คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประการ กาญจนศูนย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 343 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดและการอ่านคำพิพากษาให้แก่โจทก์ร่วม การรับหมายแทนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้การอ่านคำพิพากษาไม่สมบูรณ์
ศาลชั้นต้นออกหมายนัดฟังคำพิพากษาเพื่อส่งให้แก่โจทก์ร่วมโดยระบุชื่อโจทก์ร่วมในหมายนัด แต่การส่งหมาย เจ้าพนักงานศาลได้ให้บ.สามีโจทก์ร่วมลงชื่อรับแทน โจทก์ร่วมในศาล จึงเป็นการส่งหมายนัดโดยเจ้าพนักงานศาล ไปยังที่อื่นนอกจากภูมิลำเนาของโจทก์ร่วมเมื่อ บ.มิใช่ ผู้มีชื่อระบุว่าเป็นผู้รับหมายโดยตรงและไม่ ปรากฏว่าเป็นผู้ซึ่งโจทก์ร่วมหรือทนายความของโจทก์ร่วม แต่งตั้งให้ทำการแทน แม้ บ.จะรับหมายในศาลจาก เจ้าพนักงานศาล ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการรับหมายไว้แทนโจทก์ร่วมโดยชอบการที่โจทก์ร่วมไม่มาศาลในวันนัดศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาให้โจทก์และจำเลยฟังโดยถือว่า โจทก์ร่วมได้ฟังด้วยแล้วนั้นจึงไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่า ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาให้โจทก์ร่วมฟังแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกันจำกัดเฉพาะความเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ของลูกจ้าง ไม่รวมการฉ้อโกง
จำเลยที่ 2 ค้ำประกันการเข้าทำงานของจำเลยที่ 1 ใน หน้าที่พนักงานขับรถยนต์ของโจทก์ เฉพาะกรณีจำเลยที่ 1ปฏิบัติหน้าที่ราชการบกพร่องเป็นเหตุให้รถยนต์หรือทรัพย์สินของโจทก์ชำรุดเสียหาย หรือในกรณีที่โจทก์ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการที่จำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อบุคคลอื่นอันหมายถึงความเสียหายที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่พนักงานขับรถโดยเฉพาะ การที่จำเลยที่ 1 นำใบสำคัญเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลซึ่งเป็นเอกสารปลอมไปขอเบิกจ่ายรับเงินจากโจทก์ แม้เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ก็เป็นความเสียหายเกิดจากการฉ้อโกงนอกเหนือจากที่ระบุในสัญญาค้ำประกัน จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1371/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัย vs. ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่ และการเริ่มนับอายุความของความรับผิดของผู้ขนส่ง
เหตุสุดวิสัยนั้นย่อมหมายถึงเหตุใดๆอันจะเกิดขึ้นก็ดี จะให้ผลพิบัติก็ดีไม่มีใครจะอาจป้องกันได้ แม้ทั้งบุคคลผู้ต้องประสบหรือใกล้จะต้องประสบเหตุนั้นจะได้จัดการระมัดระวังตามสมควร อันพึงคาดหมายได้จากบุคคลเช่นนั้นในฐานะเช่นนั้น
พนักงานขับรถของจำเลยได้ขับรถออกนอกผิวจราจรโดยมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร ประกอบกับรถยนต์ของจำเลยบรรทุกของหนักเป็นเหตุให้ดินที่ขอบไหล่ถนนทางด้านซ้ายทรุดหรือยุบทำให้รถยนต์ของจำเลยเสียหลักแล่นตะแคงพลิกคว่ำตกลงไปข้างถนนซึ่งพนักงานของจำเลยมีทางที่จะป้องกันมิให้เหตุนั้นเกิดขึ้นได้ หากใช้ความระมัดระวังขับรถบนผิวจราจรของถนนในช่องทางเดินรถของตนตามปกติ เมื่อมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเหตุที่เกิดขึ้นจึงเป็นความประมาทเลินเล่อมิใช่เหตุสุดวิสัย
โจทก์ได้นำรถยนต์บรรทุกมาบรรทุกเครื่องแยกแร่แม่เหล็กของตนที่ได้รับความเสียหายในระหว่างการขนส่งของจำเลยจากที่เกิดเหตุไปเก็บรักษาไว้ที่บริษัทโจทก์เป็นการนำไปเก็บรักษาไว้ชั่วคราวเพื่อป้องกันมิให้สูญหาย อันเป็นการช่วยบรรเทาผลร้ายให้แก่จำเลยแต่ต่อมาจำเลยได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างของจำเลยไปตรวจสอบความเสียหายของเครื่องแยกแร่แม่เหล็กของโจทก์ที่จำเลยได้ทำการซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยให้แก่โจทก์ ณ ปลายทางตามที่ได้ตกลงกันไว้ในการรับขนส่ง แต่โจทก์เสนอให้มีการทดสอบแล้วส่งผลไปให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจวิเคราะห์และจำเลยตกลงรับข้อเสนอของโจทก์ แต่กรณีเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญที่จะทำการตรวจวิเคราะห์ผลที่ได้จากการทดสอบตกลงกันไม่ได้ โจทก์จึงฟ้องจำเลยตามพฤติการณ์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่ามีการส่งมอบเครื่องแยกแร่แม่เหล็กให้แก่โจทก์แล้วอายุความเกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยในฐานะผู้ขนส่งจึงยังไม่เริ่มนับ
การที่รถยนต์บรรทุกของจำเลยตะแคงพลิกคว่ำลงข้างถนนในระหว่างขนส่งเครื่องแยกแร่แม่เหล็กมาให้โจทก์ เครื่องแยกแร่แม่เหล็กของโจทก์ได้รับความเสียหายเพียงชำรุดบุบสลาย มิใช่เป็นการสูญหายหรือบุบสลายโดยสิ้นเชิงจนไม่สามารถใช้การได้ เมื่อจำเลยได้ทำการซ่อมแซมแล้วเครื่องแยกแร่แม่เหล็กของโจทก์ก็ยังใช้การได้ แต่ไม่ดีดังสภาพเดิมโจทก์จะปฏิเสธไม่ยอมรับเครื่องแยกแร่แม่เหล็กดังกล่าว โดยจะขอให้จำเลยชดใช้ราคาทั้งหมดรวมทั้งค่าภาษีค่าโกดังเก็บสินค้าและค่าระวางพาหนะขนส่งของจำเลยหาได้ไม่โจทก์ชอบที่จะได้รับชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1371/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัย vs. ความประมาทเลินเล่อในการขนส่งสินค้า และการคิดค่าเสียหายจากความชำรุด
เหตุสุดวิสัยนั้นย่อมหมายถึงเหตุใดๆอันจะเกิดขึ้นก็ดีจะให้ผลพิบัติก็ดีไม่มีใครจะอาจป้องกันได้แม้ทั้งบุคคลผู้ต้องประสบหรือใกล้จะต้องประสบเหตุนั้นจะได้จัดการระมัดระวังตามสมควรอันพึงคาดหมายได้จากบุคคลเช่นนั้นในฐานะเช่นนั้น พนักงานขับรถของจำเลยได้ขับรถออกนอกผิวจราจรโดยมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรประกอบกับรถยนต์ของจำเลยบรรทุกของหนักเป็นเหตุให้ดินที่ขอบไหล่ถนนทางด้านซ้ายทรุดหรือยุบทำให้รถยนต์ของจำเลยเสียหลักแล่นตะแคงพลิกคว่ำตกลงไปข้างถนนซึ่งพนักงานของจำเลยมีทางที่จะป้องกันมิให้เหตุนั้นเกิดขึ้นได้หากใช้ความระมัดระวังขับรถบนผิวจราจรของถนนในช่องทางเดินรถของตนตามปกติเมื่อมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเหตุที่เกิดขึ้นจึงเป็นความประมาทเลินเล่อมิใช่เหตุสุดวิสัย โจทก์ได้นำรถยนต์บรรทุกมาบรรทุกเครื่องแยกแร่แม่เหล็กของตนที่ได้รับความเสียหายในระหว่างการขนส่งของจำเลยจากที่เกิดเหตุไปเก็บรักษาไว้ที่บริษัทโจทก์เป็นการนำไปเก็บรักษาไว้ชั่วคราวเพื่อป้องกันมิให้สูญหาย อันเป็นการช่วยบรรเทาผลร้ายให้แก่จำเลยแต่ต่อมาจำเลยได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างของจำเลยไปตรวจสอบความเสียหายของเครื่องแยกแร่แม่เหล็กของโจทก์ที่จำเลยได้ทำการซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยให้แก่โจทก์ณปลายทางตามที่ได้ตกลงกันไว้ในการรับขนส่งแต่โจทก์เสนอให้มีการทดสอบแล้วส่งผลไปให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจวิเคราะห์และจำเลยตกลงรับข้อเสนอของโจทก์แต่กรณีเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญที่จะทำการตรวจวิเคราะห์ผลที่ได้จากการทดสอบตกลงกันไม่ได้โจทก์จึงฟ้องจำเลยตามพฤติการณ์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่ามีการส่งมอบเครื่องแยกแร่แม่เหล็กให้แก่โจทก์แล้วอายุความเกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยในฐานะผู้ขนส่งจึงยังไม่เริ่มนับ การที่รถยนต์บรรทุกของจำเลยตะแคงพลิกคว่ำลงข้างถนนในระหว่างขนส่งเครื่องแยกแร่แม่เหล็กมาให้โจทก์เครื่องแยกแร่แม่เหล็กของโจทก์ได้รับความเสียหายเพียงชำรุดบุบสลายมิใช่เป็นการสูญหายหรือบุบสลายโดยสิ้นเชิงจนไม่สามารถใช้การได้เมื่อจำเลยได้ทำการซ่อมแซมแล้วเครื่องแยกแร่แม่เหล็กของโจทก์ก็ยังใช้การได้แต่ไม่ดีดังสภาพเดิมโจทก์จะปฏิเสธไม่ยอมรับเครื่องแยกแร่แม่เหล็กดังกล่าวโดยจะขอให้จำเลยชดใช้ราคาทั้งหมดรวมทั้งค่าภาษีค่าโกดังเก็บสินค้าและค่าระวางพาหนะขนส่งของจำเลยหาได้ไม่โจทก์ชอบที่จะได้รับชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอพิจารณาคดีใหม่เนื่องจากความเข้าใจผิดเรื่องวันนัดพิจารณา ซึ่งส่งผลต่อการขาดนัด จำเลยมิได้จงใจ
จำเลยขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างว่า ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายซึ่งเป็นเสมียนฝึกหัดใหม่นำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นต่อศาล และกำหนดวันนัดพิจารณาแทน โดยทนายจำเลยจดวันว่างมอบให้เสมียนทนายมากำหนดวันนัดใหม่ แต่ทนายโจทก์เป็นผู้ทำเครื่องหมายวงกลมบนกระดาษที่ทนายจำเลยจดวันว่างให้แก่เสมียนทนายดังกล่าว โดยวงไว้ วันที่ 2 และ15 กรกฎาคม 2525 และเขียนข้อความไว้ด้วยว่านัดสืบ 2 วัน และเสมียนทนายจำเลยได้นำกระดาษดังกล่าวมามอบให้ทนายจำเลย ทำให้ทนายจำเลยเข้าใจวันนัดผิดโดยคิดว่านัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 