร้องฉบับหลังนี้เป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกับคำร้องฉบับแรกไม่เป็นการร้องซ้ำ
ทายาทที่จะร้องต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 หมายความถึงทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกเท่านั้น ไม่หมายความถึงผู้ที่อยู่ในลำดับทายาททุกลำดับตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 1629
ภรรยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ได้อยู่กินร่วมกันกับสามีจนสามีถึงแก่ความตาย เมื่อมีทรัพย์สินได้มาระหว่างเป็นสามีภรรยา ย่อมถือว่า เป็นทรัพย์สินทำมาหาได้ ร่วมกัน จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713
ทายาทที่จะร้องต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 หมายความถึงทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกเท่านั้น ไม่หมายความถึงผู้ที่อยู่ในลำดับทายาททุกลำดับตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 1629
ภรรยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ได้อยู่กินร่วมกันกับสามีจนสามีถึงแก่ความตาย เมื่อมีทรัพย์สินได้มาระหว่างเป็นสามีภรรยา ย่อมถือว่า เป็นทรัพย์สินทำมาหาได้ ร่วมกัน จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีของจำเลยทำให้ศาลไม่อนุญาตเลื่อนคดีและพิจารณาต่อไปได้
ศาลสั่งให้จำเลยนำสืบก่อน นัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกทนายจำเลยแถลงว่าจำเลยไม่ได้มาติดต่อเลย ขอเลื่อนคดีศาลอนุญาต ก่อนถึงวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งที่สอง 4 วัน ทนายจำเลยยื่นคำแถลงว่าได้ติดต่อทางจดหมายลงทะเบียนถึงจำเลยหลายครั้ง จำเลยไม่มาติดต่อ จึงขอถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลย ศาลจึงเลื่อนไปนัดพร้อมและหมายเรียกจำเลยมาศาล จำเลยได้รับหมายเรียกด้วยตนเองถึงวันนัดทนายจำเลยแถลงว่าได้พบและบอกให้จำเลยมาศาลแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมมา ศาลอนุญาตให้ทนายจำเลยถอนตัวและนัดสืบพยานจำเลยเป็นครั้งที่สาม ถึงวันนัดทนายคนใหม่ของจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าติดว่าความศาลอื่น ศาลอนุญาตและกำชับให้จำเลยเตรียมพยานมาให้พร้อมในนัดหน้าถึงวันนัดทนายจำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยป่วยมาศาลไม่ได้ ขอเลื่อนคดี ใบรับรองแพทย์จะเสนอภายหลังพฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยเป็นการประวิงคดีให้ชักช้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ถิ่นที่อยู่ปกติของเด็กและเยาวชนเพื่อการพิจารณาคดี: การพิจารณาจากที่อยู่อาศัยและการประกอบอาชีพ
จำเลยเป็นเยาวชนย้ายจากเขตจังหวัดธนบุรีมาอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีตั้งแต่ยังเล็ก แต่ไม่ได้แจ้งย้ายทะเบียนบ้าน ต่อมาจำเลยทำงานรับจ้างเป็นเด็กกระเป๋ารถยนต์สองแถวและกินอยู่หลับนอนกับนายจ้างที่จังหวัดนนทบุรี ดังนี้ถิ่นที่อยู่ปกติของจำเลยจึงอยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรี แม้มารดาของจำเลยกับจำเลยแจ้งย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ถิ่นที่อยู่ปกติของจำเลยหาใช่เป็นแห่งเดียวกับภูมิลำเนาจำเลยไม่ โจทก์ฟ้องจำเลย ต่อศาลจังหวัดนนทบุรี จึงชอบแล้ว กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 28 แห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ2494.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ถิ่นที่อยู่ปกติของเด็กและเยาวชนเพื่อการพิจารณาคดี: การพิจารณาจากที่อยู่อาศัยจริงและการประกอบอาชีพ
จำเลยเป็นเยาวชนย้ายจากเขตจังหวัดธนบุรีมาอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีตั้งแต่ยังเล็ก แต่ไม่ได้แจ้งย้ายทะเบียนบ้าน ต่อมาจำเลยทำงานรับจ้างเป็นเด็กกระเป๋ารถยนต์สองแถว และกินอยู่หลับนอนกับนายจ้างที่จังหวัดนนทบุรี ดังนี้ ถิ่นที่อยู่ปกติของจำเลยจึงอยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรี แม้มารดาของจำเลยกับจำเลยแจ้งย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ถิ่นที่อยู่ปกติของจำเลยหาใช่เป็นแห่งเดียวกับภูมิลำเนาจำเลยไม่โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดนนทบุรีจึงชอบแล้วกรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ.2494
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้าราชการทุจริตการก่อสร้าง รับรองงานผิดพลาด ทำให้ราชการเสียหาย
จำเลยเป็นข้าราชการตำแหน่งหัวหน้าธุรการของโรงพยาบาลและเป็นกรรมการตรวจการจ้างการก่อสร้างตึก จำเลยทราบดีว่าการก่อสร้างผิดรายการตามแบบแปลนแต่เพิกเฉยเสีย แล้วทำบันทึกตรวจการจ้างรับรองเป็นหลักฐานว่า ผู้รับจ้างทำการก่อสร้างแล้วเสร็จบริบูรณ์ตามสัญญาจ้างจนทางราชการได้อนุมัติจ่ายค่าจ้างให้ผู้รับจ้างไปครบถ้วนซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162(1) นั้น การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดต่อเนื่องกัน จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามกฎหมายที่เป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1163/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วมในบ้านที่สร้างจากการรื้อถอนและปลูกสร้างใหม่โดยใช้เงินที่ได้มาจากการอยู่กินฉันสามีภรรยา
มารดาผู้ร้องยกบ้านให้ผู้ร้องในขณะที่ผู้ร้องอยู่กินกับจำเลยฉันสามีภรรยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ผู้ร้องรื้อบ้านนั้นและขนย้ายเอามาปลูกขึ้นใหม่เป็นบ้านพิพาท ทั้งนี้ได้ใช้จ่ายเงินเป็นค่าซื้อไม้ฝาและสีทาเพิ่มเติม กับค่าตะปูและค่ารื้อถอนขนย้าย รวมทั้งค่าแรงปลูกสร้างด้วย โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นเงินที่ผู้ร้องและจำเลยทำมาหาได้ระหว่างอยู่กินฉันสามีภรรยา และเมื่อปลูกสร้างเสร็จผู้ร้องกับจำเลยก็อยู่ร่วมกันในบ้านพิพาทตลอดมาดังนี้ ถือว่าผู้ร้องและจำเลยเป็นเจ้าของร่วมในบ้านนั้น โจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยนำยึดบ้านพิพาทส่วนของจำเลยได้ผู้ร้องมีสิทธิเพียงร้องขอกันส่วนของผู้ร้องเท่านั้นหามีสิทธิร้องขอให้ปล่อยบ้านพิพาทไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรลุนิติภาวะของจำเลยระหว่างการพิจารณาคดี และผลต่อการเป็นคู่ความ
จำเลยที่ 2 อายุ 18 ปี ขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 2 อายุครบ 20 ปี บรรลุนิติภาวะจำเลยที่ 2 จึงมีความสามารถบริบูรณ์ มีอำนาจเป็นคู่ความด้วยตนเองศาลฎีกาพิจารณาพิพากษาคดีไปได้ โดยไม่จำต้องสั่งให้จำเลยที่ 2 แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถ