พบผลลัพธ์ทั้งหมด 343 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3747/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจคณะกรรมการบริษัทต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของที่ประชุมผู้ถือหุ้น การลงมติขัดเจตนารมณ์ผู้ถือหุ้นเป็นโมฆะ
ปัญหาเรื่องการตั้งบริษัท ด. ให้เป็นผู้จัดการของบริษัทส.นี้ ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่แห่งผู้ถือหุ้นของบริษัท ส.มาแล้วสองครั้ง แต่ได้มีการเลื่อนการประชุมออกไปโดยปัญหาดังกล่าวยังถือว่าค้างพิจารณาเพื่อรอการลงมติอยู่ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมิได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริษัทนำเรื่องนี้ไปประชุมพิจารณาลงมติกันเองอำนาจของคณะกรรมการที่จะจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้เห็นได้ว่าถูกจำกัดให้อยู่ในความครอบงำของที่ประชุมใหญ่แห่งผู้ถือหุ้นตลอดมาแต่ต้น การที่คณะกรรมการถือโอกาสรวบรัดประชุมลงมติเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนที่จะมีมติของที่ประชุมใหญ่ในคราวต่อไปจึงเป็นการกระทำที่ฝืนเจตนารมณ์ของที่ประชุมผู้ถือหุ้นและขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1144และมาตรา 1168 นับเป็นมติที่ไม่ชอบอันอาจทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นเสียหาย ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นชอบที่จะขอให้เพิกถอนเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3658/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำให้เช็คไร้ประโยชน์ทางแพ่งและอาญา การลงวันที่ย้อนหลังทำให้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
การที่จำเลยเขียนกรอกข้อความลงในเช็คผู้ถือซึ่งมิได้ลงวันที่ไว้เป็นวันที่ 5 มีนาคม 2515 ซึ่งย้อนหลังไปจากวันที่ผู้เสียหายนำเช็คไปขอแลกเงินจากจำเลยเป็นเวลาถึง 8 ปีเศษ ซึ่งธนาคารชอบที่จะปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะถือเป็นความผิดของผู้ทรงที่ยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงินเมื่อพ้นหกเดือนนับแต่วันออกเช็ค และผู้ทรงเช็คก็หมดสิทธิฟ้องไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยผู้สั่งจ่าย หากจำเลยสู้ว่าฟ้องพ้นอายุความหนึ่งปีนับแต่วันเช็คถึงกำหนดตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991 (2) และ1002การกระทำของจำเลยย่อมแสดงว่ามีเจตนาที่จะให้เสียหายและไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารเช็คในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3658/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำให้เช็คไร้ประโยชน์ การกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188
การที่จำเลยเขียนกรอกข้อความลงในเช็คผู้ถือซึ่งมิได้ลงวันที่ไว้เป็นวันที่ 5 มีนาคม 2515 ซึ่งย้อนหลังไปจากวันที่ผู้เสียหายนำเช็คไปขอแลกเงินจากจำเลยเป็นเวลาถึง 8 ปีเศษ ซึ่งธนาคารชอบที่จะปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะถือเป็นความผิดของผู้ทรงที่ยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงินเมื่อพ้นหกเดือนนับแต่วันออกเช็ค และผู้ทรงเช็คก็หมดสิทธิฟ้องไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยผู้สั่งจ่าย หากจำเลยสู้ว่าฟ้องพ้นอายุความหนึ่งปีนับแต่วันเช็คถึงกำหนดตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991(2) และ1002การกระทำของจำเลยย่อมแสดงว่ามีเจตนาที่จะให้เสียหายและไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารเช็คในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3503/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร: การบรรยายฟ้องและองค์ประกอบความผิด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์อายุกว่าสิบสามปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี และมีข้อความในวงเล็บระบุถึงอายุของผู้เสียหายไว้ชัดเจนว่า ผู้เสียหายอายุ 14 ปีเศษ ไปเสียจากว. ซึ่งเป็นบิดาและผู้ปกครองเพื่อการอนาจาร โดยผู้เสียหายเต็มใจไปด้วย ดังนี้ครบองค์ประกอบความผิดฐานพรากผู้เยาว์แล้ว ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) หาเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่ ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่1 