2 และ 15 กรกฎาคม 2525 ซึ่งถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังข้อกล่าวอ้างของจำเลย ย่อมถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาอันเป็นเหตุที่จำเลยจะขอให้พิจารณาใหม่ได้ ศาลชั้นต้นควรให้โอกาสโจทก์ยื่นคำคัดค้านและไต่สวนพยานหลักฐานให้สิ้นกระแสความก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากความเข้าใจผิดเรื่องวันนัด สืบเนื่องจากการมอบฉันทะให้เสมียนทนาย และการจดวันว่าง
จำเลยขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างว่า ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายซึ่งเป็นเสมียนฝึกหัดใหม่นำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นต่อศาล และกำหนดวันนัดพิจารณาแทนโดยทนายจำเลยจดวันว่างมอบให้ เสมียนทนายมากำหนดวันนัดใหม่แต่ทนายโจทก์เป็นผู้ทำเครื่องหมายวงกลม บนกระดาษที่ทนายจำเลยจดวันว่างให้แก่เสมียนทนายดังกล่าวโดยวงไว้ วันที่ 2 และ15 กรกฎาคม 2525 และเขียนข้อความไว้ด้วยว่านัดสืบ 2วัน และเสมียนทนายจำเลยได้นำกระดาษดังกล่าวมามอบให้ทนายจำเลย ทำให้ทนายจำเลยเข้าใจวันนัดผิดโดยคิดว่านัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 2 และ 15 กรกฎาคม 2525 ซึ่งถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังข้อกล่าวอ้างของจำเลย ย่อมถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาอันเป็นเหตุที่จำเลยจะขอให้พิจารณาใหม่ได้ ศาลชั้นต้นควรให้โอกาสโจทก์ยื่นคำคัดค้านและไต่สวนพยานหลักฐานให้สิ้นกระแสความก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความยินยอมให้ใช้ที่ดินเป็นสิทธิชั่วคราว เจ้าของที่ดินมีสิทธิบอกเลิกได้เสมอ
การที่นายสมพรสามีโจทก์อนุญาตให้จำเลยปลูกบ้านทำรั้วเข้าไปในที่พิพาทเป็นเพียงการเอื้อเฟื้อจำเลยฉันพี่น้อง คงมีผลเพียงมิให้จำเลยต้องรับผิดฐานละเมิดเท่านั้นซึ่งความยินยอมนั้นเป็นเรื่องให้ประโยชน์แก่จำเลยฝ่ายเดียว โดยนายสมพรมิได้รับค่าตอบแทนใดๆ เลย ย่อมมีผลผูกพันนายสมพรตราบเท่าที่ความยินยอมนั้นยังคงอยู่ ที่เจ้าของที่พิพาทให้ความยินยอมเช่นนี้ ก็ย่อมจะยกเลิกเพิกถอนเสียเมื่อใดก็ได้ โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสมพร ซึ่งเป็นผู้สืบสิทธิจากเจ้าของที่พิพาทฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำ ย่อมถือได้ว่าเป็นการบอกเลิกความยินยอมอนุญาตให้จำเลยใช้ที่พิพาทแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะให้สิ่งปลูกสร้างคงอยู่ในที่พิพาทอีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความยินยอมให้ปลูกสร้างบนที่ดินของผู้อื่นเป็นเพียงการเอื้อเฟื้อ สิทธิในการเพิกถอนเป็นของผู้ให้ความยินยอม
