คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
แถมชัย สิทธิไตรย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 388 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 469/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเช็ค: นับวันเริ่มทำงานใหม่เมื่อวันครบกำหนดเป็นวันหยุด
ผู้ทรงเช็คมีสิทธิฟ้องผู้สั่งจ่ายให้รับผิดใช้เงินตามเช็คได้ภายในเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่เช็คถึงกำหนดใช้เงิน เมื่อวันออกเช็คตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาซึ่งเป็นวันหยุดราชการและวันหยุดของธนาคารโจทก์ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ อายุความจึงเริ่มนับในวันรุ่งขึ้นของ วันออกเช็ค และเมื่อวันสุดท้ายซึ่งครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาและติดต่อกับวันเสาร์วันอาทิตย์ตามลำดับ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยในวันจันทร์ซึ่งเป็นวันที่เริ่มทำงานใหม่ได้
วันหยุดราชการเป็นข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปจึงไม่จำต้องบรรยายฟ้องหรือนำสืบแสดงเหตุผลให้ปรากฏ และข้อที่ว่าถ้าวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาเป็นวันหยุดราชการ ให้นับวันที่เริ่มทำงานใหม่เข้าด้วย เป็นข้อกฎหมายซึ่งศาลรับรู้เองและศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 469/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเช็ค: วันหยุดราชการและวันหยุดธนาคารมีผลต่อการนับระยะเวลา
ผู้ทรงเช็คมีสิทธิฟ้องผู้สั่งจ่ายให้รับผิดใช้เงินตามเช็คได้ภายในเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่เช็คถึงกำหนดใช้เงิน เมื่อวันออกเช็คตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาซึ่งเป็นวันหยุดราชการและวันหยุดของธนาคารโจทก์ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ อายุความจึงเริ่มนับในวันรุ่งขึ้นของวันออกเช็ค และเมื่อวันสุดท้ายซึ่งครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาและติดต่อกับวันเสาร์วันอาทิตย์ตามลำดับ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยในวันจันทร์ซึ่งเป็นวันที่เริ่มทำงานใหม่ได้
วันหยุดราชการเป็นข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไป จึงไม่จำต้องบรรยายฟ้องหรือนำสืบแสดงเหตุผลให้ปรากฏ และข้อที่ว่าถ้าวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาเป็นวันหยุดราชการ ให้นับวันที่เริ่มทำงานใหม่เข้าด้วย เป็นข้อกฎหมายซึ่งศาลรับรู้เองและศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาให้พักอาศัยเพื่อรักษาพยาบาล ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง และเงินไทยไม่ใช่ 'ของ' ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร
จำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกสะใภ้และเป็นคนลาว เข้าพักอาศัยในบ้านเพราะมีครรภ์แก่จวนคลอดเพื่อจะให้แพทย์ตรวจรักษา มิใช่ให้เข้าพักเพื่อให้พ้นจากการจับกุม จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมืองฯ ม.64
ธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ไทยมิใช่สิ่งของอันอาจนำไปจำหน่ายเป็นสินค้าอย่างธรรมดาทั่วๆไปได้ จึงมิใช่ "ของ" ตามความใน พ.ร.บ.ศุลกากรฯ ม.27 ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 2กับพวกนำเงินไทยดังกล่าวออกไปนอกราชอาณาจักร จึงไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ ม.27

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 172/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่ากรรมเดียว: การแทงภรรยาขณะอุ้มบุตร แม้บุตรถูกมีดบ้าง แต่เจตนาคือฆ่าภรรยา
จำเลยใช้มีดแทง ส. ภรรยาจำเลยขณะที่ ส. อุ้ม อ.บุตรอยู่ มีดที่จำเลยแทง ส. จึงถูก อ. ด้วย แต่จำเลยมิได้มีเจตนาฆ่า อ.แม้ อ. จะถูกมีดหลายครั้งมีบาดแผลหลายแห่งก็เป็นการแทงเพื่อเจตนาฆ่า ส. เท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 172/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียว ความผิดฐานฆ่า: เจตนาฆ่าจำเลยมุ่งเป้าที่ภรรยา การแทงบุตรเป็นการกระทำต่อเนื่อง
จำเลยใช้มีดแทง ส.ภรรยาจำเลยขณะที่ส.อุ้มอบุตรอยู่ มีดที่จำเลยแทงส.จึงถูกอ.ด้วย แต่จำเลยมิได้มีเจตนาฆ่าอ.แม้ อ. จะถูกมีดหลายครั้งมีบาดแผลหลายแห่งก็เป็นการแทงเพื่อเจตนาฆ่า ส. เท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3916/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ที่ตั้งบนที่ดินจำนอง ผู้รับจำนองมีสิทธิคัดค้านการยึดที่ดิน แต่ไม่มีสิทธิคัดค้านการยึดสิ่งปลูกสร้าง
สิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ปลูกอยู่บนที่ดินของจำเลยที่ 2 การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 2 ในส่วนที่เป็นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวด้วย ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ 2 ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ปล่อยที่ดินส่วนดังกล่าวซึ่งมิใช่เป็นทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288
สำหรับสิ่งปลูกสร้างที่ผู้ร้องรับจำนองไว้จากจำเลยที่ 1 นั้น ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานบังคับคดีมีสิทธิที่จะยึดและนำออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาได้ ผู้ร้องชอบที่จะขอรับชำระหนี้จำนองจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดก่อนเจ้าหนี้อื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 หรือหากผู้ร้องไม่ขอรับชำระหนี้จำนอง สิทธิจำนองของผู้ร้องซึ่งอาจร้องขอให้บังคับเหนือสิ่งปลูกสร้างนั้นก็ไม่ถูกกระทบกระทั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยสิ่งปลูกสร้างนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3916/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเมื่อมีการบังคับคดี การแยกพิจารณาสิทธิของผู้รับจำนองในที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
สิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ปลูกอยู่บนที่ดินของจำเลยที่ 2 การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 2 ในส่วนที่เป็นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวด้วย ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ 2 ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ปล่อยที่ดินส่วนดังกล่าวซึ่งมิใช่เป็นทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288
สำหรับสิ่งปลูกสร้างที่ผู้ร้องรับจำนองไว้จากจำเลยที่ 1นั้น ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1เจ้าพนักงานบังคับคดีมีสิทธิที่จะยึดและนำออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาได้ ผู้ร้องชอบที่จะขอรับชำระหนี้จำนองจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดก่อนเจ้าหนี้อื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา289 หรือหากผู้ร้องไม่ขอรับชำระหนี้จำนอง สิทธิจำนองของผู้ร้องซึ่งอาจร้องขอให้บังคับเหนือสิ่งปลูกสร้างนั้นก็ไม่ถูกกระทบกระทั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา287 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยสิ่งปลูกสร้างนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3896/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ห้างหุ้นส่วนกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการค้า สัญญาผูกพัน หุ้นส่วนและผู้ค้ำประกันต้องรับผิด
การที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์มาใช้ในกิจการค้าของจำเลยที่ 1 หาเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ไม่
การที่โจทก์เบิกความว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้ และรับเงินจากโจทก์ไปต่างกับฟ้องที่ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ เมื่อข้อเท็จจริงเป็นอันยุติ และตามอุทธรณ์ฎีกาของจำเลยยอมรับว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้เงินโจทก์แล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยปัญหานี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3896/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วัตถุประสงค์การกู้ยืมเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัด และความรับผิดของผู้กู้ ผู้ค้ำประกัน
การที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์มาใช้ในกิจการค้าของจำเลยที่ 1 หาเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ไม่
การที่โจทก์เบิกความว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้ และรับเงินจากโจทก์ไปต่างกับฟ้องที่ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้ เมื่อข้อเท็จจริงเป็นอันยุติ และตามอุทธรณ์ฎีกาของจำเลยยอมรับว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้กู้เงินโจทก์แล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยปัญหานี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3843/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลกรณีจำหน่ายคดีขาดนัด: ศาลไม่คืนค่าขึ้นศาลเมื่อไม่มีเหตุตามกฎหมาย แม้คดีจำหน่าย
โจทก์ขอบังคับให้จำเลยโอนขายที่ดินราคา 460,000 บาทถ้าไม่สามารถโอนขายได้ ให้ใช้ค่าเสียหาย 1,940,000 บาท คำขอข้อหลังจะใช้บังคับเมื่อคำขอข้อแรกบังคับไม่ได้ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ที่สูงกว่าคือทุนทรัพย์ 1,940,000 บาท
เมื่อโจทก์ขาดนัดพิจารณาและศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีแล้วไม่มีกฎหมายบัญญัติให้คืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์ดังกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151
of 39