ได้กระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่หลายครั้งเป็นเพียงข้อประกอบเจตนาแสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันพรากผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารตามบทกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษโดยตรง โจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 จึงไม่จำต้องบรรยายถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลา สถานที่และจำนวนครั้งที่จำเลยที่ 1 ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย และที่จำเลยทั้งสองเป็นสามีภริยากันหรือไม่ก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา มิใช่ข้อสำคัญที่จะต้องกล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3503/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร: การบรรยายฟ้องและข้อประกอบเจตนา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันพรากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์อายุกว่าสิบสามปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี และมีข้อความในวงเล็บระบุถึงอายุของผู้เสียหายไว้ชัดเจนว่า ผู้เสียหายอายุ 14 ปีเศษ ไปเสียจาก ว. ซึ่งเป็นบิดาและผู้ปกครองเพื่อการอนาจาร โดยผู้เสียหายเต็มใจไปด้วย ดังนี้ครบองค์ประกอบความผิดฐานพรากผู้เยาว์แล้ว ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) หาเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่ ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่หลายครั้งเป็นเพียงข้อประกอบเจตนาแสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันพรากผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารตามบทกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษโดยตรง โจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 จึงไม่จำต้องบรรยายถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลา สถานที่และจำนวนครั้งที่จำเลยที่ 1 ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย และที่จำเลยทั้งสองเป็นสามีภริยากันหรือไม่ก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา มิใช่ข้อสำคัญที่จะต้องกล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3492/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดทรัพย์สิน: การรวมแปลงขาย, การสมยอมประมูล, และการชำระเงินค่าซื้อ
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 บัญญัติเป็นหลักบังคับไว้ว่า ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่มีหลายสิ่งด้วยกัน ให้แยกขายทีละสิ่งต่อเนื่องกันไป แต่ก็ให้อำนาจแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะจัดขายอสังหาริมทรัพย์สองสิ่งหรือกว่านั้นขึ้นไป รวมขายไปด้วยกันได้ ในเมื่อเป็นที่คาดหมายได้ว่าเงินรายได้ในการขายจะเพิ่มขึ้นเพราะเหตุนั้น
เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยสองแปลงรวมไปด้วยกัน หากจำเลยเห็นว่าควรแยกขายทีละแปลง จำเลยก็ชอบที่จะร้องคัดค้านไว้ตามมาตรา 309 วรรคท้าย จำเลยจะยกความข้อนี้เป็นเหตุคัดค้านเมื่อการขายทอดตลาดสำเร็จบริบูรณ์แล้วหาได้ไม่
การขายทอดตลาดครั้งก่อนผู้สู้ราคาสูงสุดไม่วางเงินค่าซื้อตามเงื่อนไข การขายทอดตลาด จึงประกาศขายใหม่ การขายทอดตลาดครั้งหลังแม้จะได้ราคาต่ำกว่าการขายครั้งก่อนก็ตาม ศาลก็อนุญาตให้ขายแก่ผู้สู้ราคาสูงสุดในครั้งหลังได้ และถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับความเสียหาย เพราะราคาส่วนที่ต่ำหรือขาดไปนี้ผู้สู้ราคาสูงสุดในการขายครั้งก่อนยังต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา516
เงื่อนไขในการขายทอดตลาดกำหนดไว้ว่า ผู้ซื้อทรัพย์ได้จากการขายทอดตลาดต้องชำระเงินค่าซื้อในวันขายทอดตลาดร้อยละ 25 ของราคา จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาคดีนี้ 118,700 บาท โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินที่ขายทอดตลาดได้ในราคา 240,000 บาท โจทก์ขอหักหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาดังกล่าว ได้ชำระค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดร้อยละ 5 ของจำนวนเงินที่ขายเป็นเงิน 12,050 บาทส่วนเงินที่เหลือจำนวน 110,250 บาท โจทก์ได้ชำระภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันขายทอดตลาดซึ่งอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะขยายกำหนดเวลาให้ได้ ทั้งเป็นไปตามเงื่อนไขการประกาศขายทอดตลาด ดังนี้ การซื้อทรัพย์ของโจทก์จึงเป็นไปโดยชอบ
เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยสองแปลงรวมไปด้วยกัน หากจำเลยเห็นว่าควรแยกขายทีละแปลง จำเลยก็ชอบที่จะร้องคัดค้านไว้ตามมาตรา 309 วรรคท้าย จำเลยจะยกความข้อนี้เป็นเหตุคัดค้านเมื่อการขายทอดตลาดสำเร็จบริบูรณ์แล้วหาได้ไม่
การขายทอดตลาดครั้งก่อนผู้สู้ราคาสูงสุดไม่วางเงินค่าซื้อตามเงื่อนไข การขายทอดตลาด จึงประกาศขายใหม่ การขายทอดตลาดครั้งหลังแม้จะได้ราคาต่ำกว่าการขายครั้งก่อนก็ตาม ศาลก็อนุญาตให้ขายแก่ผู้สู้ราคาสูงสุดในครั้งหลังได้ และถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับความเสียหาย เพราะราคาส่วนที่ต่ำหรือขาดไปนี้ผู้สู้ราคาสูงสุดในการขายครั้งก่อนยังต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา516
เงื่อนไขในการขายทอดตลาดกำหนดไว้ว่า ผู้ซื้อทรัพย์ได้จากการขายทอดตลาดต้องชำระเงินค่าซื้อในวันขายทอดตลาดร้อยละ 25 ของราคา จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาคดีนี้ 118,700 บาท โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินที่ขายทอดตลาดได้ในราคา 240,000 บาท โจทก์ขอหักหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาดังกล่าว ได้ชำระค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดร้อยละ 5 ของจำนวนเงินที่ขายเป็นเงิน 12,050 บาทส่วนเงินที่เหลือจำนวน 110,250 บาท โจทก์ได้ชำระภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันขายทอดตลาดซึ่งอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะขยายกำหนดเวลาให้ได้ ทั้งเป็นไปตามเงื่อนไขการประกาศขายทอดตลาด ดังนี้ การซื้อทรัพย์ของโจทก์จึงเป็นไปโดยชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3492/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดรวมทรัพย์สินหลายแปลง เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจรวมขายได้หากคาดว่าจะได้ราคาเพิ่มขึ้น การชำระเงินตามเงื่อนไขเป็นไปโดยชอบ
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 บัญญัติเป็นหลักบังคับไว้ว่า ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่มีหลายสิ่งด้วยกัน ให้แยกขายทีละสิ่งต่อเนื่องกันไป แต่ก็ให้อำนาจแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะจัดขายอสังหาริมทรัพย์สองสิ่งหรือกว่านั้นขึ้นไป รวมขายไปด้วยกันได้ ในเมื่อเป็นที่คาดหมายได้ว่าเงินรายได้ในการขายจะเพิ่มขึ้นเพราะเหตุนั้น
เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยสองแปลงรวมไปด้วยกัน หากจำเลยเห็นว่าควรแยกขายทีละแปลง จำเลยก็ชอบที่จะร้องคัดค้านไว้ตามมาตรา 309 วรรคท้าย จำเลยจะยกความข้อนี้เป็นเหตุคัดค้านเมื่อการขายทอดตลาดสำเร็จบริบูรณ์แล้วหาได้ไม่
การขายทอดตลาดครั้งก่อนผู้สู้ราคาสูงสุดไม่วางเงินค่าซื้อตามเงื่อนไข การขายทอดตลาด จึงประกาศขายใหม่ การขายทอดตลาดครั้งหลังแม้จะได้ราคาต่ำกว่าการขายครั้งก่อนก็ตาม ศาลก็อนุญาตให้ขายแก่ผู้สู้ราคาสูงสุดในครั้งหลังได้ และถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับความเสียหาย เพราะราคาส่วนที่ต่ำหรือขาดไปนี้ผู้สู้ราคาสูงสุดในการขายครั้งก่อนยังต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 516
เงื่อนไขในการขายทอดตลาดกำหนดไว้ว่า ผู้ซื้อทรัพย์ได้จากการขายทอดตลาดต้องชำระเงินค่าซื้อในวันขายทอดตลาดร้อยละ 25 ของราคา จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาคดีนี้ 118,700 บาท โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินที่ขายทอดตลาดได้ในราคา 240,000 บาท โจทก์ขอหักหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาดังกล่าว ได้ชำระค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดร้อยละ 5 ของจำนวนเงินที่ขายเป็นเงิน 12,050 บาทส่วนเงินที่เหลือจำนวน 110,250 บาท โจทก์ได้ชำระภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันขายทอดตลาดซึ่งอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะขยายกำหนดเวลาให้ได้ ทั้งเป็นไปตามเงื่อนไขการประกาศขายทอดตลาด ดังนี้ การซื้อทรัพย์ของโจทก์จึงเป็นไปโดยชอบ
เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยสองแปลงรวมไปด้วยกัน หากจำเลยเห็นว่าควรแยกขายทีละแปลง จำเลยก็ชอบที่จะร้องคัดค้านไว้ตามมาตรา 309 วรรคท้าย จำเลยจะยกความข้อนี้เป็นเหตุคัดค้านเมื่อการขายทอดตลาดสำเร็จบริบูรณ์แล้วหาได้ไม่