การที่นายสมพรสามีโจทก์อนุญาตให้จำเลยปลูกบ้านทำรั้วเข้าไปในที่พิพาทเป็นเพียงการเอื้อเฟื้อจำเลยฉันพี่น้องคงมีผลเพียงมิให้จำเลยต้องรับผิดฐานละเมิดเท่านั้นซึ่งความยินยอมนั้นเป็นเรื่องให้ประโยชน์แก่จำเลยฝ่ายเดียว โดยนายสมพรมิได้รับค่าตอบแทนใดๆ เลย ย่อมมีผลผูกพันนายสมพรตราบเท่าที่ความยินยอมนั้นยังคงอยู่ที่เจ้าของที่พิพาทให้ความยินยอมเช่นนี้ ก็ย่อมจะยกเลิกเพิกถอนเสียเมื่อใดก็ได้โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสมพร ซึ่งเป็นผู้สืบสิทธิจากเจ้าของที่พิพาทฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำย่อมถือได้ว่าเป็นการบอกเลิกความยินยอมอนุญาตให้จำเลยใช้ที่พิพาทแล้วจำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะให้สิ่งปลูกสร้างคงอยู่ในที่พิพาทอีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การที่จำเลยไม่ยกเหตุแก้ต่างที่มีอยู่แล้วในคดีก่อน แล้วกลับฟ้องร้องใหม่ในประเด็นเดิม ถือเป็นการฟ้องซ้ำตามกฎหมาย
คดีนี้กับคดีก่อนมีคู่ความเดียวกัน มรดกที่พิพาทรายเดียวกัน คดีมีประเด็นอย่างเดียวกันว่า ในระหว่างโจทก์กับจำเลยใครมีสิทธิรับมรดก คดีก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว โดยศาลวินิจฉัยว่าพินัยกรรมฉบับที่นำมาฟ้องในคดีก่อนสมบูรณ์ โจทก์คดีก่อนมีสิทธิรับมรดกตามพินัยกรรมแต่ผู้เดียว โจทก์คดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนกลับนำมาฟ้องโจทก์คดีก่อนเป็นจำเลยคดีนี้เรียกเอามรดกรายเดียวกันอีกโดยอ้างพินัยกรรมฉบับใหม่ ดังนี้ แม้เหตุที่อ้างในคดีนี้จะต่างกับคดีก่อนโดยอ้างว่ามีพินัยกรรมฉบับใหม่ก็ตาม แต่พินัยกรรมฉบับหลังนี้ก็มีอยู่แล้วก่อนพิพาทกันในคดีก่อน โจทก์คดีนี้ชอบที่จะยกเป็นข้อต่อสู้ในคดีก่อนได้ แต่ก็หาได้ยกขึ้นต่อสู้ไม่ เมื่อแพ้คดีแล้วจะกลับมาอ้างเหตุที่ตนมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในคดีก่อนมารื้อร้องฟ้องกันอีกฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: เมื่อคู่ความเดิมฟ้องร้องเรื่องมรดกซ้ำ โดยมีข้ออ้างใหม่แต่มีอยู่ก่อนแล้ว
คดีนี้กับคดีก่อนมีคู่ความเดียวกัน มรดกที่พิพาทรายเดียวกัน คดีมีประเด็นอย่างเดียวกันว่าในระหว่างโจทก์กับจำเลยใครมีสิทธิรับมรดกคดีก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วโดยศาลวินิจฉัยว่าพินัยกรรมฉบับที่นำมาฟ้องในคดีก่อนสมบูรณ์โจทก์คดีก่อนมีสิทธิรับมรดกตามพินัยกรรมแต่ผู้เดียวโจทก์คดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนกลับนำมาฟ้องโจทก์คดีก่อนเป็นจำเลยคดีนี้เรียกเอามรดกรายเดียวกันอีกโดยอ้างพินัยกรรมฉบับใหม่ดังนี้แม้เหตุที่อ้างในคดีนี้จะต่างกับคดีก่อนโดยอ้างว่ามีพินัยกรรมฉบับใหม่ก็ตามแต่พินัยกรรมฉบับหลังนี้ก็มีอยู่แล้วก่อนพิพาทกันในคดีก่อนโจทก์คดีนี้ชอบที่จะยกเป็นข้อต่อสู้ในคดีก่อนได้ แต่ก็หาได้ยกขึ้นต่อสู้ไม่เมื่อแพ้คดีแล้วจะกลับมาอ้างเหตุที่ตนมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในคดีก่อนมารื้อร้องฟ้องกันอีกฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
of 35