คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประการ กาญจนศูนย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 343 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิยึดถือโฉนดที่ดินเป็นประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชี แม้เสนอชำระหนี้ไม่ครบถ้วน
สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อกัน มีข้อความที่เกี่ยวกับหลักประกันว่าให้โจทก์จำนองที่ดินโฉนดรายพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกัน และให้จำเลยยึดถือโฉนดดังกล่าวไว้เป็นหลักประกันจนกว่าจะได้รับชำระหนี้แล้วโดยสิ้นเชิง เมื่อโจทก์ยังเป็นหนี้จำเลยมากกว่าที่โจทก์จะชำระให้แก่จำเลย จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่รับชำระหนี้และยึดถือโฉนดไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 942/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิยึดหน่วงโฉนดที่ดินเป็นประกันหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี แม้เสนอชำระหนี้ไม่ครบ
สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อกัน มีข้อความที่เกี่ยวกับหลักประกันว่าให้โจทก์จำนองที่ดินโฉนดรายพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันและให้จำเลยยึดถือโฉนดดังกล่าวไว้เป็นหลักประกันจนกว่าจะได้รับชำระหนี้แล้วโดยสิ้นเชิงเมื่อโจทก์ยังเป็นหนี้จำเลยมากกว่าที่โจทก์จะชำระให้แก่จำเลยจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่รับชำระหนี้และยึดถือโฉนดไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 909/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาบัญชีเดินสะพัด, ดอกเบี้ยทบต้น, การคิดดอกเบี้ยที่ถูกต้องตามข้อตกลงและกฎหมาย
จำเลยเปิดบัญชีกระแสรายวันไว้กับธนาคารโจทก์ และฝากเงินในวันเดียวกัน หลังจากนั้นจำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินจากบัญชีและนำเงินฝากเข้าบัญชีหลายครั้ง โดยโจทก์จะคิดหักยอดเงินในบัญชีทุกครั้ง หากจำเลยเป็นหนี้เบิกเงินเกินกว่าเงินที่มีอยู่ในบัญชี โจทก์จะคิดดอกเบี้ยทบต้นทุกเดือนในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีจากเงินที่เป็นหนี้ตามประเพณีของธนาคาร ดังนี้ เป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 856

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต และการบังคับใช้กฎหมายอาคารหลังได้รับอนุญาตแล้ว
จำเลยดัดแปลงผนังทึบอาคารตึกแถวด้านหลังซึ่งมีเขตติดต่อกับทางเดินอันเป็นที่ดินของกรมธนารักษ์ ตามที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกสร้างโดยเจาะทำประตูเหล็กยึดและหน้าต่างกระจกบานเกล็ดมิได้รุกล้ำเขตที่ดินข้างเคียง การกระทำของจำเลยก็ขัดต่อข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2522 ข้อ 75 เมื่อการดัดแปลงดังกล่าวเสร็จพร้อมกับการก่อสร้างตึกแถวซึ่งอยู่ภายในกำหนดอายุเวลาของใบอนุญาต แต่ขณะนั้นพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ใช้บังคับแล้ว กรณีก็ต้อง บังคับตามกฎหมายดังกล่าว มิใช่เป็นเรื่องกฎหมายมีผลบังคับย้อนหลังจำเลยถูกดำเนินคดีอาญาข้อหาดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตและศาลพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุดแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและหัวหน้าเขตโจทก์ที่สั่งให้รื้อถอนประตูหน้าต่างผนังอาคารที่พิพาทโจทก์มีอำนาจขอให้ศาลสั่งบังคับจำเลยรื้อถอนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานพาอาวุธและการทำร้ายร่างกาย: ข้อจำกัดในการอุทธรณ์และหลักต่างกรรมกัน
ข้อหาความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 มีอัตราโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ และโจทก์บรรยายฟ้องข้อหาตามมาตรา 371 กับความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัสตาม มาตรา 297 เป็นกรณีต่างกรรมกัน มิใช่เป็นเรื่องกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท การที่ศาลอุทธรณ์รับพิจารณาความผิดตามมาตรา 297 จึงไม่มีสาเหตุที่จะต้องรับพิจารณาความผิดตาม มาตรา 371 ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์และยุติไปแล้ว ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตาม มาตรา371 จึงไม่ชอบ ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้ามฟ้อง คดีพาอาวุธที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องแล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจพิจารณา
ข้อหาความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 มีอัตราโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาทศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ และโจทก์บรรยายฟ้องข้อหาตามมาตรา 371 กับความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัสตาม มาตรา 297 เป็นกรณีต่างกรรมกัน มิใช่เป็นเรื่องกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท การที่ศาลอุทธรณ์รับพิจารณาความผิดตามมาตรา 297 จึงไม่มีสาเหตุที่จะต้องรับพิจารณาความผิดตาม มาตรา 371 ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์และยุติไปแล้ว ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตาม มาตรา371 จึงไม่ชอบ ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ต้องทำตามแบบโอนหุ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ หากทำตามระเบียบตลาดหลักทรัพย์
การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น มิใช่การ ซื้อขายหุ้นตามปกติธรรมดา แต่เป็นการซื้อขายหุ้นซึ่งกระทำตามระเบียบวิธีปฏิบัติของการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ฯ เป็นกรณีพิเศษต่างหาก จึงไม่จำต้องปฏิบัติตามแบบของการโอนหุ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ มิใช่การซื้อขายหุ้นตามปกติ ไม่ต้องทำตามแบบตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ
การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น มิใช่การ ซื้อขายหุ้นตามปกติธรรมดา แต่เป็นการซื้อขายหุ้นซึ่งกระทำตามระเบียบวิธีปฏิบัติของการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นกรณีพิเศษต่างหาก จึงไม่จำต้องปฏิบัติตามแบบของการโอนหุ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ประเด็นต่างกัน แม้ที่ดินแปลงเดียวกัน
โจทก์เคยฟ้องจำเลยขอแบ่งที่ดินในฐานะที่เป็นทายาทของเจ้ามรดกร่วมกับจำเลย จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย คดีถึงที่สุดโดยศาลฟังว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย ต่อมาโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ โดยบรรยายฟ้องว่าที่พิพาทซึ่งจำเลยปักหลักเขตรุกล้ำเป็นคนละแปลงกับที่พิพาทในคดีก่อน จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยปักหลักเขตภายในที่ดินของจำเลยซึ่งเคยเป็นที่พิพาทในคดีก่อน มิได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ประเด็นในคดีนี้จึงมีว่าจำเลยปักหลักเขตรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์หรือไม่ ส่วนประเด็นในคดีก่อนมีว่าที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งร่วมกับจำเลยหรือไม่ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ซ้ำกับคดีก่อน ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำหรือไม่: ประเด็นต่างกัน แม้ที่ดินแปลงเดียวกัน ศาลอนุญาตฟ้องได้
โจทก์เคยฟ้องจำเลยขอแบ่งที่ดินในฐานะที่เป็นทายาทของเจ้ามรดกร่วมกับจำเลย จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย คดีถึงที่สุดโดยศาลฟังว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยต่อมาโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ โดยบรรยายฟ้องว่าที่พิพาทซึ่งจำเลยปักหลักเขตรุกล้ำเป็นคนละแปลงกับที่พิพาทในคดีก่อน จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยปักหลักเขตภายในที่ดินของจำเลยซึ่งเคยเป็นที่พิพาทในคดีก่อน มิได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ประเด็นในคดีนี้จึงมีว่าจำเลยปักหลักเขตรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์หรือไม่ ส่วนประเด็นในคดีก่อนมีว่า ที่พิพาทเป็นทรัพย์มรดกซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งร่วมกับจำเลยหรือไม่ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่ซ้ำกับคดีก่อน ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
of 35