การขายทอดตลาดครั้งก่อนผู้สู้ราคาสูงสุดไม่วางเงินค่าซื้อตามเงื่อนไข การขายทอดตลาด จึงประกาศขายใหม่ การขายทอดตลาดครั้งหลังแม้จะได้ราคาต่ำกว่าการขายครั้งก่อนก็ตาม ศาลก็อนุญาตให้ขายแก่ผู้สู้ราคาสูงสุดในครั้งหลังได้ และถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับความเสียหาย เพราะราคาส่วนที่ต่ำหรือขาดไปนี้ผู้สู้ราคาสูงสุดในการขายครั้งก่อนยังต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 516
เงื่อนไขในการขายทอดตลาดกำหนดไว้ว่า ผู้ซื้อทรัพย์ได้จากการขายทอดตลาดต้องชำระเงินค่าซื้อในวันขายทอดตลาดร้อยละ 25 ของราคา จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาคดีนี้ 118,700 บาท โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินที่ขายทอดตลาดได้ในราคา 240,000 บาท โจทก์ขอหักหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาดังกล่าว ได้ชำระค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดร้อยละ 5 ของจำนวนเงินที่ขายเป็นเงิน 12,050 บาทส่วนเงินที่เหลือจำนวน 110,250 บาท โจทก์ได้ชำระภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันขายทอดตลาดซึ่งอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะขยายกำหนดเวลาให้ได้ ทั้งเป็นไปตามเงื่อนไขการประกาศขายทอดตลาด ดังนี้ การซื้อทรัพย์ของโจทก์จึงเป็นไปโดยชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3420/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินเพื่อประโยชน์ราชการกลายเป็นสาธารณสมบัติ แม้ไม่จดทะเบียน โจทก์ผู้ครอบครองสู้มิได้
การซื้อขายที่พิพาทซึ่งเป็นที่มีโฉนดนี้เป็นที่ทราบกันว่า ฝ่ายจำเลยซื้อไปเพื่อใช้ประโยชน์ในราชการทหาร ซึ่งเป็นผลให้ที่พิพาทกลายเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3) การที่ พ.ตกลงขายที่พิพาทให้แก่จำเลย จึงเป็นการแสดงเจตนาสละที่พิพาทให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตั้งแต่วันทำสัญญา โดยไม่จำเป็นต้องมีการแก้โฉนดหรือจดทะเบียนการซื้อขายแต่อย่างใด โจทก์ซึ่งเข้าครอบครองที่พิพาทในภายหลังมิอาจยกเอาอายุความแห่งการได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองขึ้นต่อสู้แผ่นดินได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1306
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3388/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าก่อนลักทรัพย์: ศาลฎีกาชี้ขาดเป็นคนละกรรม
จำเลยกับพวกมีเจตนาแต่ต้นเพียงเพื่อจะฆ่าผู้ตายเพราะมีสาเหตุกันมาก่อน เมื่อฆ่าผู้ตายสำเร็จแล้วจึงพลอยถือโอกาสเอาปืนของผู้ตายไปด้วย การลักทรัพย์เป็นการกระทำโดยเจตนาที่เกิดขึ้นภายหลังอันเป็นคนละกรรมกับการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายซึ่งขาดตอนไปแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายและลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 335(7)
เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยร่วมกับพวกฆ่าผู้ตายและลักทรัพย์ คำพิพากษาจะต้องระบุมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญาไว้ด้วย
เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยร่วมกับพวกฆ่าผู้ตายและลักทรัพย์ คำพิพากษาจะต้องระบุมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญาไว้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3388/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าก่อนลักทรัพย์: ศาลฎีกายืนว่าเป็นการกระทำต่างกรรมกัน และต้องลงโทษตามมาตรา 83
จำเลยกับพวกมีเจตนาแต่ต้นเพียงเพื่อจะฆ่าผู้ตายเพราะมีสาเหตุกันมาก่อน เมื่อฆ่าผู้ตายสำเร็จแล้วจึงพลอยถือโอกาสเอาปืนของผู้ตายไปด้วย การลักทรัพย์เป็นการกระทำโดยเจตนาที่เกิดขึ้นภายหลังอันเป็นคนละกรรมกับการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายซึ่งขาดตอนไปแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายและลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288,335(7)
เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยร่วมกับพวกฆ่าผู้ตายและลักทรัพย์ คำพิพากษาจะต้องระบุมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญาไว้ด้วย
เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยร่วมกับพวกฆ่าผู้ตายและลักทรัพย์ คำพิพากษาจะต้องระบุมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญาไว้ด้วย